การศึกษา / มหา’ลัย รุก ‘เรียน-สอบออนไลน์’ ปรับตัวสู่เทรนด์ใหม่ของโลก

การศึกษา

 

มหา’ลัย รุก ‘เรียน-สอบออนไลน์’

ปรับตัวสู่เทรนด์ใหม่ของโลก

 

สรุปแล้วว่า ต้องจัดการเรียนการสอนออนไลน์เต็มรูปแบบสำหรับมหาวิทยาลัยต่างๆ

เหตุเพราะการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโควิด-19 เป็นตัวเร่ง จากเดิมที่เตรียมพร้อม ค่อยๆ ขยับและปรับตามสถานการณ์โลกอนาคต

ซึ่งเทรนด์การเรียนยุคใหม่ ไม่จำเป็นต้องเดินเข้าห้องเรียนก็เรียนได้ต่อเนื่อง นิสิต นักศึกษา สามารถเรียนวิชาการ พูดคุย ดีเบตกับอาจารย์ผู้สอนได้ ผ่านดิจิตอลแพลตฟอร์มหลายช่องทาง…

โดยนายสุวิทย์ เมษินทรีย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.)  ได้ออกประกาศขอความร่วมมือกับที่ประชุมอธิการบดีแห่งประเทศไทย (ทปอ.) ที่ประชุมอธิการบดีมหาวิทยาลัยราชภัฏ และที่ประชุมอธิการบดีมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคล และมหาวิทยาลัยเอกชนทุกแห่งพิจารณาดำเนินการ โดยมีเป้าหมายเพื่อลดการแพร่กระจายการติดเชื้อ ลดการเดินทาง ลดกิจกรรมที่มีคนอยู่ร่วมกันในที่เดียวกันจำนวนมาก

เป้าหมายสำคัญคือหยุดการดำเนินงานด้านการเรียนการสอนทุกรูปแบบ ยกเว้นการสอนแบบออนไลน์ เพื่อให้สถาบันอุดมศึกษาได้ปรับเปลี่ยนรูปแบบการเรียนการสอนจากแบบปกติเป็นแบบออนไลน์โดยสมบูรณ์ครบทุกหลักสูตร ภายในวันที่ 1 เมษายน 2563 ที่ผ่านมา

ยกเว้นบางหลักสูตรที่ต้องมีการปฏิบัติการ ขอให้อยู่ในดุลพินิจของแต่ละสถาบันอุดมศึกษา โดยให้บริหารจัดการให้สามารถเรียนและปฏิบัติการที่บ้านให้ได้มากที่สุด ทั้งนี้ มอบหมายให้อธิการบดีของแต่ละสถาบันอุดมศึกษา เป็นผู้รับผิดชอบในการบริหารจัดการ

ดังนั้น มหาวิทยาลัยทั่วประเทศ ทั้งที่พร้อมและไม่พร้อมจึงต้องปรับตัว จัดการเรียนการสอนออนไลน์เต็มรูปแบบทันที ผ่านช่องทางออนไลน์ต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น เฟซบุ๊กกรุ๊ป (Facebook Group) เฟซบุ๊กไลฟ์ (Facebook Live) แฮงก์เอาต์ (Hangouts) และ Zoom Microsoft Teams เป็นต้น

 

นพ.สรนิต ศิลธรรม ปลัด อว. ขยายความว่า สถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ถือเป็นตัวเร่งให้มหาวิทยาลัยจัดการเรียนการสอนออนไลน์เร็วขึ้น ถือเป็นการเตรียมความพร้อมเข้าสู่การเรียนยุคดิจิตอลเต็มรูปแบบอย่างรวดเร็ว โดยอนาคตผู้เรียนสามารถเรียนและทบทวนความรู้ที่ใดก็ได้ ยกเว้นบางวิชาที่จำเป็นต้องเรียนในภาคปฏิบัติ เช่น นักศึกษาแพทย์ ที่ต้องเรียนกับคนไข้

“อว.สนับสนุนในหลายส่วน ทั้งการประสานสำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) กลุ่มผู้ให้บริการการสื่อสารผ่านเครือข่ายโทรศัพท์มือถือรายใหญ่ของประเทศไทย ทั้งทรู เอไอเอส และดีแทค ในการร่วมกันสนับสนุนการเรียนการสอนออนไลน์สำหรับนักศึกษาทั่วประเทศ โดยนักศึกษาที่ลงทะเบียนเรียนในภาคการศึกษานี้ หรือตั้งแต่เดือนเมษายน 2563 จะใช้อินเตอร์เน็ตได้ฟรีผ่านเครือข่ายโทรศัพท์มือถือ เพื่อเรียนในระบบออนไลน์ ซึ่งแต่ละมหาวิทยาลัยได้เตรียมความพร้อมไว้แล้ว เพื่อให้นักศึกษาเข้าถึงบทเรียน ทำงาน และสื่อสารกับอาจารย์ผู้สอนได้อย่างมีประสิทธิภาพ ขณะเดียวกันอนาคตต้องไปดูระบบการสอบออนไลน์ การออกแบบการวัดผลประเมินผลที่มีประสิทธิภาพ เป็นมาตรฐานเดียวกันทุกมหาวิทยาลัย” นพ.สรนิตกล่าว

