อนุสรณ์ ติปยานนท์ : ภาพอัศจรรย์แห่งเหมืองเกลือ

ปากะศิลป์ฉบับอ่านใหม่ (25)

เรื่องเล่าจากเหมืองเกลือบทที่สาม

บทสนทนาของพวกเขาทั้งคู่จบลงตรงนั้น เสียงไกด์นำเที่ยวร้องเรียกให้ทุกคนกลับขึ้นรถ มีโบสถ์ มีอาราม มีอาสนวิหารที่นั่น เขาพูดกับตนเองแบบไร้เสียง มีสถานที่ศักดิ์สิทธิ์อยู่ใต้ดิน ที่นั่น เขาพูดกับตนเองอย่างปราศจากถ้อยคำ

นับจากเริ่มออกเดินทาง สถานที่ประเภทเดียวที่เขาหลีกเลี่ยงอยู่เสมอคือสถานที่ศักดิ์สิทธิ์

หลังการจบสิ้นของชีวิตสมรส เขาไม่เชื่อมั่นในสิ่งศักดิ์สิทธิ์อีกต่อไป ก่อนการล่มสลายของชีวิตคู่ เขาเคยสวดภาวนา วิงวอนให้ทุกอย่างผ่านไปด้วยดี ทุกสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ที่เขาไปเยือน เขาจะไม่ละเว้นการบวงสรวงอ้อนวอน

แล้วเป็นเช่นใดเล่า ร้อยพันความเชื่อ หมื่นแสนความศักดิ์สิทธิ์ไม่อาจนำพาคำร้องของขอเขาให้เป็นจริงได้

วันที่เขาและเธอเดินห่างไปคนละทาง วันที่เขาและเธอลงจากสถานที่ราชการเพื่อเอาเอกสารบอกความสิ้นสุดของชีวิตคู่ เขาหันหลังให้กับความเชื่อที่ว่านี้

เขาหันหลังให้กับความเชื่อดังกล่าวอย่างสิ้นเชิง

ระหว่างการเดินทาง เขานั่งนิ่งเงียบ นอกจากความหนาวเย็นแล้วเขายังต้องเผชิญกับความศักดิ์สิทธิ์อีกด้วย

เหมืองเกลือวีลิชก้าช่างเป็นดินแดนที่ไม่เหมาะกับเขาโดยสิ้นเชิง ลึกลงไป หนาวเหน็บ มีสิ่งที่ต้องเคารพ ช่างน่าหวาดหวั่นเสียจริง

ไม่น่าเชื่อว่าเขากลับเกิดอาการหวาดกลัวต่อเหมืองเกลือแห่งนี้มากเสียยิ่งกว่าค่ายกักกันเอาช์วิตซ์

เขากระชับผ้าพันคอ หยิบเสื้อยืดสีขาวที่ซื้อมาขึ้นสวมทับเสื้อเชิ้ตสีฟ้า เอาศีรษะพิงหน้าต่างรถ

วันนี้ช่างเป็นวันที่ยาวนานเหลือเกิน

 

รถจอดสนิท สภาพภายนอกของเหมืองเกลือวีลิชก้าไม่น่ากลัวอย่างที่คิด ท้องฟ้าแจ่มใส ผู้คนพลุกพล่าน มันแลดูเหมือนดังสวนสนุก มีทั้งร้านค้า ร้านอาหาร ร้านขายของที่ระลึก ไกด์จัดการตั๋วเข้าเหมืองพร้อมกับแจ้งอีกเช่นเคยว่าจะมีผู้นำทางเมื่อนักท่องเที่ยวลงไปด้านล่าง

ทุกคนผ่านเข้าไปในเหมือง เดินลงบันได ก่อนที่จะแยกย้ายไปตามจุดต่างๆ มีหลายสิ่งให้ชม ทั้งรูปแกะสลักประติมากรรมต่างๆ ที่ทำจากเกลือ อุปกรณ์และวิธีการทำเกลือ

