ภาพยนตร์/นพมาส แววหงส์

THE CALL OF THE WILD

‘แสนรู้’

 

กำกับการแสดง Chris Sanders

นักแสดง Harrison Ford Bradley Whitford Omar Sy Cara Gee Dan Stevens

 

The Call of the Wild มีชีวิตอยู่ในบรรณพิภพมากว่าหนึ่งร้อยปีแล้ว

แจ็ก ลอนดอน เขียนนวนิยายชื่อเดียวกันนี้และตีพิมพ์ตั้งแต่ ค.ศ.1903 เล่าเรื่องราวของสุนัขแสนรู้ชื่อบัค ซึ่งเป็นพันธุ์ผสมระหว่างเซนต์เบอร์นาร์ดกับสกอตช์คอลลี่ น้ำหนัก 140 ปอนด์

ก่อนหน้านี้ นวนิยายได้รับการสร้างเป็นภาพยนตร์มา 4 หนแล้ว

ค.ศ.1923 เป็นหนังเงียบ

ค.ศ.1935 นำแสดงโดยคลาร์ก เกเบิล

ค.ศ.1972 นำแสดงโดยชาร์ลตัน เฮสตัน

ค.ศ.1997 นำแสดงโดยรัตเกอร์ ฮาวเออร์

พิสูจน์ให้เห็นว่า “บัค” อยู่ในดวงใจของผู้คนมานานแสนนาน

 

เรื่องราวเกิดขึ้นในช่วงทศวรรษ 1890 ในระหว่างการตื่นทองที่เมืองคลอนไดก์ใกล้ขั้วโลกเหนือ

เสียงเล่าเรื่องเป็นเสียงนุ่มนวลคุ้นหูจากแฮร์ริสัน ฟอร์ด เริ่มแนะนำบัคให้เรารู้จัก โดยบอกว่า บัคเป็นหมาที่ไม่เหมือนหมาอื่นใดเลย มันถูกปรนเปรอเอาอกเอาใจจนนิสัยเสีย มันทนทุกข์ทรมาน แต่มันก็ยังเป็นตัวของมันเอง ไม่มีใครปราบมันได้

บัคเป็นหมานิสัยเสีย เพราะเป็นสัตว์เลี้ยงในคฤหาสน์ใหญ่โตของผู้พิพากษาประจำมณฑลซานตาคลาราในแคลิฟอร์เนีย

บัคไปไหนมาไหนได้ตามอำเภอใจ ซุกซน สร้างเรื่องวุ่นวายปวดหัว แต่ก็ไม่มีใครกล้าแตะต้องมัน ด้วยความเคารพยำเกรงเจ้านายของมัน

ในช่วงต้น บัคทำตามใจตัวเองได้ทุกอย่าง โดยไม่ฟังเสียงใคร วิ่งพล่านไปทั่วทุกห้อง คนในบ้านต้องระวังคอยคว้าข้าวของไม่ให้บัคสร้างความเสียหาย ไม่เว้นแม้แต่ในครัว และบนโต๊ะอาหารที่จัดเลี้ยง

บัคทำทุกอย่างได้ตามอำเภอใจ คว้าขาไก่มาคาบ แล้วเดินเข้ามาร่วมถ่ายรูปหมู่ด้วยแบบหน้าตาเฉย

การลงโทษของเจ้านายไม่ใช่การกำราบด้วยการทุบตี แต่เป็นการไม่ยอมให้เข้าไปนอนในบ้านเพื่อให้หลาบจำ

และนั่นเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญในชีวิตของบัค เพราะแรงงานสุนัขเป็นที่ต้องการอย่างมากทางภาคเหนือ

ในแคนาดาและอลาสก้าที่หนาวเหน็บ การคมนาคมยังใช้เลื่อนที่ลากโดยฝูงสุนัข

ขนาดตัวใหญ่โตของบัคทำให้มันเป็นที่ต้องการ

และมีคนจับตัวบัคเอาไปขาย โดยส่งไปทางเรือขึ้นเหนือไป

 

บัคได้รับการสั่งสอนให้หวาดกลัวอำนาจของไม้เรียว/ท่อนไม้ ในมือมนุษย์เป็นครั้งแรก

ไม่เท่าไร บัคก็ถูกซื้อไปใช้แรงงานเป็นครั้งแรก

เพอร์โรต์ (โอมาร์ ไซ) กับฟรองซัวส์ (คารา จี) เป็นสามีภรรยาที่ทำงานให้การไปรษณีย์ของแคนาดา จัดส่งจดหมายและพัสดุไปตามเมืองต่างๆ ที่ห่างไกลและถูกตัดขาดจากโลกในระหว่างฤดูหนาวที่ขาวโพลน

ช่วงนี้บัคเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ เกี่ยวกับโลกรอบตัว ความสัมพันธ์กับสิ่งรอบกาย การทำงานเป็นทีม และความภูมิใจในการปฏิบัติหน้าที่ได้อย่างดี

บัคต้องลากเลื่อนบรรทุกไปรษณีย์ และชิงความเป็นเจ้าฝูงกับ “สปิตซ์” ซึ่งเห็นแก่ตัวและบ้าอำนาจ

