คุยกับ “Milli” แร็พเปอร์สาววัย 17 เจ้าของเพลงฮิต “พักก่อน” ในวันที่สังคมเปลี่ยนไป

“เป็นแรดๆ อ่ะพี่ จะดูแด๊ดแด๋ แด๊ดแด๋ แบบว่าอีนี่น่าหมั่นไส้เนอะ”

“ดนุภา คณาธีรกุล” หรือ “มินนี่” สาวน้อยวัย 17 ปี ให้คำจำกัดความถึงตัวตนของตนเอง ซึ่งมักถูกมองว่าเป็นเด็กชอบ “เล่นใหญ่” และ “แก่แดด”

ตัวตนดังกล่าวปรากฏชัดเจนยิ่งขึ้น เมื่อ “มินนี่” กลายร่างเป็น “Milli” (มิลลิ) แร็พเปอร์หญิงรุ่นใหม่ ผู้กำลังโด่งดังจากผลงานเพลงที่ชื่อ “พักก่อน”

“ชื่อ “Milli” เอามาจาก “มิลลิลิตร” ค่ะ เคยคุยกับคุณพ่อ แล้วคุณพ่อก็สอนเอาไว้ว่า เวลาเราไปไหนให้ทำตัวเหมือนน้ำ เพราะว่าน้ำมันอยู่กับภาชนะอะไรก็ได้ เราก็พยายามตั้งชื่อ AKA (นามแฝง) ของเรา ให้มันมีชื่อเราอยู่ในนั้นด้วย นั่นคือคำว่า “มิน” … แล้วก็เติมให้มันเป็นหน่วยของน้ำด้วย แต่มิลลิลิตรมันยาวพี่ มันไม่เท่ ก็เลยเหลือแค่ “มิลลิ” พอค่ะ”

นักร้องเพลงแร็พดาวรุ่งอธิบายความเกี่ยวกับนามแฝงในวงการของเธอ

“Milli” เริ่มชอบเพลงแนวฮิปฮอปและอีดีเอ็มตั้งแต่ตอนเรียน ม.2 จากนั้นเธอจึงลองคัฟเวอร์เพลง “Super Bass” ของ “นิกกี มินาจ” แต่ยังไม่เคยลงมือแต่งเพลงของตัวเอง

ถึงแม้แร็พเปอร์ไทยส่วนใหญ่จะนิยมแร็พตามแบบศิลปินดังอย่าง “เอ็มมิเน็ม” ทว่าต้นแบบผู้ส่งอิทธิพลมายัง “Milli” กลับเป็นศิลปินหญิง เช่น มินาจ หรือ “คาร์ดิ บี” มากกว่า

“แนวนั้น เรารู้สึกแบบมันได้ว่ะ มันปั๊วะ มันจึ้ง มันมีจริง อันนี้มันคือจบเลย หนูชอบมาก หนูก็เลยเลือกที่จะเสพผลงานแบบนั้น จน absorb (ซึมซับ) มาเป็นตัวเอง”

“Milli” เริ่มมีชื่อเสียงจากการเข้าร่วมประกวดในรายการ The Rapper 2

“(ก่อนหน้านั้น) หนูเพิ่งเริ่มแต่ง (เพลง) เองได้ปีเดียวเองค่ะ หนูเพิ่งมาเริ่มแต่งเพลงแร็พตอนแรก ใน (ระหว่างดู) The Rapper Season 1 EP. 1 ดูจบ EP. แรกแล้ว ก็หลังรายการ แต่งเองเลย ลองดู”

อย่างไรก็ดี เส้นทางสายประกวดของ “มินนี่” ก่อนจะเป็น “Milli” นั้นจัดว่าโชกโชนไม่เบา

“หนูไม่ได้มั่นใจอยู่แล้ว หนูไม่ได้มั่นใจตั้งแต่แรกแล้วว่าจะไปเข้า The Rapper Season 2 แล้วอุ๊ย! ติดแน่นอนเลย ไม่ใช่

“จริงๆ แล้วหนูเป็นสายประกวดมาตั้งแต่ประถมอยู่แล้วค่ะ หนูประกวดเล่านิทาน ภาษาไทย คุณธรรม แล้วก็เล่า story telling เป็นภาษาอังกฤษ drama skit ละครเวทีภาษาอังกฤษ แล้วก็หนูไป BNK มาด้วย แต่ไม่ติด ไป The Voice ไป Miss Teen Thailand

