ยานยนต์ สุดสัปดาห์/สันติ จิรพรพนิต /ลองของ ‘ฮอนด้า ซิตี้ RS’ ขับสนุก-แรงเกินอีโคคาร์

สันติ จิรพรพนิต

ยานยนต์ สุดสัปดาห์/สันติ จิรพรพนิต [email protected]

ลองของ ‘ฮอนด้า ซิตี้ RS’

ขับสนุก-แรงเกินอีโคคาร์

 

เก็บยอดขายได้น่าพอใจกับ “ฮอนด้า ซิตี้” หลังอวดโฉมเมื่อปลายปีที่แล้ว

นอกจากความสวยและสดใหม่ ราคาน่าจะมีส่วน เนื่องจากฮอนด้าลดพิกัดซิตี้ มาเป็น “อีโคคาร์” ใช้เครื่องยนต์ 1.0 ลิตร เทอร์โบ จึงได้อานิสงส์เรื่องภาษีมากกว่า “ซิตี้คาร์” ที่เป็นเซ็กเมนต์เดิม

รวมไปถึงขนาดตัวถังก็บิ๊กเบิ้มขึ้นอยู่ที่กว้าง 1,748 ม.ม. ยาว 4,553 ม.ม. ส่วนความสูงลดลงเหลือ 1,467 ม.ม. ฐานล้อ 2,589 ม.ม.

ทำให้ค่อนข้างใหญ่โตเอาการ เมื่อเทียบกับในเซ็กเมนต์เดียวกัน

ผมเองรอข้ามปีกว่าจะได้รุ่นนี้มาทดสอบ

ทีมงานฮอนด้าส่งรุ่น “RS” รุ่นท็อป แต่งแบบจัดหนัก-จัดเต็ม

มาดูรูปร่างหน้าตากันก่อน ดีไซน์เน้นความสปอร์ตกระจังหน้าโครเมียม ละม้าย “ซีวิค” ไฟหน้าแบบ LED เรียงตัวกันเหมือนเปลือกหอย พร้อมไฟส่องสว่างสำหรับขับขี่เวลากลางวันแบบ LED

ด้านล่างเป็นไฟตัดหมอกแบบ LED เช่นกัน

กระจกมองข้างสีดำ พร้อมไฟเลี้ยวในตัว ขยับตำแหน่งจากหูช้างมาอยู่ที่ประตูข้าง ช่วยให้มีมุมมองที่กว้างขึ้น

เส้นสายด้านข้างมีความอวบกว่ารุ่นเก่า

ไฟท้ายดีไซน์ใหม่ สปอยเลอร์หลังแบบ Glass Black พร้อมสัญลักษณ์ RS

ล้ออัลลอยดีไซน์สปอร์ตแบบทูโทนขนาด 16 นิ้ว

เสาอากาศแบบครีบฉลาม

 

ภายในออกแบบได้เรียบหรูกว้างขึ้นกว่าเดิม คอนโซลกลางเล็กลง ทำให้ผู้ขับขี่วางเท้าซ้ายถนัดมากขึ้น

พวงมาลัยแบบมัลติฟังก์ชั่น พร้อมปุ่มควบคุมระบบเครื่องเสียงและปุ่มรับ-วางสายโทรศัพท์

มาตรวัดเรืองแสงพร้อมหน้าจอแสดงข้อมูลการขับขี่

ระบบเครื่องเสียงหน้าจอสัมผัสขนาด 8 นิ้ว แบบ Advanced Touch รองรับการเชื่อมต่อ Apple CarPlay และระบบสั่งการด้วยเสียง SIRI เชื่อมต่อระบบ “ฮอนด้า คอนเน็กต์” สามารถสั่งการผ่านสมาร์ตโฟน สั่งสตาร์ตรถ เปิด-ล็อกประะตู ตรวจสภาพต่างๆ ได้

และยังส่งภาพจากกล้องมองด้านหลัง ปรับมุมมองได้ 3 ระดับ

ระบบปรับอากาศอัตโนมัติ

เบาะนั่งหนังผสมผ้าตกแต่งด้วยด้ายสีแดง ให้ความสปอร์ตมากขึ้น

เบาะนั่งด้านหลังนั่งได้สบายมากขึ้น เนื่องจากบุได้หนา แต่มีข้อเสียตรงที่ไม่สามารถพับลงเพื่อเพิ่มพื้นที่บรรทุกได้

เรียกว่าได้อย่างเสียอย่าง เพราะจากที่ลองเข้าไปนั่งแล้วสบายจริงๆ เดินทางไกลๆ ผู้โดยสารไม่มีบ่นแน่นอน

พนักตรงกลางสามารถดึงลงมาเป็นที่เท้าแขนและมีช่องวางแก้วน้ำให้ 2 ตำแหน่ง นอกจากนี้ มีช่องเสียบเพาเวอร์ เอาต์เล็ตให้ 2 ช่องด้วย

ภาพรวมต้องบอกว่าดูหรูหราและสปอร์ต แถมสบายจริงๆ

 

กดปุ่มสตาร์ตเสียงเครื่องยนต์ไม่ดังมากนัก มาตรวัดเรืองแสงดูดีทีเดียว มีสัญลักษณ์แจ้งการขับขี่เพื่อประหยัด กรณีใช้ความเร็วที่เหมาะสมสัญลักษณ์นี้จะแสดงขึ้นมา

