ฐานที่มั่นใหม่คสช. ปฏิวัติเงียบ! ที่นางเลิ้ง ยึดอำนาจ“เสธ.อ้าย” จับบารมี“บิ๊กป้อม”ในวงการกีฬา

รายงานพิเศษ : ฐานที่มั่นใหม่ คสช. ปฏิวัติเงียบที่ “นางเลิ้ง” ยึดอำนาจ “เสธ.อ้าย” จับบารมี “บิ๊กป้อม” ในวงการกีฬา จับตาสถานการณ์ วางตัว ผบ.ทบ.-แม่ทัพ 1

ไม่ใช่เรื่องแปลกที่ บิ๊กป้อม พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ จะกลายเป็นผู้มีบารมีสูงสุดในยุครัฐบาล คสช.

แม้ว่า บิ๊กตู่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา จะเป็นผู้มีอำนาจ ในฐานะนายกรัฐมนตรีและหัวหน้า คสช. แต่ทว่า ก็หาได้มีบารมีเทียบเท่าพี่ใหญ่ ที่สั่งสมบารมีมายาวนาน

แถมทั้ง พล.อ.ประยุทธ์ ก็เคยเป็นหนึ่งในนายทหารรุ่นน้องที่อยู่ใต้ร่มบารมีของ พล.อ.ประวิตร มาก่อนด้วยนั่นเอง

จึงไม่แปลกที่ในเวลานี้ ถนนทุกสายจะวิ่งเข้าหา พล.อ.ประวิตร ไม่ว่าจะเป็นทหาร ตำรวจ ข้าราชการ และคนในแวดวงการเมือง และวงการกีฬา

นั่นจึงทำให้มีการประเคนเก้าอี้สำคัญในวงการกีฬาให้บิ๊กป้อม ทั้งบอร์ดสมาคมมวยฯ ที่มีสปอนเซอร์รายใหญ่ ก็มีสายสัมพันธ์อันดีกับบิ๊กป้อม

และนายกสมาคมว่ายน้ำฯ ที่ทำให้ พล.อ.ประวิตร ถูกเรียกว่าเป็น “นายก” และมี บิ๊กน้อย พล.อ.วิชญ์ เทพหัสดิน ณ อยุธยา น้องรัก เป็นอุปนายกสมาคม

เหมาะเจาะกับที่ พล.อ.ประวิตร ก็ชอบว่ายน้ำ เพราะต้องบำบัดอาการขาเจ็บ และผลพวงจากที่เคยล้มก่อนหน้านี้ด้วยการว่ายน้ำทุกเช้า ที่บ้านมีนบุรี ก่อนที่จะมาทำงาน หรือมาที่บ้าน ร.1 รอ.

และที่ใหญ่ที่สุด คือ เก้าอี้ประธานคณะกรรมการโอลิมปิคแห่งประเทศไทยฯ หลังจากที่ บิ๊กอ๊อด พล.อ.ยุทธศักดิ์ ศศิประภา นั่งเป็นต่อเนื่องมา 4 สมัย 16 ปี

โดยในครั้งนั้น ก็มีการล็อบบี้กันในหมู่สมาคมกีฬาต่างๆ ที่ส่วนใหญ่ก็มีบิ๊กทหารเป็นนายกสมาคม และบอร์ด ให้มีการเสนอชื่อ พล.อ.ประวิตร เป็นประธานคณะกรรมการโอลิมปิคฯ คนใหม่ มานั่งครองบ้านอัมพวัน ที่อยู่เยื้องกับบ้านสี่เสาเทเวศร์ ของ ป๋าเปรม พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ

โดยที่ พล.อ.ยุทธศักดิ์ ก็สนับสนุน พล.อ.ประวิตร เพียงแต่ต้องการให้ พล.ต.จารึก อารีราชการัณย์ ช่วยงานต่อไป โดยที่ตัวเขาเองก็ยังเป็นกรรมการที่ปรึกษาต่อ

ทั้งนี้ พล.อ.ยุทธศักดิ์ ได้หารือกับ พล.อ.ประวิตร แล้วหลายครั้ง ทั้งที่บ้าน ร.1 รอ. และที่กระทรวงกลาโหม เพื่อเตรียมการส่งมอบงาน เพราะจะหมดวาระในเดือนเมษายนนี้