นักท่องเที่ยวบางคนถือวิสาสะใช้ลิ้นสัมผัสผนังของเหมืองซึ่งเป็นชั้นเกลืออัดแน่นเพื่อรับรู้ความเค็มของมัน

เขาเดินผ่านผู้คนเหล่านั้นไปเรื่อยๆ อย่างไม่มีเป้าหมาย จนในที่สุดเขาก็พบว่าตนเองยืนอยู่หน้าวิหารแห่งนักบุญคิงกา แสงไฟที่ประดับประดาวิหารตามมุมต่างๆ นั้นโชติช่วงอย่างน่าอัศจรรย์

เขายืนชมความงามของอาสนวิหารแห่งนั้นด้วยความตื่นตะลึง แท่นบูชา โคมไฟระย้า ผนังที่เต็มไปด้วยรูปแกะสลัก และหลายชิ้นนั้นเขาเชื่อว่าทำมาจากเกลือ

สิ่งเหล่านี้ช่างอัศจรรย์และยิ่งอัศจรรย์มากขึ้นหากคิดว่ามันตั้งอยู่ใต้ดิน ลึกลงไปจากพื้นดินที่ผู้คนอาศัยอยู่หลายสิบเมตร

 

ก็นั่นเอง สิ่งที่เราผู้เป็นมนุษย์ส่วนใหญ่ฉงนฉงายเสมอเมื่อเราขุดลึกลงไปในดินแดนที่เราคุ้นเคย เรากลับพบสิ่งที่แปลกตา สิ่งที่ชวนให้ประหลาดใจ ท่ามกลางความธรรมดาสามัญจำนวนมากเมื่อขุดลึกลงไปเรากลับพบว่ามันแฝงเร้นด้วยสิ่งที่ทำให้เราตื่นตะลึง

ความสัมพันธ์ของมนุษย์ก็เช่นกัน เขาเศร้าขึ้นมาทันใด ชีวิตคู่ระหว่างเขากับภรรยาก็เช่นเดียวกับที่ตั้งของอาสนวิหารแห่งนี้ เมื่อขุดลึกลงไปท่ามกลางความสัมพันธ์อันราบรื่น พวกเขาทั้งคู่กลับพบความขัดแย้งที่ไม่อาจแก้ไขได้ ท่ามกลางความสัมพันธ์ที่แลดูสงบสุข

พวกเขากลับพบพื้นที่ที่แทบไม่มีอากาศหายใจ พื้นที่ที่หนาวเหน็บและเย็นยะเยือกจนใครคนหนึ่งต้องตะโกนออกมาว่านั่นคือที่คุมขัง

เป็นการผสมปนเปเรื่องราวที่ไม่เกี่ยวข้องกันเข้าด้วยกันอีกครั้ง เขารู้สึกว่าตนเองไม่อาจปฏิเสธแรงปรารถนาที่จะกระทำเช่นนั้นได้ สิ่งที่อยู่ในใจ สิ่งที่อยู่ในห้วงคำนึงของเขาไม่อาจขจัดหรือชำระล้างได้โดยง่าย

ทุกครั้งที่มีบางสิ่งมากระทบเขาหวนนึกถึงแต่เรื่องชีวิตคู่ที่พังทลายของตนเอง

 

เขากระชับผ้าพันคอสีเทาที่ได้รับจากสาวน้อยผู้นั้น มันให้ความอบอุ่นแก่เขาอย่างประหลาด นี่คือข้อดีของผ้าพันคอที่ทำจากขนสัตว์

เขาพลิกดูแผ่นป้ายเล็กๆ ผ้าพันคอจากประเทศญี่ปุ่น วูลชั้นดี แผ่นป้ายบอกคุณสมบัติของมันเช่นนั้น หลังจากคืนผ้าพันคอนี้แก่สาวน้อย เขาควรมีผ้าพันคอแบบนี้เป็นของตนเอง เขาจะซื้อมันเป็นสิ่งแรกที่กลับเข้าไปในเมือง เพิ่มมันเข้ากับสัมภาระน้อยชิ้นที่เขามี