คันเกียร์ขนาดกระชับมือลากลงมาที่ตำแหน่ง “D” ไม่มีกระตุกให้รู้สึก

เครื่องยนต์ 1.0 ลิตร DOHC VTEC TURBO 3 สูบ 12 วาล์ว พร้อม Turbo Charger กำลังสูงสุด 122 แรงม้า ที่ 5,500 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 173 นิวตันเมตร ที่ 2,000-4,500 รอบต่อนาที

ส่วนเกียร์แบบอัตโนมัติอัตราทดแปรผันต่อเนื่อง (CVT) 7 สปีด โดยรุ่นท็อปมี “แพดเดิลชิพ” หรือปุ่มเปลี่ยนเกียร์ที่พวงมาลัยมาให้ด้วย

ตอนที่ลองอัดหนักๆ ผมค่อนข้างตกใจเพราะมาเร็วและแรงมากในทุกย่านความเร็ว

ต้น-กลาง-ปลาย มาเร็วมาก เผลอแป๊บๆ เข็มไมล์วาดขึ้นไปเกิน 160 กิโลเมตร/ชั่วโมงไปแล้ว

ถือว่าสมคำร่ำลือจากที่น้องนักข่าวรถยนต์ “ข่าวสด” ไปทดสอบมา บอกว่าในทริปมีบางคนเหยียบทะลุ 200 กิโลเมตร/ชั่วโมงมาแล้ว

แม้ตอนที่ผมทดสอบพยายามจับสังเกตเป็นพิเศษในอัตราเร่ง เพราะได้รับการกล่าวขานมาว่าแรงจริง ไรจริง

ต้องบอกว่าไม่ผิดหวัง หากใครยังไม่เคยลองอย่าหมิ่นว่าเครื่องแค่ 1.0 ลิตร จะสักเท่าไหร่เชียว

เพราะแรงจนผมตกใจจริงๆ สมแล้วที่ช่วงเปิดตัวฮอนด้า เคลมว่าซิตี้ใหม่รุ่นนี้เหนือกว่าเครื่องยนต์ขนาด 1.5 ลิตรของเดิม แถมแรงบิดเทียบเท่ากับรุ่นเครื่องยนต์ 1.8 ลิตร

 

ระบบเปลี่ยนเกียร์หลังพวงมาลัย ลองเล่นดูแล้วเปลี่ยนเกียร์นิ่มนวล ไม่มีกระชาก กระตุกให้เสียอารมณ์

หากใครอยากได้อัตราเร่งที่กระชับขึ้น ลากคันเกียร์ไปที่โหมด “S” จะสนุกขึ้นในช่วงต้น แต่เมื่อเข้าความเร็วปลาย ไม่ค่อยต่างกันมากนัก

เอาจริงๆ แค่โหมด “D” ก็ขับได้สนุกเหลือเฟือแล้ว

แต่ในย่านความเร็วสัก 130 กิโลเมตร/ชั่วโมง เริ่มได้ยินเสียงลมเข้ามาบ้าง

ระบบพวงมาลัยควบคุมได้แม่นยำ

ช่วงล่างเป็นอีกจุดเด่นที่ต้องบอกว่าเซ็ตมาได้นุ่มนวล และหนึบแน่น แม้จะเป็นแบบมาตรฐาน ด้านหน้าแม็กเฟอร์สันสตรัต พร้อมเหล็กกันโคลง ส่วนด้านหลังทอร์ชั่นบีม

การเข้าโค้งแรงๆ หรือเบรกแรงๆ ไม่มีอาการวูบไหว

ส่วนหนึ่งน่าจะเป็นเพราะตัวช่วยที่สำคัญคือ ระบบช่วยควบคุมการทรงตัวขณะเข้าโค้ง

 

อื่นๆ เช่น ถุงลม 6 ตำแหน่ง ระบบเบรกป้องกันล้อล็อก ระบบกระจายแรงเบรก ระบบช่วยการออกตัวขณะอยู่บนทางลาดชัน ฯลฯ

พร้อมกับมีระบบควบคุมความเร็ว ทำให้สบายมากขึ้นเมื่อขับขี่ทางยาวๆ

เบาะนั่งผมยกให้เป็นอีกจุดเด่นเพราะนั่งสบายจริงๆ ทั้งด้านหน้าและหลัง โดยเฉพาะที่นั่งผู้ขับขี่โอบกระชับล็อกลำตัวได้ดี

ปุ่มควบคุมต่างๆ อยู่ใกล้มือ

วัสดุตกแต่งภายในดูมีคุณภาพมากๆ แต่แน่นอนว่าเพราะเป็นรุ่นท็อป แถมค่าตัวก็แพงกว่ารุ่นท็อปยี่ห้ออื่นๆ ในเซ็กเมนต์เดียวกัน

“ฮอนด้า ซิตี้ RS” ราคา 739,000 บาท ได้ครบจบเลย ไม่ต้องทำอะไรเพิ่มแล้ว

ส่วนอีก 3 รุ่นย่อยที่เหลือราคา 579,500-665,000 บาท