ที่มา | มติชนสุดสัปดาห์ ฉบับวันที่ 17 - 23 เมษายน 2563 |
---|---|
คอลัมน์ | รายงานพิเศษ |
เผยแพร่ |
รายงานพิเศษ/โชคชัย บุณยะกลัมพ https://www.facebook.com/ChokCyberAIEntertainment/
Work from Home
ให้ลื่นไหล งานไม่สะดุด
หลายบริษัทเริ่มมีมาตรการให้พนักงานทำงานจากบ้านแทนการเดินทางมาทำงานกันที่ทำงาน
กระแส Work from Home จึงได้กลายเป็นเรื่องที่หลายบริษัทนำมาใช้เพื่อลดความเสี่ยงให้กับพนักงานในการเดินทางเข้ามาทำงานร่วมกันในสำนักงาน
ซึ่งนับว่าเป็นแนวทางป้องกันที่น่าจะถูกอกถูกใจบรรดามนุษย์ออฟฟิศเป็นอย่างมาก
เพราะไม่เพียงแต่จะช่วยให้ไม่ต้องไปผจญกับคนหมู่มากในที่สาธารณะ เช่น การเดินทางที่เบียดเสียดบนรถไฟฟ้า สถานที่ค้าขาย
การสัมผัสกับสิ่งต่างๆ ระหว่างการเดินทางไปยังที่ทำงาน แถมยังทำให้การทำงานมีอิสระมากกว่าการที่ต้องนั่งอยู่ในออฟฟิศ
อาจจะช่วยให้สามารถคิดงานได้อย่างลื่นไหล จึงถือเป็นหนึ่งในทางออกที่สบายใจทั้งสองฝ่าย เพื่อลดความเสี่ยงในการพบปะกัน เพราะอาจเกิดการแพร่ระบาดของไวรัส
หรือแม้กระทั่งการเรียนแบบออนไลน์ เหมาะสำหรับสถานการณ์ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ 2019 หรือโควิด-19 ที่หน่วยงานทั้งรัฐและเอกชนหลายแห่งเริ่มปรับตัว ปฏิบัติตามประกาศของกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ห้ามพนักงานเดินทางไปต่างประเทศ หรือหากใกล้ชิดกลุ่มเสี่ยง
“ห้องเรียนออนไลน์” สามารถสอนแบบเรียลไทม์ ผู้สอนสามารถสตรีมมิ่งไฟล์เนื้อหาที่ต้องการ เปิดให้นักศึกษาดูได้ ไม่ต่างกับการเรียนในห้องเรียน ที่หลายแห่งประกาศปิดการเรียนการสอนมาเรียนผ่านระบบออนไลน์แทน และจ่อเลื่อนเปิดเทอมออกไป
ขณะที่อาจารย์มหาวิทยาลัยหลายแห่งมองว่าเป็นทิศทางการเรียนการสอนที่จะตอบโจทย์อนาคต ลดการเรียนเล็กเชอร์ในห้องเรียนลง
ปกติเมื่อทำงานที่สำนักงานเราสามารถใช้อุปกรณ์อำนวยความสะดวกในการทำงานได้อย่างเต็มที่ ไฟแทบไม่ตก ทั้งๆ ที่มีคอมพิวเตอร์หลายเครื่อง ทีวีจอยักษ์ เครื่องเสียงสำหรับห้องสัมมนา เครื่องปรับอากาศ เมื่อใช้ไฟฟ้าพร้อมๆ กัน ไม่มีปัญหา
นั่นเป็นเพราะเขามีการวางแผนเรื่องของการใช้พลังงานเอาไว้ตั้งแต่แรก
ที่สำนักงานจะมีฝ่ายไอทีคอยดูแลให้สามารถทำงานได้อย่างราบรื่น แม้ภายนอกอาคารจะมีหม้อแปลงระเบิด ไฟตก ไฟดับ คอมพิวเตอร์ก็ไม่ดับไปด้วย ใช้งานได้ปกติ
แม้กระทั่งขณะที่เรากำลังตัดต่อวิดีโอ ทำบัญชี ทำงานเอกสารสำคัญ ประชุมทางคอนเฟอเรนซ์กับลูกค้า หากไม่มีระบบบริหารจัดการพลังงานที่ดี ย่อมเกิดความเสียหายทางธุรกิจ และรวมไปถึงความน่าเชื่อถือในการบริหารจัดการที่ดี