“คือประกวดมาหลายอันแล้ว แล้วก็ชิน แล้วรู้สึกว่าการที่เราไม่ติด มันไม่ใช่ความผิดพลาด มันคือมีคนที่เก่งกว่าเรา แล้วเราต้องพัฒนาให้มากขึ้น โลกมันกว้าง หนูไม่ได้เก่งที่สุดในโลก มันก็เลยต้องพัฒนาไปเรื่อยๆ”

“Milli” เล่าต่อว่า แม้การที่ครอบครัวของเธอได้สนับสนุนให้ลูกสาวกล้าแสดงออกและเข้าร่วมกิจกรรมต่างๆ จะสร้างผลดีหลายข้อ แต่นั่นก็เป็น “ดาบสองคม” อันก่อให้เกิดปัญหาตามมาเช่นกัน

“ยิ่งโตมา การกล้าแสดงออกมากเกินไป…ทำให้มีปัญหาในเรื่องของการใช้ชีวิตในสังคม จนหนูก็โดนเพื่อนแอนตี้ เพื่อนไม่ค่อยอยากคุยด้วย ไม่อยากทำงานด้วย เพื่อนไม่ได้ไปกินข้าวด้วย หนูก็ไปนั่งกินข้าวคนเดียว เหงามาก แล้วก็เปลี่ยนตัวเองใหม่ จนเป็นหนูถึงทุกวันนี้”

ทว่าในที่สุด อดีตเด็กหญิงผู้เคยถูกคนรอบข้างต่อต้านก็ประสบความสำเร็จกับผลงานเพลงแร็พชื่อ “พักก่อน” ซึ่งโกยยอดวิวในยูทูบไปแล้วเกิน 30 ล้านครั้ง (สถิติ ณ วันที่ 16 มีนาคม 2563)

“เพลง “พักก่อน” แรงบันดาลใจมาจากเพื่อนของหนูเองค่ะ คำว่าพักก่อนหนูใช้ในชีวิตประจำวันบ่อยมาก เอาไว้ด่าเพื่อนเอย เอาไปพูดถึงสังคมอะไรอย่างนี้ คือใช้บ่อยจริงๆ แล้วก็พยายามนำ situation (สถานการณ์) ที่มันใช้คำว่าพักก่อนได้ เอามาใส่ไว้ในเพลงเรา

“อย่างเช่นเพื่อนพูดไม่รู้เรื่อง เราก็เอามาใส่ว่า เฮ้ย! พักก่อนจ้ะ ไปนอน พูดไรงงมาก เราก็เอามาใส่ เรื่องผู้ชายที่เพื่อนมีเยอะมาก เราก็จะพักบ้างนะจ๊ะ อย่าเยอะไปมากกว่านี้นะจ๊ะ อะไรอย่างนี้ ก็เป็นการเตือนเพื่อน แล้วก็เรื่องของแอบไปแวะไปแซะคนที่เราแบบเกลียดด้วย เขาก็จะพูดถึงเราในแง่ลบ นินทาลับหลัง เราก็จะพักก่อนนะจ๊ะ เรื่องตัวเองเอาให้รอด”

ประเด็นทางสังคมที่ “Milli” สอดแทรกเอาไว้ในเพลงแร็พฟังสนุกเพลงนี้ก็คือ ปัญหาเรื่องคุณแม่วัยใส

“ดูเหมือนเป็นคนที่มี passion (ความกังวล) เรื่องคุณแม่วัยใสเยอะมาก เพลงแร็พที่หนูแต่งอันแรกในชีวิตก็เรื่องคุณแม่วัยใส อันที่หนูแต่งส่งเข้ามาคัดเลือกในรายการ The Rapper Season 2 ก็เรื่องเกี่ยวกับคุณแม่วัยใส อันที่ทำให้หนูเข้ารอบไฟนอลก็เรื่องคุณแม่วัยใส เต็มไปหมดเลย