หากการเดินทางยังต้องมีอีกต่อไป เขาจะต้องมีบางสิ่งที่ให้ความอบอุ่นแก่ตนเอง เขาไม่ควรปล่อยให้ตนเองหนาวเหน็บอีกต่อไป

เมื่อนึกถึงผ้าพันคอสีเทา เขาก็หวนนึกถึงผู้เป็นเจ้าของหลังเดินเคียงข้างกันลงบันไดมากว่าสามร้อยขั้น สาวน้อยผู้นั้นก็หายตัวไป มีผู้คนมากมายเหลือเกินที่เหมือง ชั่ววินาทีที่เขาละสายตาจากเธอ สาวน้อยผู้นั้นก็หายลับไปจากสายตา

มีบางสิ่งที่เราต้องเฝ้ามอง ใจจดใจจ่อกับมันอยู่เสมอหรือ มิเช่นนั้นมันจะหลุดมือ แตกสลายไป ไม่ เขาต้องเลิกโยงใยสิ่งต่างๆ กลับเข้าหาตนเอง เขาถอนหายใจและเดินตรงไปยังแท่นบูชา

ตรงแท่นบูชานั้นเองที่เขาแลเห็นสาวน้อยผู้นั้นนั่งคุกเข่าอยู่กับพื้น เธอแลดูสงบราวกับรูปปั้น มือของเธอกำแน่นแตะกับหน้าผาก เป็นภาพที่งดงามเหลือเกินในความคิดของเขา

เธอนั่งอยู่เช่นนั้นตั้งแต่เมื่อใด เขาไม่อาจรู้ได้ แต่เธอยังคงนั่งอยู่เช่นนั้นเป็นเวลานานหลายนาที

เขาหยุดยืนมองดูเธอราวกับการชมการแสดงของนักร้องโอเปร่าที่ส่งเสียงร้องซึ่งสะกดผู้คน

แม้ว่าจะมีนักท่องเที่ยวจำนวนมากในบริเวณนั้น แต่เขารู้สึกราวกับว่ามีเขาและเธอเพียงสองคนเท่านั้นในดินแดนใต้ดินแห่งนี้

 

ในที่สุด หญิงสาวผู้นั้นก็ลุกขึ้น เธอเดินถอยหลังอย่างช้าๆ ห่างออกมาจากพื้นที่ของอาสนวิหาร ก่อนจะหันหลังกลับมาพบเขา แทนการสนทนาเธอเดินผ่านเขาไปเป็นสัญญาณคล้ายกับให้เขาเดินตามเธอ

ทั้งคู่เดินต่อมาจนถึงลิฟต์โดยสารที่กลับสู่พื้นดินชั้นบน ระหว่างที่อยู่ในลิฟต์ไม่มีบทสนทนา มีเพียงเสียงเคลื่อนตัวของลิฟต์โดยสารเท่านั้นเอง

อีกครั้งหนึ่งที่เขาและเธอนั่งอยู่ตรงข้ามกันในร้านกาแฟเล็กๆ ที่เปิดบริการให้กับนักท่องเที่ยว เธอสั่งกาแฟร้อนถ้วยเล็กและคลับแซนด์วิช ในขณะที่เขาดื่มเพียงน้ำแร่บรรจุขวดเย็นจัด เขาคืนผ้าพันคอให้กับเธอ ถอดเสื้อยืดสีขาวออกจากตัว ความหนาวเย็นจางหายไปแล้ว น่าแปลกที่ในตอนนี้ เขารู้สึกอบอุ่นทั้งร่างกายและจิตใจ

