วิถีแห่งกลยุทธ์ เหมยฉางซู / เสถียร จันทิมาธร / ขอบคุณที่ช่วยถิงเซิง (40)

เสถียร จันทิมาธร

วิถีแห่งกลยุทธ์ เหมยฉางซู/เสถียร จันทิมาธร

ขอบคุณที่ช่วยถิงเซิง (40)

 

การประจันหน้าระหว่างเซียวจิ่งเหยียนกับเฟยหลิว ด้านหนึ่ง สะท้อนให้เห็นความรักความห่วงใยที่เฟยหลิวมีต่อเหมยฉางซู ขณะเดียวกัน ด้านหนึ่ง สะท้อนให้เห็นตัวตนของเซียวจิ่งเหยียนอย่างเด่นชัด

เด่นชัดในระดับ “ยอมหัก ไม่ยอมงอ”

“สิ่งที่ข้าพูดเมื่อครู่ ทุกประโยคล้วนมาจากใจ ไม่มีประโยคใดผิดหรือเป็นเท็จ ดังนั้น ข้าไม่ขอโทษ แต่ซูเจ๋อ ข้าไม่ต้องการคำขอโทษจากน้องชายคนนี้เช่นกัน เขาก็แค่รับผิดชอบหน้าที่อารักขาของเขาอย่างเต็มที่เท่านั้นมิได้ทำผิดอันใด

แต่ข้าคิดว่า ท่านสมควรไปขอโทษหนีหวงจวิ้นจู่สักครามากกว่า”

เหมยฉางซูมองจิ้งหวังแน่วนิ่ง จมอยู่กับความครุ่นคิดชั่ววูบหนึ่งจึงค่อยถาม “หนีหวงจวิ้นจู่ก็เข้าใจว่ากระหม่อมเจตนาปิดบังเช่นนั้นหรือ”

“เปล่าเลย นางเข้าใจว่าสิ่งที่ท่านจะพูดถูกคนอื่นแทรกขึ้นเสียก่อน”

“เช่นนั้นไยต้องจงใจรุดไปขอโทษ สะกิดแผลในใจนางเปล่าๆ จวิ้นจู่ได้รับความไม่เป็นธรรมถึงขนาดนี้แล้ว ท่านยังต้องการให้นางทุกข์ใจมากกว่านี้อีกหรือ”

จิ้งหวังไม่ทันคิดถึงข้อนี้อดนิ่งอึ้งมิได้

อาจเพราะจิ้งหวังไม่รู้เส้นสนกลในของความสัมพันธ์ลึกล้ำระหว่างหนีหวงจวิ้นจู่กับเหมยฉางซู อาจเพราะความนัยนี้มีแต่เหมยฉางซูเท่านั้นที่ล่วงรู้เหมือนกับเหมยฉางซูล่วงรู้อันเกี่ยวกับจิ้งหวัง

 

คําพูดขององค์ชาย กระหม่อมจารึกใส่ใจแล้ว ต่อไปจะระวังให้มาก แต่กระหม่อมมีหลายคำต้องกล่าว

ท่านไม่อาจชิงชังอุบายเล่ห์กลไปเสียทั้งหมด การต่อกรกับบุคคลเช่นรัชทายาทและอวี้หวัง อาศัยเพียงเลือดร้อนระอุในกายไม่ได้

บางครั้งพวกเราจำเป็นต้องโหด ต้องเหี้ยม ต้องอำมหิต หย่อนคลายเพียงเล็กน้อยอาจทำให้พังพินาศได้

สำหรับประการนี้ท่านคงไม่ถึงกับไม่เข้าใจกระมัง

เลี่ยงไม่ได้ที่บางครั้งองค์ชายจะรู้สึกอึดอัดในใจ แต่จำต้องสะกดกลั้นไว้ กระหม่อมทราบขีดความอดทนของท่านดี ดังนั้น ไม่คิดไปแตะต้อง

