จดหมาย/ฉบับประจำวันที่ 10-16 เมษายน 2563

จดหมาย

 

0 ไวรัสผู้น่ารัก (1)

ตอนที่กรมอุตุนิยมวิทยาประกาศการมาถึงของฤดูร้อน

ผมยิ้มอยู่ในใจว่าไวรัสกำลังจะไป

เพราะว่าโรคหวัดมักไม่ค่อยมีใครเป็นในฤดูร้อน

แต่สถานการณ์ตอนนี้กลับทำให้เราไม่แน่ใจว่า นอกจากเรื่องอุณหภูมิแล้วยังมีปัจจัยอะไรร่วมด้วย

จริงอยู่เรื่องที่ว่าคนแข็งแรงติดเชื้อไวรัสก็หายได้

หมั่นออกกำลังกายและออกกำลังใจต่อสู้

ขณะนี้ทราบว่าศาสตราจารย์นายแพทย์ยง ภู่วรวรรณ นักวิจัยดีเด่นแห่งชาติ สาขาวิทยาศาสตร์การแพทย์ ราชบัณฑิตและหัวหน้าศูนย์เชี่ยวชาญเฉพาะทางด้านไวรัสวิทยาคลินิก ภาควิชากุมารเวชศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กำลังทดลองนำพลาสม่าหรือน้ำเหลืองในเลือดของผู้ป่วยที่หายมาสกัดทำเซรุ่มรักษา

ซึ่งเป็นแนวทางหนึ่ง

ผมและชาวไทยทุกคนรวมถึงมวลมนุษยชาติขอเป็นกำลังใจให้ต่อสู้มหันตภัยในครั้งนี้ให้ผ่านพ้นไปให้ได้

เพราะนอกจากโรคที่เกิดจากไวรัส

มนุษย์เรายังมีโรคที่เกิดจากจุลินทรีย์พวกแบคทีเรีย เชื้อรา สาหร่าย ไมโครพลาสม่า ไวรอยด์ พริออน (prion) แซตเทิลไลต์ (satellite) โรคจากกรรมพันธุ์ โรคทางจิต โรคทรัพย์จาง โรคไม่มีศีลธรรม สารพัดโรคที่รุมเร้าเข้ามาบั่นทอนชีวิต

ความเป็นจริงแล้วไวรัสรักเจ้าบ้านที่มันเข้าไปอิงอาศัยที่สุด

มันพยายามที่จะมีชีวิตรอดอยู่ร่วมกันกับเจ้าบ้านให้นานตราบนาน

เพราะถ้าเจ้าบ้านตาย มันเองก็ต้องตายด้วย

มันเปลี่ยนแปลงกิจวัตรประจำวันของเจ้าบ้านจากปล่อยปละละเลยไม่รักษาสุขภาพเป็นตรงกันข้าม

กล่าวโดยสรุป

แท้ที่จริงไวรัสทำให้สิ่งมีชีวิตอายุยืนยาวขึ้นจากที่ต้องตายเพราะสิ้นอายุขัยแล้ว

ไวรัสคือรักแท้ รักจริง รักนิรันดร์ของสิ่งมีชีวิต นักวิทยาศาสตร์และมวลมนุษยชาติควรทำความเข้าใจเรื่องไวรัสเสียใหม่

อย่างน้อย ณ วินาทีนี้ผมยังแอบเห็นข้อดีของโควิด อาทิ

  1. ยิ่งเจอวิกฤตของชีวิตยิ่งเห็นคุณค่าของชีวิต ขอบคุณโควิด
  2. ได้กลับมาดูแลสุขภาพกาย สุขภาพใจอย่างจริงๆ จังๆ อีกครั้งหลังจากที่ปล่อยปละละเลยมานาน ขอบคุณโควิด

และสุดท้าย

  1. ได้กลับมาอยู่กับตัวเอง ทำเพื่อตัวเองอย่างเต็มที่เสียที หลังจากที่ทำเพื่อคนอื่นมานานแสนนาน

ขอบคุณโควิด ไวรัสผู้น่ารัก

ดร.ตรัย เป๊กทอง

นักจุลชีววิทยา

 

ขออนุญาตตัดทอน

ข้อเขียน “ไวรัสผู้น่ารัก” ของ ดร.ตรัย เป๊กทอง

มานำเสนอโดยสังเขป

แต่ก็มากด้วยประโยชน์

โดยเฉพาะการมองไวรัสในแง่บวก (บ้าง)

