ที่มา | มติชนสุดสัปดาห์ ฉบับวันที่ 17 - 23 เมษายน 2563 |
---|---|
คอลัมน์ | กรองกระแส |
เผยแพร่ |
กรองกระแส
สถานการณ์ไวรัส
กับ สถานการณ์ฉุกเฉิน
และ เราไม่ทิ้งกัน
ปฏิกิริยาความไม่พอใจจากชาวบ้านที่ผิดหวัง ไม่ได้รับเงินช่วยเหลือ 5,000 บาท จากโครงการ “เราไม่ทิ้งกัน” อาจไม่มากนัก เมื่อเทียบกับจำนวนที่สมหวัง ได้เงิน
กระนั้น ก็เป็น “ปฏิกิริยา” ซึ่งสร้างความสะเทือนใจ
ไม่ว่าจะเป็นการรวมตัวกัน ณ กระทรวงการคลัง ไม่ว่าจะเป็นการสะท้อนผ่านสื่อกระแสหลัก ไม่ว่าโทรทัศน์ ไม่ว่าหนังสือพิมพ์
เริ่มจากจุดเล็กๆ และกลายเป็นกระแสคลื่นอันทรงพลัง
เพราะว่าโครงการ “เราไม่ทิ้งกัน” เริ่มต้นจากความต้องการช่วยเหลือ เยียวยา ด้วยการแจกเงินให้กับประชาชนอย่างต่อเนื่องเป็นเวลาอย่างน้อย 3 เดือนและอาจขยายเป็น 6 เดือน
แต่กลับกลายเป็นการแจกเงินแล้วสร้างปัญหา สร้างความไม่พอใจซึ่งจะขยายเป็นวงกว้าง
ต้นตอจากไวรัส
สถานการณ์ฉุกเฉิน
ไม่มีใครปฏิเสธได้ว่าปัญหาทั้งหมดเริ่มต้นมาจากการแพร่ระบาดอย่างกว้างขวาง รวดเร็ว รุนแรงราวกับสึนามิของไวรัสจากมหานครอู่ฮั่น ประเทศจีน
มีความจำเป็นต้องใช้มาตรการเข้มข้นในการบริหารจัดการ
เห็นได้จากประชาชนมีความยินยอมพร้อมใจพลันที่รัฐบาลประกาศและบังคับใช้ พ.ร.บ.การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉินขึ้นตอนปลายเดือนมีนาคม
แต่จุดอันละเอียดอ่อนยิ่งคือ จุดที่การห้ามกิจการหลายกิจการอันส่งผลต่อการประกอบอาชีพ
ไม่เพียงแต่สั่งปิดห้าง สั่งปิดร้านอาหาร สั่งปิดอาชีพบริการตั้งแต่เสริมสวย ตัดผม ไปจนถึงสถานประกอบการบันเทิง สนามมวย สนามม้า สนามกีฬา เป็นต้น
ผลก็คือ คนตกงาน ผลก็คือ เกิดคลื่นการอพยพขนาดใหญ่
โครงการเยียวยา
ผ่าน “เราไม่ทิ้งกัน”
การเสนอโครงการ “เราไม่ทิ้งกัน” ผ่านกระทรวงการคลัง ประกาศให้เงินช่วยเหลือประชาชนที่เดือดร้อนคนละ 5,000 บาทต่อเดือนสร้างความหวังให้กับประชาชนอย่างคึกคัก
เห็นได้จากการแสดงความจำนงทั้งที่ธนาคารและผ่านออนไลน์
แต่แล้วภายในการเคลื่อนไหวนี้ก็สะท้อนให้เห็นความไม่พร้อม การไม่ได้วางแผนกับโครงการอย่างรอบคอบรัดกุมอย่างเพียงพอ
เริ่มจากเป้าหมายที่กำหนดเพียง 3 ล้านในเบื้องต้น
ตามมาด้วยความไม่พร้อมของธนาคาร ความไม่เหมาะสมของการไปแสดงตนทำให้ต้องระงับ ตามมาด้วยความไม่พร้อมของระบบไอทีนำไปสู่การล่มของคอมพิวเตอร์
และเมื่อจำนวนทะยานจาก 3 ล้านเป็น 20 กว่าล้านก็เริ่มปรากฏปัญหา
ปัญหาเบื้องต้นที่สุดก็คือ กฎเกณฑ์อันหละหลวมและไม่สามารถประสานข้อมูลได้อย่างเที่ยงตรงถูกต้องทำให้มีคนจำนวนไม่น้อยต้องตกสำรวจ
แม้กระทรวงการคลังจะอ้างเป็นความผิดของ AI แต่แท้จริงแล้วก็ไม่เป็นเช่นนั้น
โครงการ เราไม่ทิ้งกัน
กับ รัฐราชการรวมศูนย์
จากเดือนมีนาคมทะลุเดือนเมษายน โครงการ “เราไม่ทิ้งกัน” กลับกลายเป็นโครงการประจานความหละหลวมบกพร่องของรัฐบาล
แม้จะเริ่มต้นจากความปรารถนาดีต้องการช่วยเหลือประชาชน
เป็นความไม่พร้อมในเรื่องการตระเตรียมและวางแผนรับมือกับการแพร่ระบาดของไวรัสอย่างรอบคอบและรัดกุมอย่างเพียงพอ
ไม่ตระหนักในผลสะเทือนของมาตรการ “เข้ม” อย่างเพียงพอ
มีความรวดเร็ว ฉับไว จริงจัง หากเป็นการช่วยเหลือภาคการเงิน การธนาคารและบริษัทขนาดใหญ่ แต่มากด้วยปัญหาเมื่อเป็นการช่วยเหลือประชาชนผู้ยากไร้
ประจานให้เห็นความไม่พร้อมในระบบข้อมูล ในระบบไอที บนยุทธศาสตร์ไทยแลนด์ 4.0
ประจานให้เห็นถึงความล้าหลัง ไร้ประสิทธิภาพ ของโครงสร้างการบริหารผ่าน “รัฐราชการรวมศูนย์” ที่ทุกอย่างต้องเริ่มจากกรุงเทพมหานคร
ปัญหาของไวรัสในปริมณฑลสุขภาพ จึงขยายกลายเป็นปัญหาการเมือง
และผลสะเทือนจากกรณีไวรัสแพร่ระบาด จากการประกาศและบังคับใช้สถานการณ์ฉุกเฉินจะกลายเป็นปัญหาหลังจากนี้ที่หนักหน่วง รุนแรงเป็นลำดับ
เป็นปัญหาที่สุมรุมเข้าใส่รัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา