ฝ่ายความมั่นคง-ตร. เรียงหน้าโต้! เครือข่ายโกตี๋ “ลอบสังหาร-ป่วนธรรมกาย”ของจริง“ไม่จัดฉาก”

ปฏิบัติการจู่โจม 9 จุดเครือข่าย นายวุฒิพงศ์ กชธรรมคุณ หรือโกตี๋ แกนนำเสื้อแดง นำโดย พล.ต.อ.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รอง ผบ.ตร. พล.ต.ต.สมบัติ มิลินทจินดา รอง ผบช.ภ.1 พล.ต.ต.สุทิน ทรัพย์พ่วง ผบก.ป. พ.ต.อ.สุวัฒน์ แสงนุ่ม รอง ผบก.ป. พล.ต.วิจารณ์ จดแตง หัวหน้าส่วนปฏิบัติการคณะทำงานด้านกฎหมาย คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) และ พ.อ.บุรินทร์ ทองประไพ เสนาธิการประจำผู้บังคับบัญชาฝ่ายกฎหมาย คสช. เมื่อวันที่ 18 มีนาคมที่ผ่านมา ถูกจับตาและเชื่อมโยงเป็นประเด็นการเมืองอย่างเห็นได้ชัด

เป้าหมายสำคัญคือ บริษัท ไทยแม็กซ์กรุ๊ป จำกัด ตั้งอยู่หมู่ 6 ต.คูคต อ.ลำลูกกา จ.ปทุมธานี เจ้าหน้าที่พบ นายธีรชัย อุตรวิเชียร หรือระพิน แนวร่วมกลุ่มโกตี๋ เป็นคนใกล้ชิดโกตี๋ และมักขึ้นเวทีทางการเมืองที่ จ.ปทุมธานี อยู่เสมอ

จากการตรวจค้นพบอาวุธสงครามจำนวนมาก อาทิ อาวุธปืนเอ็ม 16 เครื่องยิงลูกระเบิดเอ็ม 79 กระสุนปืนขนาด 5.56 ม.ม. กว่า 4,500 นัด กระสุนปืนขนาด 7.62 ม.ม. ซ้อมรบ 8 นัด และระเบิดเอ็ม 79 เกือบ 10 ลูก

รุ่งขึ้น “โกตี๋” ที่หลบหนีคดีตาม ม.112 อยู่ประเทศเพื่อนบ้าน ตอบโต้ผ่านช่องทางยูทูบ ทำนองว่า “มีการจัดฉาก…และหากมีอาวุธมากขนาดนี้ผมถล่มพวกเขาไปนานแล้ว ไม่เอาไว้หรอก นอกจากนี้ จะสะสมอาวุธไว้ทำไมในเมืองไทย ที่ใจกลางเมืองขนาดนั้น จัดฉากไม่เนียนในการพยายามที่จะให้เป็นคนก่อการร้าย”

จนกลายเป็นข้อกังขาที่เจ้าหน้าที่ตำรวจ หน่วยงานด้านความมั่นคง ตลอดจนฝ่ายการเมือง อย่าง พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมออกมาตอบโต้ สำทับด้วยการโชว์คลิปขณะตรวจค้นในที่ประชุมคณะรัฐมนตรี

ทั้งนี้ มีรายงานจากหน่วยงานความมั่นคงระบุว่า ปฏิบัติการดังกล่าว เป็นการรวบรวมข้อมูลและหลักฐานมายาวนานต่อเนื่องหลายปี เพื่อพยายามขุดรากถอนโคนขบวนการดังกล่าวที่พยายามสร้างเหตุการณ์ความวุ่นวายเรื่อยมา มีตั้งแต่ระดับบุคคลธรรมดา ไล่ไปจนถึงระดับผู้มีหน้าตาทางสังคม ที่ครอบคลุมแทบจะทุกวงการ จึงต้องดำเนินการอย่างจริงจัง

ทั้งนี้ หากสังเกตจะพบว่ากลุ่มระดับ “ตัวใหญ่” ของคนกลุ่มหนึ่งที่ถูกออกหมายจับ และถูกตั้งข้อหาร้ายแรง ต่างพากันทยอยหลบหนีออกนอกประเทศ

แต่ในทางกลับกัน ภายในประเทศไทยยังคงมีเหตุการณ์คุกรุ่นอยู่เรื่อยมา กลับไม่เงียบสงบอย่างแท้จริง