พล.อ.เทพพงศ์ ทิพยจันทร์, พล.อ.บุญเลิศ แก้วประสิทธ์, พล.ท.ธนเกียรติ ชอบชื่นชม

แต่ที่ฮือฮาที่สุด ก็คือ การที่บิ๊กป้อมแผ่บารมีเข้าไปถึงสนามม้านางเลิ้ง เข้าไปถึงราชตฤณมัยสมาคมฯ ที่รู้กันดีว่าเป็นอาณาจักรของ เสธ.อ้าย พล.อ.บุญเลิศ แก้วประสิทธิ์ มายาวนาน ตั้งแต่ยุค เสธ.หนั่น พล.ต.สนั่น ขจรประศาสน์

รั้งเก้าอี้เลขาธิการราชตฤณมัยสมาคมฯ มายาวนานหลายยุคหลายสมัย จนทำให้ เสธ.อ้าย เปี่ยมบารมีในวงการอาชา และส่งผลให้มีน้ำหนักในทางการเมืองด้วย

ก่อนหน้านี้ไม่กี่ปี ตอนที่ เสธ.ไอซ์ พล.อ.ไตรรงค์ อินทรทัต ยังมีชีวิตอยู่ ก็เคยพยายามที่จะเข้ายึดอำนาจในการบริหารจัดการสนามม้า ในการเลือกตั้งคณะกรรมการราชตฤณมัยสมาคมฯ มาแล้ว เพราะ เสธ.ไอซ์ ก็เป็นทหารม้าที่เติบโตมาในสนามม้า ตั้งแต่ยุค เสธ.หนั่น และเป็นบอร์ดสนามม้ามาตลอดเช่นกัน

แต่ความพยายามของ เสธ.ไอซ์ รุ่นน้อง ตท.10 ของ เสธ.อ้าย ไม่สำเร็จ และส่งผลให้ความรู้สึกที่พี่น้องมีต่อกันเปลี่ยนแปลงไปไม่น้อย

แต่มาตอนนี้ ราชตฤณมัยสมาคมฯ หรือสนามม้านางเลิ้ง ที่เคยเป็นฐานที่มั่น เป็นรัง และเป็นสถานที่ประชุมเคลื่อนไหวทางการเมือง ก่อนหน้ายุค คสช. ได้ถูกยึดไปแล้ว

อาจเรียกได้ว่า เป็นการปฏิวัติเงียบในสนามม้านางเลิ้งก็ว่าได้

พล.ท.ณัฐ อินทรเจริญ, พล.ท.อภิรัชต์ คงสมพงษ์, พล.ท.กู้เกียรติ ศรีนาคา

หลังจากการเลือกตั้งเมื่อพฤศจิกายนปีที่แล้ว ปรากฏว่า บิ๊กน้อย พล.อ.วิชญ์ เทพหัสดิน ณ อยุธยา อดีตประธานที่ปรึกษา ทบ. ได้รับการเลือกตั้งเป็นเลขาธิการราชตฤณมัยฯ แทน พล.อ.บุญเลิศ

โดย บิ๊กอ๊อด พล.อ.คณิต สาพิทักษ์ อดีตที่ปรึกษา ทบ. และอดีตแม่ทัพภาคที่ 1 น้องรักสายบูรพาพยัคฆ์ ของ พล.อ.ประวิตร ได้เสนอชื่อ พล.อ.วิชญ์ ชิงเก้าอี้เลขาฯ ราชตฤณมัยฯ

พล.อ.คณิต เข้ามาทำหน้าที่ประธานฝ่ายประชาสัมพันธ์ให้กับสนามม้านางเลิ้ง และรู้กันดีว่า สนิทสนมกับ พล.อ.วิชญ์ และถือเป็นน้องรักของบิ๊กป้อมด้วยกัน

ทำให้ พล.อ.บุญเลิศ ถูกขยับให้ขึ้นไปเป็นรองประธานบอร์ดราชตฤณมัยสมาคมฯ เท่านั้น โดยมี บิ๊กตุ๊ด พล.อ.วัธนชัย ฉายเหมือนวงศ์ อดีตรอง ผบ.ทบ. เพื่อน ตท.1 ของ พล.อ.บุญเลิศ เป็นประธาน

แต่รู้กันดีว่า ราชตฤณมัยฯ นั้น อำนาจการบริหารจัดการดูแลอยู่ที่เลขาธิการ จึงทำให้ พล.อ.วิชญ์ เข้ามาดูแลสนามม้าแทน