เมื่อเราจำเป็นต้องทำงานอยู่ที่บ้าน เราจะทำอย่างไรให้บ้านของเรามีความพร้อมเหมือนที่ทำงาน
เราจึงต้องเรียนรู้เรื่องของการบริหารจัดการพลังงานให้เพียงพอ
โดยเริ่มจากระบบไฟฟ้าที่บ้านว่าจ่ายพลังงานให้เราได้มากแค่ไหน
โดยปกติระบบไฟฟ้าสำหรับสำนักงานและที่บ้านขนาดแอมป์จะไม่เท่ากัน สิ่งนี้เป็นตัวแปรที่จะบอกว่าบ้านของเรารองรับเครื่องใช้ไฟฟ้าได้มากน้อยแค่ไหน
เราจึงจำเป็นในการมีอุปกรณ์สำรองไฟ หรือ UPS เพราะปัจจุบันหลายครัวเรือนจะมีเครื่องใช้ไฟฟ้ายุคใหม่จำนวนมากในบ้านเรือนที่ขาดไม่ได้ อาทิ เครื่องปรับอากาศ เครื่องทำน้ำอุ่น ตู้เย็น พัดลม เครื่องซักผ้า ไดร์เป่าผม ชุดเครื่องเสียง โฮมเธียเตอร์ สมาร์ตทีวี และคอมพิวเตอร์
คอมพิวเตอร์ที่ใช้ทำงาน 1 ชุด กินไฟประมาณ 300-500 วัตต์ แล้วแต่ยี่ห้อ และประเภทการใช้งานด้วย หากคอมพิวเตอร์สเป๊กแรงๆ ด้วยแล้วย่อมใช้พลังงานสูง
ดังนั้น การใช้เครื่องใช้ไฟฟ้าอย่างเต็มที่ของสมาชิกในบ้านในเวลาเดียวกัน ย่อมทำให้การทำงานเกิดสะดุด หรือเกิดการกระตุกของกระแสไฟฟ้า
นอกจากนี้ยังมีปัจจัยภายนอกที่ควบคุมไม่ได้ อากาศร้อนที่หลายครัวเรือนใช้พลังงานสูงโดยเฉพาะการเปิดเครื่องปรับอากาศ ยิ่งถ้าทุกบ้านย้ายการทำงานจากที่สำนักงาน เป็นอยู่กับบ้านในตอนกลางวันการใช้พลังงานย่อมสูงขึ้นประมาณ 2 เท่า
ซึ่งอาจทำให้เกิดไฟตกได้ในบางพื้นที่ เมื่อหลายครัวเรือนใช้ไฟฟ้าพร้อมๆ กัน คราวละมากๆ
สิ่งหนึ่งที่ต้องเตรียมแน่ๆ คือ UPS หรืออุปกรณ์สำรองไฟ เพราะอย่างน้อยช่วยให้อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ปลอดภัย เมื่อเกิดปัญหาไฟตก หรือไฟกระชาก
และที่สำคัญ การทำงานที่บ้านก็จะเป็นไปอย่างราบรื่น
ปฏิเสธไม่ได้ว่าเครื่องมือยุค 4.0 ที่สำคัญในการทำงานอยู่ที่บ้านคือโซลูชั่นคลาวด์ หรือการทำงานบนแพลตฟอร์มออนไลน์ ไม่ว่าจะเป็นการส่งงาน ประชุมกับหัวหน้า พาร์ตเนอร์ เพื่อนร่วมงาน หรือกับลูกค้า เช่น การตอบโต้ทางแชต หรือการส่งงานทางอีเมล
ถ้าไฟล์ใหญ่หน่อยก็ต้องอัพโหลดขึ้นหน่วยความจำบนคลาวด์ เช่น Google Drive บางองค์กรอาจใช้ Box หรือไม่ก็ Dropbox การประชุมวิดีโอคอนเฟอเรนซ์ เป็นต้น
เครื่องมือเหล่านี้จำเป็นต้องเชื่อมต่ออินเตอร์เน็ต ยิ่งถ้าเป็นประชุมสำคัญ แล้วไฟตก ทำให้พลาดการประชุมเรื่องราวสำคัญไป ดังนั้น ควรติดตั้ง UPS ตามอุปกรณ์สำคัญที่ช่วยในการทำงาน
สิ่งแรกที่ควรคำนึงถึงคือ Wifi-Router เพราะเป็นหัวใจของการเชื่อมต่ออินเตอร์เน็ต ไม่ว่าจะเป็นในบ้านหรือคอนโดฯ และอพาร์ตเมนต์ก็ตาม
หากไฟตก ไฟดับ Wifi-Router จะไม่ทำงาน ทำให้เราต่ออินเตอร์เน็ตไม่ได้นั่นเอง
ที่มา / https://www.matichonweekly.com/publicize/article_292652