จึงเป็นตัวชี้ให้เห็นว่า ยังมีแขน ขา มือป่วน คอยทำงานตามบัญชาการจากนอกประเทศอยู่เนืองๆ กระทั่งพยานหลักฐานที่อยู่ในมือเจ้าหน้าที่ เปรียบเสมือนจิ๊กซอว์ เมื่อนำมาต่อทีละชิ้นๆ กลับเป็นการแสดงโครงข่ายที่เชื่อมโยงกันอย่างเห็นได้ชัด

แต่ในรายละเอียดยังไม่สามารถเปิดเผยได้

พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ

สอดรับกับที่ พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ รองโฆษก ตร. แถลงว่า กลุ่มนี้เคลื่อนไหวอย่างมากในสถานการณ์การชุมนุมทางการเมืองที่ผ่านมา มีการระดมคน อาวุธ และเงินทุนจำนวนมาก เพื่อใช้ในการก่อความไม่สงบ ยืนยันว่าไม่มีการจัดฉากโดยเจ้าหน้าที่รัฐแน่นอน แต่ทั้ง 9 รายที่ถูกควบคุมตัวอยู่ระหว่างการซักถามของทหาร เบื้องต้นผู้ต้องสงสัยยอมรับว่ามีการสะสมอาวุธดังกล่าวเพื่อดำเนินการอย่างใดอย่างหนึ่ง ขณะนี้อยู่ระหว่างขยายผลและตรวจสอบเพื่อเชื่อมโยงไปถึงท่อน้ำเลี้ยงด้วย

“คำให้การซัดทอดของผู้ต้องสงสัย เชื่อมโยงกับข้อมูลด้านการข่าวสอดคล้องกัน เจ้าหน้าที่รัฐคงไม่ปรักปรำใครเพื่อสร้างความน่าเชื่อถือ ทุกอย่างต้องดำเนินการอย่างโปร่งใส และเปิดเผยได้ในส่วนที่ไม่กระทบต่อการสอบสวนเพื่อตอบข้อสงสัยของประชาชนได้” รองโฆษก ตร. กล่าว

รองโฆษก ตร. กล่าวต่อว่า บุคคลกลุ่มนี้จากการข่าวมีการปลุกระดมทางโซเชียลมีเดีย ทางสื่อธรรมดาด้วย พยายามปลุกระดมเพื่อลดความน่าเชื่อถือของ คสช. และรัฐบาล มีความเกี่ยวข้องกับการลอบสังหารผู้นำประเทศ รวมทั้งบุคคลสำคัญ เชื่อมโยงกับการตรวจค้นวัดพระธรรมกาย ทำให้การตรวจค้นเป็นไปด้วยความยากลำบาก ตำรวจมีการสืบสวน เก็บรวบรวมพยานหลักฐานตลอดมา ทุกอย่างมีความเชื่อมโยงกัน ทำให้เชื่อว่ามีความพยายามที่จะทำให้เกิดเหตุขึ้นจริง จนเป็นที่มาของปฏิบัติการในครั้งนี้

ดีเอสไอสอบปากคำ 9 ผู้ต้องหา เครือข่ายโกตี๋

สำหรับอาวุธที่เจ้าหน้าที่ยึดได้ รองโฆษกระบุว่า เป็นการสะสมมาก่อนหน้านี้แล้ว รวมถึงบางส่วนสะสมใหม่ ลักลอบนำเข้ามา เจ้าหน้าที่พบพิรุธตั้งแต่ต้นเดือนมีนาคมที่ผ่านมา ส่วนจะมีความเชื่อมโยงกับกลุ่มเสื้อแดงบางกลุ่มหรือไม่นั้น ต้องตรวจสอบอีกครั้ง

แต่ปกติโกตี๋มีความชัดเจนเรื่องจุดยืนอยู่แล้ว การข่าวเรื่องลอบสังหารผู้นำประเทศมีมาระยะหนึ่ง มองว่ากลุ่มฝ่ายตรงข้ามต้องการดิสเครดิตรัฐบาลมาตลอด

การกระทำเช่นนี้ก็มีเป้าหมายอย่างนั้น รวมถึงกรณีที่พบว่ากลุ่มนี้มีความพยายามสร้างความรุนแรงเป็นมือที่ 3 ในระหว่างเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการปิดล้อมวัดพระธรรมกาย เชื่อว่ามีเป้าหมายเพื่อดิสเครดิตรัฐบาลและเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคง ฝ่ายความมั่นคงติดตามข่าวและยืนยันได้ว่ามีความพยายามจริง การโพสต์ข้อความในโซเชียลมีเดียข่มขู่เป็นหลักฐานอย่างหนึ่ง