“เราจะพูดในเรื่องที่เราเห็นในชีวิตประจำวัน เราเคยผ่าน หรือพูดในเรื่องของประสบการณ์ชีวิตตัวเอง เพราะถ้ามันไม่อินมันแต่งไม่ออก ก็ไม่รู้จะพูดถึงอะไร ถ้าเราไม่รู้จริงก็จะเป็นเรื่องที่ fake (ปลอม) ขึ้นมาใช่ไหม อย่างเรื่องคุณแม่วัยใส หนูรู้สึกว่าพอเราอายุไล่เลี่ยกับเพื่อนที่เป็นคุณแม่วัยใส แล้วรู้สึกว่ามันเป็นการให้กำลังใจมากกว่าผู้ใหญ่ที่จะสอนเด็ก”

สําหรับศิลปินสาวมั่นวัย 17 ปี ปัญหาเรื่องคุณแม่วัยใสในเพลง “พักก่อน” นั้นมีความเชื่อมโยงกับช่องว่างระหว่าง “ผู้ใหญ่” กับ “เด็ก” อย่างชัดเจน

“บางคนก็จะมองว่า (ปัญหานี้) เป็นเรื่องของผู้ใหญ่ ไม่ใช่เรื่องของเด็ก เขาก็จะมองว่าหนูแก่แดด แต่ถ้าถามว่าเรามองในมุมกลับกัน ถ้าไม่มีคนออกมาพูด ผู้ใหญ่จะเข้าใจมากน้อยแค่ไหน

“ก่อนหน้านี้คำว่าผู้ใหญ่กับคำว่าเด็ก space (ระยะห่าง) มันต่างกันมากเลย แทนที่พ่อ-แม่จะเข้าใจลูกในสิ่งที่ลูกเป็น กลายเป็นว่าพ่อ-แม่ยัดอะไรก็ไม่รู้ใส่ลูก ทำเหมือนลูกเป็นหุ่นยนต์ แล้วเอาสิ่งที่พ่อ-แม่อยากให้ทำ สิ่งที่พ่อ-แม่คิดว่าดี เอามาใส่ คุณจะรู้ได้ยังไง ว่าสิ่งที่คุณคิดมันดีแล้ว สังคมมันเปลี่ยนไปอยู่ตลอด สิ่งที่คุณมองว่าดีในยุคคุณอ่ะ สมัยนี้มันอาจจะเปลี่ยนไปแล้วก็ได้

“มันไม่ใช่หันหูหลับหูหลับตา แล้วแบบ โอ๊ย! ไม่ดี ไม่ดี ไม่ดี เป็นกุลสตรี ไม่ถูกกาลเทศะ บ้านเมือง สังคม มันเปลี่ยนไปแล้ว มันถึงเวลาที่เขาจะต้องเปิดใจรับอะไรใหม่ๆ ด้วย ไม่ใช่อยู่ในโลกที่เขาผ่านมาแค่นั้น”

“Milli” แสดงจุดยืนว่า การกล่าวถึงปัญหาสังคมผ่านบทเพลงนั้นเป็นเพียง “การบอกกล่าว” ให้คนอื่นๆ ได้ตระหนักรับทราบ แต่ตัวเธอคงไม่สามารถก้าวล่วงไปตัดสินหรือเสนอแนะหนทางแก้ปัญหาได้

“ปัญหานี้มีอยู่จริง เราจะทำไงกันต่อไปดีจ๊ะ หนูก็ไม่ตัดสินเลยว่าต้องทำแบบนี้ แบบนี้ แบบนี้ แบบนี้ เพราะหนูอ่ะก็เป็นวัยรุ่นคนหนึ่งเหมือนกัน แต่หนูแค่จะบอกสังคมเฉยๆ ว่า เฮ่ย! มันมีแบบนี้จริงๆ นะ มันกำลังเกิดขึ้น และมันยังเป็นปัญหาที่คงอยู่ในปัจจุบันนะ คุณจะทำยังไง สังคมจะพัฒนาต่อไปยังไงกับปัญหานี้มากกว่า

“เราก็พูดในมุมมองของหนู แล้วมุมมองของหนูก็จะโตขึ้นเรื่อยๆ ด้วย เพราะว่าหนูก็ไม่ได้หยุดอยู่แค่อายุเท่านี้”