ในที่สุดบัคก็พิสูจน์ตัวเองในการเป็นผู้นำหรือหัวหน้าฝูง ที่ใครๆ ยอมรับ

มีฉากช่วยชีวิตในห้วงน้ำใต้ผิวน้ำแข็ง แบบระทึกใจ

มีฉากลุ้นระทึกซึ่งขบวนรถเลื่อนภายใต้การนำของบัค ฝ่าหิมะถล่มแบบฉิวเฉียด

ทั้งหลายทั้งปวงบัคกลายจากความเป็นสุนัขบ้านมาใช้สัญชาตญาณปฐมภูมิของตัวเองที่ไม่มีใครอบรมสั่งสอน

แต่บัคก็ยังไม่ได้ตัดขาดความสัมพันธ์ของมันกับมนุษย์ที่จับบรรพบุรุษของมันมาจากป่าพยายามปราบมันให้เชื่อง

 

ชะตากรรมของบัคในเงื้อมมือมนุษย์ยังดำเนินต่อไปอีก

โดยสถานการณ์ทำให้มันถูกเปลี่ยนมือจากเจ้าของเดิมที่ปฏิบัติต่อมันอย่างดี ไปสู่เจ้าของใหม่ใจโหดเหี้ยมไร้ปรานี ไม่ว่าต่อสัตว์หรือต่อคนด้วยกัน

อย่างที่เกริ่นไว้แล้วว่านี่เป็นยุคตื่นทองที่คลอนไดก์ในอลาสก้า

ว่ากันว่าโลหะสีเหลือง หรือทองคำส่งประกายวาววามอยู่ก้นแม่น้ำลำธาร รอคอยให้ผู้คนไปเก็บมาสร้างความร่ำรวยแก่ตัวเอง

บัคเปลี่ยนมาอยู่กับเจ้าของที่เข้าอกเข้าใจมันและปล่อยมันเป็นอิสระตามใจตัวเองทุกอย่าง

จอห์น ธอร์นตัน (แฮร์ริสัน ฟอร์ด) มีโศกนาฏกรรมในชีวิตเป็นภูมิหลัง เขาเสียลูกชายไปและเสียภรรยาไปในที่สุด เนรเทศตัวเองมาอยู่ไกลสุดกู่ อยู่ตัวคนเดียวกับเหล้าคู่ใจที่ดื่มเพื่อให้ลืมความขมขื่น

เมื่อมีบัคอยู่ด้วย จอห์นทำตามความฝันของลูกชายโดยเดินทางเลยกรอบของแผนที่ออกไปสู่พงไพรที่ไร้อารยธรรม

แรกทีเดียวก็โดยการพายเรือแคนูล่องแม่น้ำไปกับบัค หนึ่งคนหนึ่งตัว…มีฉากธรรมชาติสวยๆ และการผจญภัยในสายน้ำเชี่ยว บางตอนพื้นน้ำตกลงสู่ที่ต่ำ เหมือนล่องแก่งแบบหวาดเสียว ไม่รู้ว่าจะมีอะไรรออยู่บนหนทางเบื้องหน้า

มนุษย์คนสุดท้ายในชีวิตของบัคเป็นทั้งเจ้านายและเพื่อนที่ให้อิสรภาพเต็มที่แก่มัน

บัคตาม “เสียงเรียกแห่งพงไพร” กลับคืนสู่ธรรมชาติไปในที่สุด

 

แน่นอนว่าเทคโนโลยีสมัยนี้สามารถสร้างสรรค์ชีวิตให้แก่สัตว์ให้เป็นไปตามเรื่องราวที่อยากเล่าได้ดังใจผู้สร้าง

The Lion King เวอร์ชั่นล่าสุดก็ทำมาแล้วทั้งเรื่องโดยไม่ใช้มนุษย์สักคน

รับรองว่าไม่มีใครไม่หลงรักบัค ซึ่งเป็นสุนัขแสนรู้ ซุกซน จิตใจดีงาม เก่งกล้า เสียสละ รักเพื่อนพ้อง มีคุณธรรม ตัวนี้หรอกค่ะ

เหนือสิ่งอื่นใด หนังมีภาพทิวทัศน์ที่ถ่ายทำได้สวยสุดใจ ไม่ว่าจะเป็นฉากหิมะถล่ม ฉากถ้ำน้ำแข็ง ฉากใต้น้ำใต้เปลือกน้ำแข็ง ฉากล่องแก่ง ฉากทิวทัศน์ธรรมชาติอันบริสุทธิ์ ฯลฯ

และใครที่นึกอยากเสียเงินเสียทองเดินทางไปดู “แสงเหนือ” ในประเทศต่างๆ แถบขั้วโลก ก็เก็บเงินในกระเป๋าไว้ได้ เพราะถ้าดูหนังเรื่องนี้ก็จะได้เห็นแสงเหนือสีเขียวงดงามแตะแต้มอยู่ทั่วไปในยามค่ำคืน

สวยสุดใจเลยค่ะ