ไม่อาจปฏิเสธได้ว่า พล.อ.วิชญ์ คือเงาของ พล.อ.ประวิตร ที่ถูกส่งเข้ามายึดสนามม้านางเลิ้ง เพราะเขาเป็นน้องรักในระดับท็อปไฟว์ของบิ๊กป้อม

เป็นสมาชิกขาประจำของบ้าน ร.1 รอ. และบ้านบิ๊กป้อมทุกวัน และเป็นคณะกรรมการมูลนิธิป่ารอยต่อ 5 จังหวัดฯ ที่บิ๊กป้อมเป็นประธานด้วย

ทั้งหมดนี้ ก็มีปฏิบัติการล็อบบี้ในการเลือกตั้ง ประกอบกับ การที่สนามม้าถูกโจมตีในเรื่องโต๊ดเถื่อน และรายได้ที่ลดลง แม้ว่าในห้วงที่ผ่านมา เสธ.อ้าย จะปราบโต๊ดเถื่อนก็ตาม แต่ก็ยังมีปัญหา

จึงไม่แปลกที่เมื่อ พล.อ.วิชญ์ เข้ามาคุมสนามม้า เขาก็เปิดทางให้ ผู้การโจ๊ก พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ หักพาล ผบ.ตำรวจปฏิบัติการพิเศษ 191 น้องรักสีกากีของบิ๊กป้อม เข้ามาปราบโต๊ะเถื่อนทันใด

พล.ต.พงษ์สวัสดิ์ พรรณจิตต์, พล.อ.วิชญ์ เทพหัสดิน ณ อยุธยา

เรียกได้ว่า แม้บิ๊กป้อมจะไม่ได้เข้ามาคุมสนามม้าเอง แต่การที่ พล.อ.วิชญ์ ก้าวมาถึงจุดนี้ได้ ก็ด้วยบารมีของบิ๊กป้อมหนุนหลัง โดยเฉพาะกลุ่มทุน สปอนเซอร์ในวงการกีฬา และนักธุรกิจ ที่เป็นพันธมิตรกับบิ๊กป้อม

แน่นอนว่า การปฏิวัติเงียบในสนามม้านางเลิ้ง ก็ทำให้ เสธ.อ้าย เฮิร์ตไม่น้อย เพราะที่ผ่านมา เขาก็ทำงานทุ่มเทแก้ปัญหาในสนามม้ามาตลอดอย่างเต็มที่

แต่ที่สุด นายทหารรุ่นน้องๆ ที่เขาชักชวนเข้ามาช่วยงาน ก็ก่อการปฏิวัติในที่สุด หรือบางทีอาจจะถึงจุดอิ่มตัวของ เสธ.อ้าย ในราชตฤณมัยสมาคมฯ แล้วก็ได้

สนามม้านางเลิ้งวันนี้ จึงเปลี่ยนแปลงไป อาคารโบราณสวยงาม ก็ถูกนำมาให้เช่าเป็นร้านอาหาร เพราะจะทำรายได้ให้ราชตฤณมัยฯ มากกว่าการเป็นสำนักงานและห้องเล่นสนุ้กเกอร์ ห้องพักผ่อนของสมาชิก และมีการปรับปรุงอะไรอีกหลายอย่าง

ที่สำคัญ เคยเป็นห้องทำงานของ เสธ.อ้าย ที่มักจะเป็นที่แวะเวียนมาพบปะพูดคุยกับ เสธ.อ้าย อย่างคลาคล่ำทุกวัน โดยเฉพาะมื้อกลางวันที่นางเลิ้ง ที่เป็นเสมือนสภากาแฟ ที่มาแลกเปลี่ยนความเห็นกันแบบเบาๆ สบายๆ ก็หายไป เพราะสำนักงานก็ไปรวมอยู่ในตึกเดียวกัน และเป็นห้องเล็กๆ เท่านั้น

เมื่อก่อนราชตฤณมัยฯ หรือสนามม้านางเลิ้ง เป็นเสมือนฐานที่มั่นของ ตท.1 เพราะ พล.อ.บุญเลิศ ก็เป็นประธาน ตท.1 และดึงผองเพื่อน ตท.1 เข้ามาช่วยงาน รวมทั้ง พล.อ.วัธนชัย และเชิญ บิ๊กแอ้ด พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ องคมนตรี ที่เป็นเพื่อน ตท.1 มาเป็นองค์ประธานราชตฤณมัยฯ

