จัตวา กลิ่นสุนทร : ต้องประคับประคองให้รอดไปด้วยกัน

ต้องเขียนเรื่องไวรัส (Virus) ตัวร้ายต่อไปอีก จนกว่ามันจะล่าถอยหมดสิ้นไปโดยฝีมือมนุษย์ หมายความว่านักวิทยาศาสตร์จะคิดค้นหาวัคซีน (Vaccine) มาทำลายมันได้เหมือนดังเชื้อโรคสายพันธุ์อื่นๆ ที่เคยมีมา

เมื่อสังคมมนุษย์โลกมีปัญหา ประเทศชาติของเราต้องเผชิญกับวิกฤตจากโรคอุบัติใหม่

การต่อสู้กับเชื้อร้ายกาจนี้ย่อมต้องร่วมไม้ร่วมมือกันด้วยความสามัคคี

เชื่อว่าทุกชาติศาสนาย่อมต้องสูญเสียทรัพย์สินมหาศาล ผู้คนล้มตายจำนวนมาก ซึ่งยังคงประเมินมิได้ในช่วงระยะเวลานี้ เหมือนกับยังไม่รู้เช่นกันว่าโศกนาฏกรรมจากไวรัสร้ายโควิด-19 จะจบสิ้นลงวันใด ณ เวลานี้ทุกชาติประเทศต่างร่วมมือร่วมใจกันทำทุกอย่างเพื่อปกป้องชีวิตของประชาชนไว้ให้ได้

คุณหมอ พยาบาล บุคลากรทางการแพทย์ ซึ่งเรียกขานกันว่านักรบชุดขาวเสียสละทำงานอย่างหนักด้วยความเสี่ยงเพื่อปกป้องชีวิตเพื่อนมนุษย์

แต่ผู้เสียสละเหล่านี้กลับต้องติดเชื้อเสียเองจำนวนไม่น้อย

กระทรวงสาธารณสุขได้รับไฟเขียวจากคณะรัฐมนตรีดำเนินการรับข้าราชการกระทรวงสาธารณสุขจำนวน 45,684 อัตรา เพื่อเข้ามาช่วยกันรับมือกับการแพร่ระบาดของโรคอุบัติใหม่อย่างเร่งด่วน

เวลานี้ย่อมต้องเชื่อฟังคำแนะนำจากคณะแพทย์อย่างเคร่งครัด โดยรัฐบาลเป็นผู้ดำเนินการออกกฎระเบียบเพื่อให้ประชาชนร่วมมืออย่ารวมกลุ่ม (Social Distancing) เพื่อหลีกเลี่ยงการติดเชื้อที่ระบาดอย่างรวดเร็ว

เรียกว่าอยู่บ้านดีที่สุด

 

รัฐบาลออกพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน (พ.ร.ก.)-(พ.ศ.2548) เพื่อใช้ควบคุมสถานการณ์ รวมทั้งประกาศเคอร์ฟิวช่วงระยะเวลา 4 ทุ่ม-ตี 4 ห้ามเดินทางออกนอกบ้าน ป้องกันการแพร่ของเชื้อโรค

แต่ยังมีผู้ฝ่าฝืนออกมาเที่ยวเตร่กินเหล้าจัดงานปาร์ตี้ กระทั่งเสพยาเสพติดอยู่ไม่เว้นแต่ละวัน

ซึ่งเราต่างรู้ดีอยู่กับใจว่าความเป็นอยู่คนในบ้านเมืองมันไม่เหมือนกัน เอาแต่นอนอยู่บ้านมันก็ไม่มีอะไรจะกิน แค่หยุดงานก็ลำบากยากแค้น ต้องพึ่งพาข้าววัดมันก็มีให้เห็นอยู่

สำหรับสังคมใหญ่ๆ ไม่เป็นเฉพาะบ้านเรา ประเทศไหนๆ ในโลกไม่แตกต่างกัน ทั้งๆ ที่ถูกเจ้าหน้าที่ว่ากล่าวตักเตือนจับกุมส่งฟ้องศาลทำการปรับเงินทองลงโทษคุมขัง แต่ยังแหกกฎกันอยู่ทุกวัน

รัฐบาลต้องบริหารการเงินการคลังจัดการตัดเพิ่มงบฯ ออกพันธบัตรออกกฎหมายเพื่อกู้เงินมาเยียวยาช่วยเหลือประชาชน แก้ปัญหาเศรษฐกิจ

แต่จะว่าไปมันคงลำบากที่จะให้ทั่วถึง

ในเวลาเดียวกันอาจไม่เข้าเป้าถึงมือผู้ยากไร้จริงๆ ทั้งหมดแม้จะทำงานอย่างหนัก

ยืนยันว่าการเยียวยาของรัฐบาลอาจจะได้แค่เพียงน้อยนิดแม้จะใส่เงินลงไปถึง 6 แสนล้านบาท