ทั้งนี้ เมื่อถึงเวลาที่เหมาะสมจะนำหลักฐานที่พบว่ากลุ่มนี้มีความพยายามก่อเหตุมาชี้แจงต่อสาธารณชน

พล.ต.อ.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล

ขณะที่ พล.ต.อ.ศรีวราห์รับผิดชอบกรณีดังกล่าว ระบุถึงที่มาของอาวุธปืนสงครามที่ตรวจยึดได้จำนวนมากว่า ถามกับทางกองทัพ ทำให้ทราบว่าอาวุธปืนบางกระบอกหายไปตั้งแต่เหตุการณ์ชุมนุมปี 2553 ส่วนปืนที่เหลือส่งมอบให้พิสูจน์หลักฐานตรวจสอบ แต่ยืนยันว่าไม่เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ยักยอกปืนที่ค่าย ตชด. จังหวัดอุดรธานี ก่อนหน้านี้แต่อย่างใด

“ยืนยันว่าไม่ได้มีการจัดฉากกลั่นแกล้ง จะไปหาซื้อปืนเอ็ม 16 ที่ไหนมาแจกจ่าย โดยเฉพาะปืนบางชนิดไม่มีใช้ในราชการ กองทัพหรือสำนักงานตำรวจแห่งชาติด้วยซ้ำ บุคคลเหล่านี้อย่าไปเรียกว่าเป็นกลุ่มคนเสื้อแดงเลย แต่ถ้าเรียกว่าเป็นกลุ่ม เรด เรดิโอ ถือว่าใช่” รอง ผบ.ตร. กล่าว

อย่างไรก็ตาม รอง ผบ.ตร. กล่าวว่า ขณะนี้พนักงานสอบสวน บก.ป. รวบรวมพยานหลักฐานเสนอต่อศาลอาญา ขออนุมัติหมายจับ 6 ใน 9 คนที่ถูกควบคุมตัว ในหลายข้อหา อาทิ ครอบครองยุทธภัณฑ์ อาวุธสงคราม, ครอบครองยาเสพติด (ยาบ้า), อั้งยี่ ซ่องโจร หลังพบพฤติกรรมชัดเจนว่าเกี่ยวข้องกับการกระทำความผิด และเชื่อมโยงกับของกลางที่เจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงตรวจยึดได้

จากการสืบสวนพบว่ากลุ่มนี้มีเป้าหมายลอบสังหาร พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี รวมถึงเป้าหมายก่อกวนทำร้ายฝ่ายตรงข้ามกับวัดพระธรรมกายในระหว่างเจ้าหน้าที่ปิดล้อมเพื่อตรวจค้นและหวังจับกุมพระธัมมชโย เพราะพบว่ามีจำนวนหลายคนในกลุ่มผู้ต้องสงสัย 9 คนที่ถูกควบคุมตัว ปรากฏตัวบริเวณวัดพระธรรมกายและตลาดกลางคลองหลวง เจ้าหน้าที่ไม่ทราบเจตนาว่าไปทำอะไร แต่เป็นการไปโดยผิดปกติ เพราะยังพบข้อมูลว่านายโกตี๋กับพวกไม่ได้มีความสัมพันธ์หรือเกี่ยวข้องกับวัดพระธรรมกายเลย แต่คนกลุ่มนี้อาจอาศัยจังหวะไปก่อเหตุสร้างความวุ่นวายในช่วงที่เจ้าหน้าที่ปิดล้อมตรวจค้นวัดพระธรรมกาย

กระทั่งล่าสุดวันที่ 22 มีนาคม พนักงานสอบสวน บก.ป. ขออนุมัติหมายจับโกตี๋ ในข้อหาครอบครองยุทธภัณฑ์ อาวุธสงคราม หลังจากเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงสอบปากคำ 6 คนที่ถูกออกหมายจับไปก่อนหน้านี้ซัดทอดไปถึงโกตี๋ โดยศาลอนุมัติหมายจับตามที่ร้องขอ

ผลสรุปจะเป็นอย่างไร แท้จริงแล้วเป็นการ “จัดฉาก” หรือ “ก่อการจริง” ต้องชั่งน้ำหนักที่พยานหลักฐานด้วยกระบวนการยุติธรรม มิใช่เรื่องการเมือง!!