“คิงกาเป็นธิดาของกษัตริย์เบลาที่สี่แห่งอาณาจักรฮังกาเรี่ยนในศตวรรษที่สิบสาม เธอถูกกำหนดให้เสกสมรสกับเจ้าชายคนหนึ่ง แต่เธอถือสัจจะที่จะบำเพ็ญพรหมจรรย์ตลอดชีวิต ในวันแต่งงานเธอโยนแหวนหมั้นลงไปในเหมืองเกลือแห่งหนึ่งในฮังการี และน่าแปลกที่แหวนวงนั้นกลับถูกพบที่นี่ หลังพระสวามีของเธอสิ้นพระชนม์ เธอยกทรัพย์สมบัติให้กับคนยากไร้ทั่วไปและออกบวชอยู่ในอาราม ก่อนจะเสียชีวิตลงในปลายศตวรรษที่สิบสาม ชีวิตของเธอเรียบง่าย บริสุทธิ์และเป็นพรหมจรรย์” สาวน้อยผู้นั้นกล่าวกับเขา

“ชีวิตของนักบุญโดยแท้” เขากล่าวตอบ

“ใช่ เธอเป็นนักบุญที่ถือกันว่าเป็นองค์อุปถัมภ์ของเหมืองเกลือแห่งนี้”

“คุณคงศรัทธาในตัวท่านมาก”

“อาจกล่าวเช่นนั้นได้ แต่สำหรับฉันอาจมิใช่เพียงความศรัทธา ชีวิตของผู้คนในศตวรรษที่สิบสาม ระหว่างคนที่วุ่นวายกับคนที่มุ่งหวังความสงบมีความแตกต่างกันไม่มากนัก ลองนึกภาพว่าในโลกที่ไม่มีไฟฟ้า ไม่มีรถยนต์ ไม่มีเครื่องบิน การมีพระราชวังหรือบ้านก็เป็นเพียงห้องห้องหนึ่งเท่านั้นเอง”

“สิ่งที่ฉันศรัทธาท่านไม่ได้อยู่ที่เพียงความเรียบง่ายเท่านั้น ฉันยังศรัทธาที่ท่านเป็นผู้ผูกพันกับเกลือด้วย”

 

“เกลือ?” เขาทวนคำ

“ใช่ คุณคงลืมนึกถึงความสำคัญของเกลือ ฉันมาจากสเปนดินแดนที่เต็มไปด้วยเกลือจำนวนมากตามชายฝั่ง อีกทั้งยังมีเกลือในหุบเขา ครอบครัวของฉันประกอบอาชีพด้วยการหมักขาด้านหลังของหมูด้วยเกลือที่เรียกว่าจามอน เราทำเช่นนั้นเป็นเวลานับร้อยปี จากรุ่นสู่รุ่น จามอนของเราขึ้นชื่อว่ามีรสดีอย่างไม่มีใครเทียบได้ แต่จากงานที่หนักของมัน ผู้นำในการดูแลกิจการจึงตกเป็นของผู้ชาย ทุกอย่างเป็นไปด้วยดีจนมาถึงแม่ของฉัน แม่ผู้เป็นลูกสาวคนเดียวของครอบครัว แม่ต้องตัดสินใจแต่งงานกับพ่อ ที่เป็นคนงานคนหนึ่งของเรา ชีวิตของพ่อและแม่เต็มไปด้วยความราบรื่น พ่อกับแม่มีฉันเป็นลูกสาวเพียงคนเดียว ฉันเติบโตมากับความรักแต่แล้วจู่ๆ บางอย่างก็เกิดขึ้น พ่อหายตัวไปจากครอบครัวของเรา”

“ทิ้งฉันไว้กับแม่เพียงลำพัง แต่เรื่องเลวร้ายไม่ได้จบลงเพียงเท่านั้น หลังการจากไปของพ่อ แม่ไม่อาจสัมผัสถูกเกลือได้อีกเลย”