การศึกษา / พระดำริ ‘สมเด็จพระสังฆราช’ ตั้ง ‘โรงทาน’ แบ่งเบาทุกข์ ‘คนไทย’

การศึกษา

 

พระดำริ ‘สมเด็จพระสังฆราช’

ตั้ง ‘โรงทาน’ แบ่งเบาทุกข์ ‘คนไทย’

 

สถานการณ์การแพร่ระบาดใหญ่ของเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ 2019 หรือโควิด-19 ในประเทศไทยและนานาประเทศทั่วโลกในขณะนี้ สร้างความวิตกกังวลให้กับผู้คนทั่วโลก

ปัจจุบันไทยมีผู้ติดเชื้อสะสมทะลุ 2 พันรายไปแล้ว และเสียชีวิตประมาณ 30 ราย ขณะที่ทั่วโลกมีผู้ติดเชื้อสะสมกว่า 1.3 ล้านราย และเสียชีวิตเกือบ 8 หมื่นราย

แต่เนื่องจากสถานการณ์ยังไม่มีทีท่าว่าจะคลี่คลาย หรือควบคุมการแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 ได้ แต่มีแนวโน้มผู้ติดเชื้อและผู้เสียชีวิตสูงขึ้นเรื่อยๆ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี จึงตัดสินใจลงนามในข้อกําหนด ออกตามความในมาตรา 9 แห่ง พ.ร.ก.การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2548 (ฉบับที่ 2) หรือประกาศเคอร์ฟิวทั่วประเทศ

โดยห้ามประชาชนออกนอกบ้านระหว่างเวลา 22.00-04.00 น.ของวันรุ่งขึ้น เว้นแต่มีความจําเป็น

ผู้ใดฝ่าฝืนข้อนี้ ต้องระวางโทษจําคุกไม่เกิน 2 ปี หรือปรับไม่เกิน 4 หมื่นบาท หรือทั้งจําทั้งปรับ…

ทั้งนี้ ก็เพื่อสกัดการแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 ที่มีแนวโน้มแพร่ระบาดเพิ่มมากขึ้นในจังหวัดต่างๆ ของไทย ภายหลังหน่วยงานรัฐออกประกาศ “ปิด” สถานที่ที่ผู้คนไปรวมตัวกันอยู่จำนวนมากๆ

ทำให้ผู้ที่หยุดงานส่วนหนึ่ง และตกงานอีกส่วนหนึ่ง แห่กลับบ้านในจังหวัดต่างๆ ทั่วประเทศ

ทำให้การแพร่ระบาดกระจายในวงกว้าง และรวดเร็ว!!

รัฐบาลจึงได้ออกมาตรการต่างๆ เพื่อช่วยผู้ป่วยติดเชื้อโควิด-19 รวมถึงผู้ที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์การแพร่ระบาดดังกล่าว

ขณะที่ภาคเอกชนและภาคประชาชนได้ระดมอุปกรณ์ที่จำเป็น ส่งมอบแก่บุคลากรทางการแพทย์ และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง อาทิ อุปกรณ์ทางการแพทย์ป้องกันการฟุ้งกระจายของเชื้อไวรัส หน้ากากอนามัย หน้ากากป้องกันเชื้อไวรัส (Face Shield) เจลแอลกอฮอล์ แอลกอฮอล์ เป็นต้น

เพื่อป้องกันการติดเชื้อระหว่างรักษาผู้ป่วย!!

 

สําหรับความช่วยเหลือในส่วนที่เกี่ยวกับพระสงฆ์องค์เจ้านั้น สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก ได้ประทานเงิน 2 ล้านบาท เพื่อนำไปซื้อ “หน้ากากอนามัย” แจกจ่ายให้กับพระสงฆ์ในวัดทั่วประเทศ

อย่างไรก็ตาม เนื่องจากสถานการณ์การแพร่ระบาดยังไม่มีวี่แววว่าจะยุติ พระผู้ใหญ่และวัดต่างๆ จึงได้ประกาศงดจัดกิจกรรมต่างๆ อาทิ

เจ้าคณะกรุงเทพมหานคร ได้ออกประกาศเรื่องมาตรการป้องกันเชื้อโควิด-19 โดยให้หลีกเลี่ยงหรืองดเดินทาง งดการจัดบรรพชาสามเณรภาคฤดูร้อน งดจัดกิจกรรมอบรมเด็กและเยาวชน งดออกค่ายคุณธรรม งดจัดงานวัด งานบุญประจำปี งานบุญประเพณีต่างๆ ให้พระภิกษุสามเณรสวมหน้ากากอนามัยขณะบิณฑบาต ติดตั้งอุปกรณ์เจลแอลกอฮอล์ตามจุดสำคัญของวัด เป็นต้น

ขณะที่สำนักเลขานุการสมเด็จพระสังฆราชออกประกาศเรื่องมาตรการเฉพาะสำหรับพิธีพุทธาภิเษก ณ วัดราชบพิธสถิตมหาสีมาราม โดยจะจัดพิธีพุทธาภิเษกพระพุทธรูป มังคลาภิเษกพระบรมรูป พระรูป และเหรียญ เนื่องในศุภมงคลสมัย 150 ปีแห่งการสถาปนาวัดราชบพิธฯ วันที่ 28 มีนาคม เป็นการภายใน พร้อมออกมาตรการป้องกันต่างๆ

ก่อนที่จะประกาศเลื่อนพิธีพุทธาภิเษกฯ ออกไปอย่างไม่มีกำหนด

นอกจากนี้ วัดราชบพิธฯ ได้ออกประกาศมาตรการป้องกันฯ โดยให้พระภิกษุ-สามเณรอยู่จำวัด ยกเว้นการออกบิณฑบาต ตามมติมหาเถรสมาคม (มส.) โดยให้งดกิจกรรมภายในวัดทั้งหมด หากไม่มีกิจจำเป็น ไม่พึงออกนอกพื้นที่วัด ยกเว้นการออกบิณฑบาต

แต่หากต้องออกนอกวัด ให้ปฏิบัติตามมาตรการที่ทางราชการแนะนำอย่างเคร่งครัด

นอกจากนี้ สำนักพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) ยังทำหนังสือขอความร่วมมือทางวัด ให้ “งด” จัดพิธีการ หรือการบริหารจัดการใดๆ ที่ต้องให้บุคคลจำนวนมากมารวมกัน รวมถึงการจัดพิธีอุปสมบท

ส่วนการจัดพิธีฌาปนกิจผู้เสียชีวิตจากการติดเชื้อโควิด-19 ให้ทุกวัดแจ้งหน่วยงาน บุคลากรทางการแพทย์และการสาธารณสุขให้เข้ามาช่วยดำเนินการตามหลักและมาตรการรักษาความปลอดภัยในการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 และเมื่อฌาปนกิจเสร็จแล้ว ให้วัดนั้นๆ ทำความสะอาดฌาปนสถานทุกครั้ง

ส่วนกรณีศพคนทั่วไป ให้ดำเนินการในลักษณะเดียวกัน โดยขอความร่วมมือให้เข้าร่วมพิธีได้เฉพาะญาติใกล้ชิดเท่านั้น!!

 

เพื่อเป็นกำลังใจให้กับประชาชนชาวไทยในสถานการณ์ยากลำบากนี้ สมเด็จพระสังฆราชได้ประทานพระคติธรรม ความว่า

“ไม่มีชีวิตใดประสบแต่ความเกษมสุข ปราศจากทุกข์ภัยไปได้ตลอด เมื่อเกิดมาแล้ว จึงจำเป็นต้องขวนขวายสั่งสม ‘สติ’ และ ‘ปัญญา’ สำหรับเป็นอุปกรณ์บำบัดความทุกข์อยู่ทุกเมื่อ เพื่อให้สมกับที่ดำรงอัตภาพแห่งมนุษย์ผู้มีศักยภาพต่อการพัฒนา