โดยยอดนี้รวมกับการช่วยเหลือทางด้านการแพทย์ด้วยย่อมต่อชีวิตเล็กๆ ได้บ้าง เพราะถึงอย่างไรเงินเหล่านี้มันก็คือเงินของประชาชนของประเทศนี้ไม่ใช่เงินของผู้บริหารประเทศ ต้องหาทางคืนให้ถึงมือประชาชนมากที่สุดเท่าที่จะทำได้

รัฐบาลตั้งเป้านโยบาย “เราไม่ทิ้งกัน” ด้วยการแจกเงินคนละ 5,000 บาทเป็นเวลาถึง 6 เดือน โดยได้แจกงวดแรกไปแล้วจำนวน 1. 6 ล้านคน เริ่มจ่ายอาชีพมัคคุเทศก์ หรือไกด์ (Guide) คนขับรถแท็กซี่ มอเตอร์ไซค์รับจ้าง ขายล็อตเตอรี่ก่อน

หวังว่าเจ้าหน้าที่จะสามารถเฟ้นหาคัดกรองผู้ที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 ที่ยากไร้ให้ได้รับเงินเท่านั้น

 

รัฐบาลจะบริหารงานดีเลวบกพร่องมากน้อยเรียงลำดับความสำคัญเร่งด่วนอย่างไร เวลาอย่างนี้ยืนยันว่าต้องเก็บเอาไว้ก่อน เพราะชีวิตประชาชนที่จะต้องล้มตายสำคัญกว่า ปล่อยให้ทำงานกันไปให้สำเร็จก่อน พร้อมให้ความสนับสนุนมาตรการต่างๆ ทำตัวเป็นประชาชนที่ดีอยู่กับบ้าน รอให้เรื่องร้ายๆ ผ่านไปก่อนค่อยมาตรวจสอบกันใหม่

มาตรการช่วยเหลือเยียวยาต่างๆ ทั้งนายจ้างผู้ประกอบการทั้งหลายทั้งปวงนั้น ถ้าประกาศออกมาก่อนที่จะมีการประกาศปิดกรุงเทพฯ กระทั่งแรงงานทั้งหลายซึ่งล้วนมาจากต่างจังหวัดและประเทศเพื่อนบ้านเดินทางกลับบ้านจนเกิดการโกลาหลชุลมุนไปหมด

ทำเหมือนว่าคนเป็นใหญ่ของกรุงเทพมหานคร รัฐบาลคิดอะไรยาวๆ ไม่เป็น ไม่นึกถึงผลกระทบที่จะติดตามมา

นอกจากไม่มีงานทำอีกต่อไปเพราะนายจ้างต้องปิดกิจการลง ไม่ได้รับค่าจ้างแล้ว คนทำงานสารพัดอาชีพทั้งกลางวันกลางคืน รายวันรายชั่วโมง ฯลฯ เหล่านี้จะเอาเงินที่ไหนมาซื้อหาอาหารเลี้ยงปากท้องและครอบครัว จ่ายค่าเช่าห้อง เช่าบ้าน จึงต้องเดินทางหนีตายกลับไปยังหัวเมืองบ้านเกิด เรียกว่าไปตายเอาดาบหน้า

กิจกรรมที่ไปทำที่บ้านเกิดนอกจากพกเอาความกลุ้มใจก็กินเหล้าเมายาพบปะเลี้ยงดูกันตามมีตามเกิด เท่ากับกลายเป็นคนแพร่เชื้อโรคถ้าหากนำพาติดเอาไปจากกรุงเทพฯ

ผู้ว่าราชการจังหวัด เจ้าหน้าที่อื่นๆ ต้องทำงานหนักจนกระทั่งทุกวันนี้ถึงต้องกับปิดเมืองทีเดียว

 

ปัญหาต่างๆ จึงดูเหมือนว่าถูกผลักออกไปยังต่างจังหวัดทั่วประเทศ

แต่กลายเป็นเรื่องประหลาดพอสมควร กลุ่มคนเหล่านี้ไม่ได้เป็นผู้แพร่เชื้อมากนัก กลับเป็นคนกรุงเทพฯ คนที่เดินทางเข้ามาจากต่างหวัดเพื่อชมการแข่งขันชกมวย ณ สนามมวยมวยลุมพินี แล้วกลับบ้านไปทำกิจกรรมพบปะผู้คนหลายอย่างทั่วไปเป็นผู้แพร่กระจายเชื้อโควิด-19 ซึ่งมีผู้เอามาจากต่างประเทศเกิดการติดต่อจากสนามมวยดังกล่าว