แต่กระหม่อมก็มีวิธีและแผนอุบายของตัวเอง

เกรงว่าองค์ชายคงต้องค่อยๆ ปรับตัวยอมรับให้ได้ เราสองล้วนมีเป้าหมายเดียวกัน เพื่อบรรลุถึงสิ่งนี้เสียสละความรู้สึกส่วนตัวสักเล็กน้อยจะเป็นอะไรนักหนา

 

ได้ฟังดังนั้นเซียวจิ่งเหยียนขมวดคิ้วแน่น ในใจตระหนักถึงความจริงของคำพูดเหล่านี้ดี พลันรู้สึกทรวงอกคล้ายถูกอัดแน่นด้วยบางสิ่ง

เป็นความรู้สึกที่น่าขยะแขยงจนสุดพรรณนา

เหมยฉางซูพินิจทุกความเปลี่ยนแปลงบนสีหน้าเซียวจิ่งเหยียน ขณะที่เซียวจิ่งเหยียนยืนหยัดในหลักการแห่งตน

มีความจำเป็นที่เหมยฉางซูก็ต้องยืนหยัดในหลักการแห่งตนเช่นเดียวกัน

เมื่อรับฟังคำชี้แจงยาวเหยียดของเหมยฉางซู ท่าทีของเซียวจิ่งเหยียนก็คือ แหงนหน้าสูดลมหายใจลึกอีกคำหนึ่ง

ปิดตาครุ่นคิดเนิ่นนานก่อนสาดประกายเจิดจ้าเพ่งมองไปทางเหมยฉางซู

“นี่คือความคิดแท้จริงของท่าน ใช่ไหม ข้าเข้าใจแล้ว เช่นนั้นข้าก็ขอพูดตามความสัตย์สักประโยค สำหรับรัชทายาทและอวี้หวังข้าไม่หลงเหลือความผูกพันฉันพี่ฉันน้องอีกแล้ว จะต่อกรเขา 2 คนกับพวกพ้องอย่างไรข้าไม่เคยสนใจสักนิดว่าท่านจะใช้เล่ห์เหลี่ยมกลอุบายอันใด

ในเมื่อต้องร่วมมือกับท่าน ไยต้องปิดบังเสแสร้ง หากท่านจะทำร้ายข้าจริงๆ แค่อาศัยความลับของถิงเซิงที่ท่านล่วงรู้ก็สามารถทำให้ข้าหมดปัญญาแล้ว

ท่านแม้อำมหิตโหดเหี้ยม แต่ก็นับเป็นอัจฉริยะผู้หนึ่ง

ข้างกายข้าหากปราศจากคนเช่นท่าน จะมีปัญญาอันใดไปต่อกรรัชทายาทกับอวี้หวังได้เล่า ทว่าแผ่นดินต้าเหลียง อีกทั้งในราชสำนักยังมีขุนนางมือสะอาดจำนวนหนึ่งที่มิได้เข้าร่วมกับฝักฝ่ายใดสำหรับคนเหล่านี้…”

จิ้งหวังพูดยังไม่สิ้นกระแสความเหมยฉางซูก็สอดขึ้นอย่างฉับพลัน “กระหม่อมยังคงต้องหลอกใช้อยู่ดี”

น้ำเสียงของเหมยฉางซูยะเยียบเย็น “แต่จะพยายามสุดกำลังไม่ทำร้ายพวกเขา”

ได้ยินดังนั้นจิ้งหวังสะกดสายตามองเหมยฉางซูแน่วนิ่ง เนิ่นนานให้หลังค่อยพยักหน้าช้าๆ กล่าวเน้นทีละคำว่า

“ท่านจำได้ก็ดี”

 

เหมยฉางซูแย้มยิ้ม ตระหนักรู้ว่าการสนทนาในวันนี้ได้จบลงแล้ว พลันถอยกายก้าวหนึ่ง โค้งคำนับต่อจิ้งหวังอย่างนอบน้อมตามธรรมเนียม

แล้วก็จริงดังคาด

จิ้งหวังมิได้กล่าวอันใด หมุนกายก้าวเท้าสวบออกไป พอถึงประตูกลับหยุดลง กล่าวโดยไม่หันกลับมา

“ขอบคุณที่ช่วยถิงเซิงออกมา”