ท่ามกลางสถานการณ์โรคระบาด ซึ่งก่อให้เกิดความหวาดหวั่นครั่นคร้ามกันทั่วหน้า ทุกคนมีหน้าที่แสวงหาหนทางเพิ่มพูน ‘สติ’ และ ‘ปัญญา’ พร้อมทั้งแบ่งปันหยิบยื่นให้แก่เพื่อนร่วมสังคม อย่าปล่อยให้ความกลัวภัยและความหดหู่ท้อถอย คุกคามเข้าบั่นทอนความเข้มแข็งของจิตใจ ในอันที่จะอดทน พากเพียร เสียสละ และสามัคคี…

ทั้งนี้ ถ้าแต่ละคนแม้เพียงตั้งจิตไว้ในธรรมฝ่ายสุจริต ไม่ถลำลงสู่ความคิดชั่ว อันนำไปสู่การพูดชั่ว และทำชั่วซ้ำเติม ก็นับว่าได้ช่วยบรรเทาปัญหาของโลกแล้ว และยิ่งหากท่านมีดวงจิตผ่องแผ้วด้วยเมตตาการุณยธรรม นำความปรารถนาดีเผื่อแผ่ไปสู่ทุกชีวิตอย่างเสมอหน้า ความทุกข์ยากที่เราทั้งหลายต่างเผชิญ ย่อมจะคลี่คลายได้ในไม่ช้า…”

อีกทั้งเพื่อช่วยผู้ที่ได้รับความเดือดร้อน และประสบความยากลำบากในขณะนี้ สมเด็จพระสังฆราชมีพระบัญชาให้วัดตั้ง “โรงทาน” ช่วยเหลือผู้ประสบความลำบากในสถานการณ์โรคระบาด ถึงผู้อำนวยการ พศ.ระบุว่า

สมเด็จพระสังฆราชทรงติดตามสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 ซึ่งทวีความรุนแรงขึ้นอย่างกว้างขวาง ส่งผลกระทบต่อสุขภาพอนามัย การประกอบอาชีพ การดำเนินชีวิตประจำวัน และฐานะทางเศรษฐกิจ ก่อให้เกิดความยากลำบากในหมู่ประชาชนผู้มีรายได้น้อย หรือตกอยู่ในภาวะที่ต้องปรับรูปแบบการดำรงชีวิตอย่างกะทันหัน

ทั้งทรงพระดำริว่า วัดเป็นศูนย์กลางของชุมชนคู่กับสังคมไทยมานับแต่โบราณตราบจนปัจจุบัน… จึงสมควรที่จะให้วัดที่มีศักยภาพเพียงพอที่จะอนุเคราะห์ประชาชนผู้ประสบความยากลำบาก ดำเนินภารกิจตามบทบาทหน้าที่ที่ดำรงอยู่นับแต่อดีตกาล!!

 

ซึ่งนายสิปป์บวร แก้วงาม ผู้ตรวจราชการ พศ.ในฐานะโฆษก พศ.ระบุว่า การจัดตั้งโรงทาน หมายถึงการจัดตั้งศูนย์ช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 ศูนย์นี้จะช่วยเหลือประชาชนตั้งแต่น้ำดื่ม มีเจ้าหน้าที่จากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้ความรู้ และคำแนะนำในการดูแลตัวเอง หรือทำอาหารพร้อมรับประทาน เพื่อให้ประชาชนนำกลับไปกินที่บ้าน

โดย พศ.ได้ส่งหนังสือถึงผู้ว่าราชการจังหวัดทั่วประเทศ ขอให้มอบหมายให้สำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัด (พศจ.) ประสานงานกับวัดในพื้นที่ที่มีศักยภาพ จัดตั้งศูนย์ช่วยเหลือประชาชน และส่งหนังสือถึงเจ้าคณะจังหวัดและเจ้าคณะกรุงเทพฯ ทั้งธรรมยุติกนิกาย และมหานิกายสนับสนุน และดูแลวัดต่างๆ ที่จัดตั้งโรงทาน

คาดว่าจะมีกว่า 2 หมื่นวัด จากทั่วประเทศกว่า 4 หมื่นแห่ง ที่มีศักยภาพจัดตั้งโรงทาน…

       นับเป็นน้ำพระทัยจากสมเด็จพระสังฆราช ที่ประทานให้กับพระภิกษุสงฆ์และชาวไทยทั่วประเทศในภาวะทุกข์ยาก!!