อันจะทำให้เรามีแรงและกำลังใจสู้ต่อไป

เพราะที่สุด ก็เพื่อ “ตัวเรา” ทั้งสิ้น

 

0 ไวรัสผู้น่ารัก (2)

ท่าทีล่าสุดของหน่วยงานสาธารณสุขอังกฤษ Public Health England (PHE) ซึ่งมีสถานะเทียบเท่ากับศูนย์ควบคุมโรคสหรัฐอเมริกา CDC

เตือนชาวอังกฤษให้ใช้โอกาสที่โควิดระบาดอย่างรุนแรงในอังกฤษขณะนี้

เลิกสูบบุหรี่

โดย PHE ระบุว่า

– ไม่เคยมีเวลาที่สำคัญกว่านี้อีกแล้ว ที่ผู้สูบบุหรี่จะเลิกสูบ จากการที่โควิด-19 ระบาดรุนแรงขึ้นในอังกฤษ

– มีคนอังกฤษ 3,605 คน ที่เสียชีวิตจากโควิด-19 โดย 684 คนเสียชีวิตในวันเดียว

– การสูบบุหรี่ ที่ทำให้มือแตะต้องปากอย่างต่อเนื่อง เป็นช่องทางที่จะนำเชื้อไวรัสเข้าสู่ร่างกาย

– เมื่อคนสูบบุหรี่ติดเชื้อแล้ว ความเสี่ยงที่จะมีอาการรุนแรงเพิ่มขึ้น 14 เท่า (ข้อมูลจากประเทศจีน)

– อีกรายงานพบว่า 1 ใน 4 ของผู้ติดเชื้อโควิด-19 ที่ต้องเข้าไอซียู หรือที่ตาย เป็นคนที่สูบบุหรี่

– นักวิทยาศาสตร์กล่าวว่า ความเสียหายที่ปอดได้รับจากการสูบบุหรี่ ทำให้เกิดการติดเชื้อง่ายขึ้น

– คนในครอบครัวที่ได้รับควันบุหรี่มือสอง เพิ่มความเสี่ยงที่จะติดเชื้อโควิด-19 และมีความเสี่ยงสูงขึ้นที่จะมีภาวะแทรกซ้อนรุนแรง

– นักวิทยาศาสตร์สรุปว่า แม้ยังต้องมีการวิจัยเพิ่มเติม แต่เป็นที่ยอมรับกันแล้วว่า คนที่สูบบุหรี่จะติดเชื้อโรคง่าย

– อวัยวะที่คล้ายขนโบกพัดเล็กๆ บนผิวทางเดินหายใจ ที่ทำหน้าที่ขจัดเชื้อโรคและสารคัดหลั่งออกจากปอด ได้รับความเสียหายจากสารเคมีพิษในควันบุหรี่

ดร.พญ.เริงฤดี ปธานวณิชย์

ภาควิชาเวชศาสตร์ชุมชน คณะแพทยศาสตร์ โรงพยาบาลรามาธิบดี

ป.ล. ศ.นพ.ประกิต วาทีสาธกกิจ ประธานมูลนิธิรณรงค์เพื่อการไม่สูบบุหรี่ ยืนยันว่าการเลิกสูบบุหรี่นอกจากจะมีประโยชน์ลดความเสี่ยงที่จะติดเชื้อโควิดรุนแรงแล้ว

ยังเป็นการลดค่าใช้จ่ายที่ไม่จำเป็นในขณะนี้

ข้อมูลปี พ.ศ.2560 พบว่าคนไทยที่สูบบุหรี่ที่ผลิตจากโรงงาน 5 ล้านกว่าคน

เสียค่าซื้อบุหรี่โดยเฉลี่ยเดือนละกว่า 800 บาททั่วประเทศ และเดือนละกว่า 1,000 บาท สำหรับผู้สูบบุหรี่ในกรุงเทพมหานคร

จึงอยากจะเชิญชวนให้ผู้สูบบุหรี่เลิกสูบ

 

นี่ก็เป็นอีกหนึ่ง

ของการแปรวิกฤตเป็นโอกาส

เลิกสูบบุหรี่ได้ ร่างกายของเราก็ดีขึ้น

ที่สำคัญ ประหยัดเงิน

โดยไม่ต้องรอให้ใครมาช่วย