ก่อนหน้านี้ เมื่อครั้ง เสธ.อ้าย เคลื่อนไหวทางการเมือง ในนามองค์กรพิทักษ์สยาม ก็ใช้สนามม้านางเลิ้งเป็นฐานที่มั่น

แต่ เสธ.อ้าย ก็ได้ชื่อว่าเป็นแนวร่วมที่สนับสนุน คสช. และ พล.อ.ประยุทธ์ มาตลอด เพราะก่อนหน้ารัฐประหาร เสธ.อ้าย ก็ออกมาสนับสนุนการรัฐประหารอย่างออกนอกหน้า

โดยเมื่อหลังรัฐประหาร เสธ.อ้าย ก็ให้ความร่วมมือในการงดความเคลื่อนไหวต่างๆ ในสนามม้าทั้งหมด แม้แต่บางครั้งจะแถลงข่าวสนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์ รวมถึงการแถลงสนับสนุนร่างรัฐธรรมนูญ ก็ยังต้องยกเลิก เพราะ พล.อ.ประวิตร สื่อสารผ่าน พล.อ.วิชญ์ ขอความร่วมมือมา

ถือเป็นการเปลี่ยนแปลงในรอบ 100 ปีของราชตฤณมัยสมาคมฯ พอดี

PORNCHAI KITTIWONGSAKUL/AFP photo

แต่ก็อาจถูกมองได้ว่า การที่สายบิ๊กป้อมเข้ามายึดสนามม้าครั้งนี้ อาจเป็นการสร้างฐานที่มั่นใหม่เพิ่มเติมของพี่ใหญ่อย่างบิ๊กป้อม ผู้มากบารมี และอาจหมายถึง ฐานที่มั่นของ คสช. ด้วยก็ได้

ยิ่งหากว่าในอนาคตอันใกล้ พล.อ.ประวิตร จำเป็นต้องก้าวสู่สนามการเมือง หรือจำต้องเป็นกองหนุนให้ พล.อ.ประยุทธ์ น้องรักอยู่ต่อแบบยาวไป ยาวไป ในรูปแบบที่สถานการณ์เอื้ออำนวย

เช่นเดียวกับการจัดวางตัวแม่ทัพนายกองในกองทัพ เพื่อรองรับสถานการณ์ในอนาคต โดยเฉพาะในปีหน้า ที่จะมีเลือกตั้ง และรวมไปถึงสถานการณ์หลังการเลือกตั้ง หรือแม้แต่ว่า หากจะยังไม่มีเลือกตั้ง ต้องเลื่อนโรดแม็ปออกไปก่อน

การแต่งตั้งโยกย้ายทหารกลางปีล่าสุด เป็นตัวชี้วัดแผนการวางตัวขุมกำลังต่างๆ ได้เป็นอย่างดี

AFP PHOTO / MUNIR UZ ZAMAN

ทั้งการดึง พล.ต.สุนัย ประภูชะเนย์ จาก ผบ.กองพลรบพิเศษที่ 1 ขึ้นมาเป็น รอง ผบ.หน่วยบัญชาการสงครามพิเศษ (นสศ.) เพื่อเตรียมให้ขึ้นเป็น ผบ.นสศ. คุมกำลังรบพิเศษหมวกแดง ในโยกย้ายปลายปีนี้

เพื่อที่จะเป็นมือไม้สายตรงของ บิ๊กเจี๊ยบ พล.อ.เฉลิมชัย สิทธิสาท ที่คาดว่า บิ๊กตู่จะไฟเขียวให้เป็น ผบ.ทบ. ต่ออีก 1 ปี

ที่คาดกันว่าจะส่ง บิ๊กเข้ พล.อ.เทพพงศ์ ทิพยจันทร์ ผช.ผบ.ทบ. น้องรักสายบูรพาพยัคฆ์ ข้ามไปเป็นปลัดกลาโหม เพื่อปลอบใจที่พลาดเก้าอี้ ผบ.ทบ. ในปีสุดท้ายก่อนเกษียณ

