มองบ้านมองเมือง / ปริญญา ตรีน้อยใส / จากน้ำมัน สู่ไฟฟ้า และอื่นๆ อีกมากมาย

ปริญญา ตรีน้อยใส

มองบ้านมองเมือง/ปริญญา ตรีน้อยใส

จากน้ำมัน สู่ไฟฟ้า และอื่นๆ อีกมากมาย

 

เรื่องที่จะเกิดขึ้นต่อไป ผู้เขียนอาจไม่ทันเห็นก็เป็นได้ จะถือเป็นความโชคดีก็คงได้ ที่ไม่ต้องปรับความคิด ปรับวิถีชีวิต และปรับตัวกับสิ่งที่จะเปลี่ยนไป

อย่างเรื่องโทรศัพท์ไอโฟนเครื่องเดียว ที่ส่งไปถึงการทำงาน การสอนหนังสือ และการใช้ชีวิตในทุกวันนี้

ฉบับนี้จะพาไปมองรถยนต์ ที่ผู้อ่านคุ้นเคยเพราะจอดนิ่งที่บ้าน และบนท้องถนนทุกเช้า-เย็น หรือพาไปมองอุตสาหกรรมรถยนต์ของไทย ที่เขาว่าเป็นกลไกสำคัญในการพัฒนาประเทศ

โดยเฉพาะอีอีซี

 

คงเริ่มต้นคล้ายกันคือ ย้อนกลับไปเมื่อนายคาร์ล เบนซ์ Karl Benz ชาวเยอรมัน คิดค้นรถที่ขับเคลื่อนได้เอง Automobile โดยใช้เครื่องยนต์น้ำมันเบนซินขับเคลื่อนเมื่อปี พ.ศ.2429

รวมทั้งนายรูดอล์ฟ ดีเซล Rudolf Diesel ก็คิดค้นเครื่องยนต์น้ำมันดีเซลสำหรับขับเคลื่อนรถยนต์ได้เหมือนกัน ในปี พ.ศ.2440

สิบปีต่อมา คือในปี พ.ศ.2451 หรือ ค.ศ.1908 นายเฮนรี่ ฟอร์ด Henry Ford ชาวอเมริกัน เริ่มการผลิตรถยนต์ในระบบอุตสาหกรรมเป็นครั้งแรก ยังมีผู้คนอีกมากมายช่วยพัฒนารูปแบบเครื่องยนต์และระบบการผลิตรถยนต์ที่มีประสิทธิภาพ จนผู้คนใช้รถยนต์เครื่องเบนซินหรือดีเซลกันทั่วโลก

แม้แต่ประเทศไทยเรา เขายังขนานนามให้เป็นดีทรอยต์แห่งเอเชีย เพราะผลิตรถยนต์แบบนั้นสู่ตลาดทั่วโลก

 

หนึ่งศตวรรษหรือร้อยปีต่อมา คือปี 2008 รถไฟฟ้าเริ่มปรากฏโฉมเป็นครั้งแรก ด้วยแนวคิดที่จะมาแทนรถยนต์ที่ขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์เบนซินหรือดีเซลแบบเก่า เพื่อแก้ปัญหาสภาพอากาศโดยเฉพาะฝุ่น pm 2.5 ที่เป็นปัญหาในทุกวันนี้

ขณะนี้มีคนเชื่อว่า อีกยี่สิบปีข้างหน้าอาจไม่มีรถเครื่องยนต์แบบเบนซินหรือดีเซลอีกต่อไป

เพราะหลายประเทศประกาศแล้วว่า ต่อไปจะให้เฉพาะรถยนต์ไฟฟ้าเท่านั้นวิ่งได้บนท้องถนน

เริ่มจากประเทศเนเธอร์แลนด์และนอร์เวย์ จะเริ่มต้นในปี 2025

เยอรมนี จีน เกาหลี และอินเดีย ในปี 2030

สหราชอาณาจักร และฝรั่งเศส ในปี 2040

ก่อนจะถึงเวลานั้น เชื่อว่ารถเครื่องยนต์เบนซินและดีเซลคงจะค่อยๆ หายไปบนท้องถนน

เพราะในขณะที่โรงงานต่างๆ ที่ผลิตรถไฮบริดแล้ว จะเริ่มผลิตรถไฟฟ้า เริ่มจาก Volvo, Land Rover และ Honda ที่เริ่มแล้วในปีนี้คือปี 2020 ส่วน Subaru จะเริ่มปีหน้า ต่อด้วย Daimler ในปี 2022

ส่วน Volkswagen และ BMW จะไปเริ่มในปี 2025

 

สิ่งที่จะเกิดขึ้นต่อไปในไม่กี่ปีข้างหน้า เมื่อผู้คนใช้แต่รถไฟฟ้าแบบใหม่แทนรถยนต์น้ำมันแบบเดิม นอกจากสภาพอากาศคงจะดีขึ้นแล้ว คงส่งผลต่อธุรกิจการค้าอุตสาหกรรม การคมนาคมขนส่ง ไปจนถึงบ้านเมือง และแน่นอนวิถีชีวิตของมนุษย์

นึกง่ายๆ ว่า วันต่อไปที่ไม่มีปั๊มน้ำมัน แล้วคนเดินทางจะแวะเข้าห้องน้ำที่ไหน ร้านสะดวกซื้อ ร้านกาแฟ จะไปอยู่ที่ไหน

คงจะมีปั๊มไฟฟ้ามาแทน ที่อาจใช้พื้นที่ปั๊มน้อยลง หรือวันที่ไม่มีปั๊มไฟฟ้า เพราะเจ้าของเติมไฟฟ้าเองที่บ้าน ที่ทำงาน หรือบ้านใครก็ได้ อาจเปลี่ยนเป็นคนขับรถแวะร้านกาแฟ ที่มีบริการเติมไฟฟ้าก็เป็นได้

อู่ซ่อมรถแบบเดิม คงต้องปรับโฉม ทั้งอุปกรณ์และตัวช่าง รูปโฉมช่างชายร่างใหญ่ ตัวสกปรก คงไม่มีอีกต่อไป อาจเป็นสาวร่างเล็กหรือหุ่นยนต์บริการแทน โรงงานผลิตชิ้นส่วนอะไหล่ ส่วนประกอบต่างๆ คงต้องปรับเปลี่ยนผลิตภัณฑ์ต่างไปจากเดิม

และถ้ารวมกับเทคโนโลยีสื่อสาร ปัญญาประดิษฐ์ คงจะมีรถยนต์ที่มีแต่ผู้โดยสารแต่ไร้คนขับ

การเปลี่ยนเครื่องยนต์จากเบนซินและดีเซลเป็นไฟฟ้าครั้งนี้ จะต้องส่งผลต่อเนื่องไปเรื่องอื่นๆ แน่นอน เหมือนกับเรื่องที่มองบ้านมองเมือง มองไปฉบับที่แล้ว คือ จากโทรศัพท์สาย โทรศัพท์ไร้สาย เป็นไอโฟน ไอแพด และอื่นๆ อีกมากมาย ที่เปลี่ยนวิถีชีวิตและโลกไปเรียบร้อย