ด้านนายสุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์ อธิการบดีสถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง (สจล.) ประธาน ทปอ. กล่าวว่า โมเดลคลาสเรียนออนไลน์จะช่วยป้องกันการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 และสามารถนำไปประยุกต์ใช้ในระยะยาว ตามแนวคิดของ สจล.ในการใช้เทคโนโลยีเข้ามาดิสรัปต์การเรียนรู้ในยุคปัจจุบัน ที่สามารถเรียนได้ทุกที่อย่างไร้ขีดจำกัด

ขณะเดียวกันอำนวยความสะดวกให้อาจารย์ผู้สอนจัดคลาสเรียนออนไลน์ โดยสามารถเลือกประยุกต์ใช้แพลตฟอร์มการสอนที่เหมาะสม

 

ขณะที่นายชาลี เจริญลาภนพรัตน์ รองอธิการบดีฝ่ายวิชาการ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ (มธ.) ในฐานะประธานคณะกรรมการดูแลระบบออนไลน์และมาตรฐานหลักสูตรใหม่ ของ ทปอ.กล่าวว่า เท่าที่มีการหารืออนาคตการเรียนการสอนออนไลน์ของมหาวิทยาลัยในกลุ่ม ทปอ.นั้น ถือว่ามีความหลากหลาย มีทั้งมหาวิทยาลัยที่พร้อม และยังไม่พร้อม

เบื้องต้น ทปอ.จึงตั้งกลุ่มสื่อสารออนไลน์ ซึ่งรวมอาจารย์มหาวิทยาลัยต่างๆ กว่า 3,000 คน ในชื่อกลุ่ม Online Education Academy เพื่อหารือและช่วยเหลือกันในเรื่องการสอนออนไลน์ ทั้งในเรื่องการจัดทำหลักสูตร วิธีการสอนรูปแบบต่างๆ เป็นการแชร์ประสบการณ์ แลกเปลี่ยนเรียนรู้ และให้คำแนะนำซึ่งกันและกัน เชื่อว่าอนาคตจะพัฒนาการเรียนการสอนออนไลน์ให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น

และตอนนี้ต้องบอกว่า ทุกมหาวิทยาลัยจัดการเรียนการสอนออนไลน์เต็มรูปแบบทุกแห่งแล้ว!!

ขณะเดียวกันยังเตรียมพร้อม “สอบออนไลน์” เพราะมองแล้วว่า สถานการณ์โควิด-19 คงไม่คลี่คลายไปง่ายๆ รวมถึงยังเตรียมจัดทำ “หลักสูตรแนวใหม่” ซึ่งในอนาคตจะวัดประเมินผลจากสมรรถนะผู้เรียน โดยไม่ต้องอ้างอิงกับหน่วยกิต

ทั้งนี้ หลักสูตรดังกล่าวถือเป็นการเตรียมพร้อมรับผู้เรียนทุกช่วงวัย ไม่ใช่เฉพาะวัยปริญญาตรีเท่านั้น

เชื่อว่าอาจารย์และนักศึกษาในมหาวิทยาลัยหลายแห่งสามารถเดินหน้า “สอนและเรียนออนไลน์” ได้อย่างมีประสิทธิภาพ เพราะเริ่มดำเนินการไปบ้างแล้ว

แต่ก็ยังมีอีกหลายมหาวิทยาลัยที่ยังตามไม่ทัน และอาจส่งผลกระทบกับคุณภาพบัณฑิตที่จะจบมาในอนาคต

ดังนั้น มหาวิทยาลัย โดยเฉพาะกลุ่ม ทปอ.ที่ถือว่ามีศักยภาพ คงต้องไปคิดทบทวนว่าจะฉุดดึงมหาวิทยาลัยที่ไม่พร้อมให้ขึ้นมาใกล้เคียงกันได้อย่างไร

เพราะคุณภาพบัณฑิตย่อมสะท้อนถึงอนาคตของชาติ…

ถือเป็นข้อดีของโควิด-19 ที่เข้ามา ทำให้มหาวิทยาลัยไทยต้องปรับตัวเร็วขึ้น!!