โดยที่บิ๊กป้อมก็ส่ง บิ๊กณัฐ พล.ท.ณัฐ อินทรเจริญ ลูกเลิฟ จาก รอง เสธ.ทบ. ไปเป็น พลเอก นั่งหัวหน้าคณะนายทหารฝ่าย เสธ.ประจำ รมว.กลาโหม เพื่อจ่อเข้าไลน์เป็นปลัดกลาโหมต่อ

ส่วนที่ บก.กองทัพไทย นั้น บิ๊กป้อมก็เล็งที่จะดัน บิ๊กเจอร์รี่ พล.ท.ธนเกียรติ ชอบชื่นชม ผบ.ศูนย์รักษาความปลอดภัย (ผบ.ศรภ.) เจ้าของฉายา ซีไอเอเมืองไทย ขึ้นเป็น พลเอก นั่ง ผบ.หน่วยบัญชาการทหารพัฒนา (ผบ.นทพ.) ที่จะทำงานพัฒนาและงานการข่าวไปด้วย เพื่อจ่อคิวโตใน บก.กองทัพไทย

เป็นที่รู้กันดีว่า พล.ท.ธนเกียรติ เป็นมือข่าวกรอง ที่ทำหน้าที่ “ทีมข่าวลับส่วนตัว” ของบิ๊กป้อมมาตลอด โดยเฉพาะนำมาซึ่งการจับกุมอาวุธสงคราม เครือข่าย “โกตี๋” และแผนการลอบทำร้าย พล.อ.ประยุทธ์ และ พล.อ.ประวิตร

แม้ว่าที่ บก.กองทัพไทย จะมีการวางตัว ผบ.สส. แบบแพ็กเกจต่อเนื่องกันไว้ ตั้งแต่ บิ๊กต๊อก พล.อ.ธารไชยยันต์ ศรีสุวรรณ เสธ.ทหาร ขึ้นเป็น ผบ.สส.คนต่อไป แทน บิ๊กปุย พล.อ.สุรพงษ์ สุวรรณอัตถ์ ที่จะเกษียณกันยายนนี้ และ บิ๊กกบ พล.อ.พรพิพัฒน์ เบญญศรี หัวหน้าคณะนายทหารฝ่าย เสธ.ประจำ ผบ.สส. ต่อก็ตาม แต่ พล.ท.ธนเกียรติ ก็ถือว่ามาแรง

สามเกลอ ตท.22 พล.ต.สันติพงศ์, พล.ต.ธรรมนูญ, พล.ต.ณรงค์พันธุ์

แต่ที่ถูกจับตามองและดูจะเข้มข้นที่สุดคือ ที่ ทบ.

แม้โยกย้ายล่าสุดจะไม่มีการขยับใดๆ ที่กองทัพภาคที่ 1 แต่ปลายปีนี้ บิ๊กแดง พล.ท.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ แม่ทัพภาคที่ 1 จะขึ้น เสธ.ทบ. เพื่อจ่อเป็น ผบ.ทบ.คนใหม่ในปีต่อไป

คาดกันว่า บิ๊กโอ พล.ต.พงษ์สวัสดิ์ พรรณจิตต์ รองแม่ทัพภาคที่ 1 จะแซงหน้า บิ๊กตู่ พล.ท.กู้เกียรติ ศรีนาคา แม่ทัพน้อยที่ 1 เพื่อนรัก ตท.20 ขึ้นเป็นแม่ทัพภาคที่ 1 คนใหม่ แห่งสายวงศ์เทวัญ

ที่ว่ากันว่าในยุคเปลี่ยนผ่านนี้ วงศ์เทวัญ ที่เติบโตจาก พล.1 รอ. มาแรงแซงโค้ง สายบูรพาพยัคฆ์ ที่โตจาก พล.ร.2 รอ.

แม้ว่า พล.ท.กู้เกียรติ น้องรัก บิ๊กป้อม จะอาวุโสกว่า เพราะติดยศพลโทก่อนก็ตาม แต่ก็เชื่อกันว่า ถ้า พล.อ.ประยุทธ์ จะให้เป็นแม่ทัพภาคที่ 1 ก็ให้คงเป็นตั้งแต่โยกย้ายปลายปีที่แล้ว แต่ทว่า นายกฯ เลือก พล.ท.อภิรัชต์ขึ้นมาแทน

กล่าวกันว่า พล.อ.ประยุทธ์ และ บิ๊กป๊อก พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย และอดีต ผบ.ทบ. ดูจะไม่ค่อยประทับใจการแก้ปัญหาของ พล.ท.กู้เกียรติ เมื่อครั้งกระชับพื้นที่คนเสื้อแดง ปี 2553 ที่สี่แยกคอกวัว เท่าใดนัก