ข้อมูลจาก “ศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) หรือ ศบค. ได้สรุปว่าไวรัสตัวนี้เข้ามาจากต่างประเทศโดยใครไม่รู้ นักท่องเที่ยวหรือคนไทยที่เดินทางไปต่างประเทศแล้วกลับมาระยะนั้น และแพร่ระบาดในประเทศไทย

โดยคนที่ได้เข้าไปสัมผัสใกล้ชิดติดต่อเรื่องการงาน รวมทั้งแหล่งใหญ่จากสนามมวยลุมพินี จากแหล่งบันเทิง และกลุ่มคนที่เดินทางกลับมาจากต่างประเทศ ฯลฯ

เมื่อมีความจำเป็นต้องประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินขึ้นทั้งในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด เพราะการระบาดเพิ่มขึ้น จำนวนผู้ติดเชื้อเป็นหลักร้อยเกือบทุกวัน รวมกับผู้เสียชีวิตเป็นตัวเลข 2 หลัก หลังจากที่ยืนเลขตัวเดียวมาเป็นแรมเดือน มันเกิดข่าวออกไปทำนองว่าคนกลุ่มนั้นกลุ่มนี้เป็นผู้แพร่เชื้อจึงเกิดการโต้เถียง โต้ตอบในสื่อโซเชียล ทำนองว่า

“–มีแต่ผู้ที่นั่งอยู่บนตลิ่งแล้ววิจารณ์ด่าว่าคนจนที่ต้องกระเสือกกระสนเอาตัวรอด อยากพูดบ้างว่าโรคนี้มันมาจากเมืองนอก พวกเขาขายของอยู่ตามตลาดนัดบ้านนอก ทำงานในโรงงาน ขายพวงมาลัย เก็บของเก่า ทำไร่ทำนา นวดแผนโบราณ เป็นลูกจ้างขายก๋วยเตี๋ยว ขับแท็กซี่ ขี่มอเตอร์ไซค์รับจ้าง ฯลฯ ไม่ได้ไปเมืองนอก แต่พวกเขาเดือดร้อน พวกมีปัญญาไปเมืองนอกนั่นแหละก่อเรื่อง–

ต้นเหตุระบาดใหญ่มาจากนายพลฝ่าฝืนคำสั่งจัดมวย อาชีพที่ต้องฟังคำสั่งเคร่งครัดนั้นคือทหารไม่ใช่รึ ? แต่ ผบ.ทหารสูงสุดคนที่มาออกทีวีทำตาขวางข่มขู่คนให้เชื่อฟัง ให้มีวินัยไม่มีเขินอายพูดออกมาได้ นักข่าวไม่ต้องมาถามถึงเรื่องการจัดมวยสนามมวยลุมพินี บอกมันผ่านไปแล้ว–“

 

นาทีนี้จำเป็นต้องคิดถึงคนยากไร้มีรายได้น้อย จะเอาตัวรอดอย่างเดียวคงไม่ได้ ต้องแบ่งปันช่วยเหลืออย่างที่คนที่มีกำลังมากกว่าในสังคมกำลังเร่งลงมือทำกันด้วยการบริจาคเงินทองสิ่งของต่างๆ เพื่อช่วยคนทำงานและคนที่ประสบกับสถานการณ์อันเลวร้ายเพื่อประคับประคองบ้านเมืองให้รอดไปด้วยกัน

เห็นตัวอย่างจากต่างประเทศ คนยืนอยู่สูงกว่า มีกำลังมากกว่า ล้วนสละรายได้ส่วนตัวไปช่วยเหลือคนจน บ้านเราก็เช่นเดียวกัน คนที่อยู่ในฐานะแข็งแรงมีอันจะกินจากหลายๆ วงการต่างร่วมด้วยช่วยกันมากขึ้น

แต่ประชาชนส่วนมากอยากเห็น “นักการเมือง” (ที่บอกว่าทำเพื่อประเทศชาติ ประชาชน) เสียสละเงินเดือนสักเดือน 2 เดือนเพื่อช่วยเหลือคนยากจนขัดสนตกงานที่ประสบเคราะห์กรรม

นักการเมือง ผู้แทนราษฎร สมควรทำเป็นตัวอย่างโดยว่ากันไปตามสภาพฐานะ แต่ “สมาชิกวุฒิสภา” ซึ่งมาจากการแต่งตั้ง (โดย พล.อ.ประยุทธ์) นั้นน่าจะเสียสละมากสักหน่อยเพราะท่านแทบไม่ได้ลงทุนอะไร ขณะนี้ไม่ได้ทำงานเป็นชิ้นเป็นอัน แค่อ้าปากขานชื่อเลือก “นายกรัฐมนตรี” เท่านั้น

แต่มีเงินเดือน (จากภาษีประชาชน) จำนวนสูงลิ่ว