แต่ทว่า ในสถานการณ์เช่นนั้น ใครเป็น พล.ท.กู้เกียรติ ก็ต้องตัดสินใจถอนกำลัง เพื่อรักษาชีวิตลูกน้องนับร้อย ที่กำลังโดนล้อมกรอบ ตีโอบรอบด้าน

แม้ พล.อ.ประยุทธ์ และ พล.อ.ประวิตร จะรัก พล.ท.กู้เกียรติ แต่เพราะจะต้องเตรียมวางตัวคนที่จะขึ้นมาดูแลกองทัพต่อเนื่องกัน เก้าอี้แม่ทัพภาคที่ 1 จึงน่าจะเตรียมไว้รองรับคนที่มีโอกาสที่จะเป็น ผบ.ทบ.

พล.ท.กู้เกียรติ เกษียณตุลาคม 2563 เท่า พล.ท.อภิรัชต์ ส่วน พล.ต.พงษ์สวัสดิ์ เกษียณ 2564 ยังมีสิทธิ์ที่จะลุ้นเป็น ผบ.ทบ. ในอนาคต


ไม่แค่นั้น ยังมีการมองข้ามช็อตไปถึงคนที่จะมาเป็นแม่ทัพภาคที่ 1 และ ผบ.ทบ.คนต่อๆ ไป ด้วยว่า สายวงศ์เทวัญอาจจะมาแรง จากเดิมที่มีการวางตัวเตรียมทหาร รุ่น 22 อย่าง บิ๊กหนุ่ย พล.ต.ธรรมนูญ วิถี และ บิ๊กติ่ง พล.ต.สันติพงศ์ ธรรมปิยะ รองแม่ทัพภาคที่ 1 ที่เป็นสายวงศ์เทวัญนั้น

มาตอนนี้ วงศ์เทวัญมาแรง ถึงขั้นทำให้ชื่อของ บิ๊กบี้ พล.ต.ณรงค์พันธุ์ จิตแก้วแท้ ผบ.พล.1 รอ. เพื่อน ตท.22 ของ พล.ต.ธรรมนูญ และ พล.ต.สันติพงศ์ ถูกจับตามอง ในฐานะวงศ์เทวัญสายนักรบที่โตมาจาก ร.31 รอ.

ที่สำคัญคือ พล.ต.ณรงค์พันธุ์ มีอายุราชการถึงปี 2566 เลยทีเดียว แต่ทว่า ก็ก้าวช้ากว่าเพื่อน ที่ขึ้นเป็นรองแม่ทัพภาคที่ 1 แล้ว

แต่หากโยกย้ายปลายปีนี้ พล.ต.ธรรมนูญ และ พล.ต.สันติพงศ์ ยังไม่ขยับไปไหน พล.ต.ณรงค์พันธุ์ ก็จะขยับขึ้นมาเป็นรองแม่ทัพภาคที่ 1 เคียงข้างด้วยอีกคนแน่

แต่เชื่อกันว่า พล.ต.ธรรมนูญ อาจจะได้ขึ้นเป็น พลโท ไม่ว่าจะเป็นแม่ทัพน้อยที่ 1 หรืออาจถูกส่งไปเป็นแม่ทัพภาคที่ 4 ที่เขาเคยลงไปอยู่ในนาม ฉก.นราธิวาส มาหลายปี เพราะบิ๊กหนุ่ยก็มีผลงานมากมาย และเป็นน้องรักของบิ๊กตู่

แต่ พล.ต.สันติพงศ์ ที่แม้จะดูเงียบๆ และอาจไม่ค่อยเห็นผลงาน เพราะติดเรียน วปอ. ก็ตาม แต่เพราะความเป็นน้องรักในสายทหารเสือราชินีของบิ๊กตู่ จึงทำให้ไม่อาจมองข้ามได้

ท้ายที่สุดก็ต้องมาจบลงตรงที่ใครเหมาะกับสถานการณ์มากที่สุด บิ๊กตู่ บิ๊กป้อม ก็ต้องเลือกคนนั้น

แล้วการเลือกขุนพล ย่อมจะสะท้อนทิศทางของสถานการณ์ได้ด้วยเช่นกัน…