66 ปี “ทิพย์วัลย์ ปิ่นภิบาล” เวิร์กกิ้งวูแมนกับครอบครัวเปี่ยมสุข

ทิพย์วัลย์ ปิ่นภิบาล” หรือพี่ “หญิง” ของน้องๆ เป็นนักร้องลูกกรุงรุ่นใหญ่อีกคนที่มีชื่อเสียงโด่งดัง

โดยเฉพาะในช่วงปี 2525-2535 เป็นนักร้องเสียงดีที่มีรางวัลการันตีมากมาย

อาทิ รางวัลรองชนะเลิศการประกวดนักร้องสมัครเล่นชิงแชมป์ประเทศไทย ของช่อง 3 เมื่อปี 2518 ต่อมาคว้ารับรางวัลแผ่นเสียงทองคำ ในเพลง “”สุดเหงา”” ช่วงปี 2525 และอีกหลายรางวัล

ปัจจุบันเธอยังคงร้องเพลงอยู่เป็นประจำที่โรงแรมนิรันดร์แกรนด์ สุขุมวิท 103 กทม. สัปดาห์ละ 1 วัน และร่วมแสดงคอนเสิร์ตกับเพื่อนๆ นักร้องลูกกรุงเป็นครั้งคราว ไม่รวมงานอื่นอีกหลายอย่าง

เรียกว่าเป็นเวิร์กกิ้งวูแมนจริงๆ ในขณะที่บางครั้งบางคราวก็ต้องเลี้ยงหลานย่าด้วย

แน่นอนเมื่อเวลาอยู่บนเวที เพลงประจำที่แฟนๆ ขอให้ร้องนั่นคือเพลง “จงรัก” ซึ่งเป็นเพลงอมตะที่มีเนื้อหากินใจผู้คนทุกยุคทุกสมัย รวมทั้งเพลงสุดเหงา, รักคุณเข้าแล้ว และเพลงกล้วยไม้

ในวัย 66 ปีวันนี้เธอมีทั้งหลานย่าและหลานยาย 2 คน จากลูกชาย “ณัฏฐ์ธชัย โพธิ์ทองนาค” คนโต อายุ 41 ปี และลูกสาวคนสวย “กุลกรณ์พัชร์” Menard (โพธิ์ทองนาค) อายุ 31 ปี ที่คนเป็นแม่ภูมิใจหนักหนาเพราะเป็นหนึ่งในทีมนักแสดงในละครเรื่อง เดอะ คิง แอนด์ ไอ (The King and I) ละครเพลงสุดคลาสสิคที่เปิดการแสดงในโรงละคร London Palladium ย่านเวสต์เอนด์ของกรุงลอนดอน และมีบางวันได้แสดงบทนางเอกด้วย

ช่วงแรกที่สนทนากันนั้น คุณทิพย์วัลย์อัพเดตเรื่องครอบครัวให้ฟังด้วยใบหน้าเปี่ยมสุขว่า ตอนนี้ชีวิตแฮปปี้ดี ลูกแต่งงานแล้วทั้งคู่

ลูกชายแต่งก่อน ลูกสาวเพิ่งแต่งงาน ได้หลานคุณย่ามาคนหนึ่งเป็นผู้หญิงคนหนึ่งอายุ 3 ขวบ จะได้หลานยายเป็นผู้หญิงในเดือนมีนาคมนี้ โดยจะเป็นหลานสาวลูกครึ่ง เพราะลูกสาวแต่งงานกับสามีชาวฝรั่งเศส

ความสำเร็จในหน้าที่การงานของลูกทั้งสองทำให้ผู้เป็นแม่ปลาบปลื้มใจ อีกทั้งลูกชาย-ลูกสาวได้เลือดความเป็นศิลปินจากแม่

“ได้เลือดแม่ทั้งคู่ ลูกชายเคยไปแข่งเวทีเดอะเฟิร์สต์สเตต รุ่นเดียวกับไอซ์ ศรัณยู, ตั๊กแตน ชลดา รุ่นแรก เขาเคยได้เป็นแชมป์ เป็นหนึ่งในเฟิร์สต์สเตตรุ่นแรก และได้ออกอัลบั้ม คนโตร้องเพลงวัยรุ่น ตอนนี้ทำงานอยู่ที่การท่าอากาศยานแห่งประเทศไทย”

“ส่วนลูกสาวคนเล็กร้องแนวคลาสสิค เรียนจบด้านร้องเพลงคลาสสิคที่จุฬาฯ ได้เกียรตินิยมอันดับหนึ่ง และไปเรียนปริญญาโทต่อด้านมิวสิคอล เธียเตอร์ ที่ประเทศอังกฤษ ปัจจุบันเป็นอาจารย์สอนร้องเพลงคลาสสิคอยู่ที่บ้าน ลูกศิษย์ส่วนใหญ่เด็กๆ โรงเรียนนานาชาติ”

เห็นหุ่นยังดี เลยถามถึงการรักษาสุขภาพ

เจ้าตัวเล่าว่า

“ต้องดูแลตัวเอง พยายามออกกำลัง ดิฉันเป็นคนที่ระวังเรื่องอาหาร เรื่องจิตใจ และเรื่องอารมณ์ เพราะฉะนั้น เลยจะไม่เครียด เขาบอกผู้ใหญ่ถ้าเครียดแล้วจะแก่เร็ว ตอนนี้สุขภาพยังแข็งแรงดี แต่มีคอเลสเตอรอลนิดหน่อย เวลาไปเจอหมอก็บอกยังเฮลท์ตี้ดีจังเลย”

สำหรับออกกำลังกายนั้น เธอเน้นการเดินเร็วในหมู่บ้านย่านสุทธิสารวันละ 3-4 กิโลเมตร และใช้เวลาช่วงเช้าและช่วงก่อนนอนทำสมาธิรอบละ 20 นาที

“ดิฉันไปเรียนการทำสมาธิกับอาจารย์เมตตา อาจารย์ผู้หญิงสอนการทำให้จิตใจไม่ให้วอกแวก เพราะใจคนเหมือนลิง คิดเรื่องโน้นเรื่องนี้ไปเรื่อย จึงพยายามทำตัวเองให้ไม่วุ่นวาย”

ในส่วนของการร้องเพลงนั้น เจ้าของรางวัลแผ่นเสียงทองคำบอกว่า นักร้องก็เหมือนกีฬา ถ้าไม่ร้องเป็นประจำแบบเดียวที่นักกีฬาต้องฝึกซ้อมเป็นประจำ เสียงก็จะหาย เส้นเสียงจะไม่แนบกัน เพราะการร้องเพลง เส้นเสียงต้องแนบกันก่อน แล้วถึงสั่นสะเทือน ฉะนั้น ถ้าไม่บริหารเสียง ไม่วอร์มเส้นเสียงให้แข็งแรง กล้ามเนื้อที่ยึดประคองเส้นเสียงไม่ทำงานบ่อยๆ เส้นเสียงอาจจะไม่ทำงาน

เสียงจะไม่นิ่ม

เธอพูดถึงเอกลักษณ์เสียงของตัวเองว่า จุดเด่นอาจเป็นคนเสียงกว้าง เดิมร้องเพลงฝรั่ง ตอนประกวดช่อง 3 เวลาร้องเพลง เสียงจะทุ้ม กว้าง และใช้โทนต่ำได้ดี ตอนร้องเพลงไทยเวลาขึ้นเสียงสูง พอเสียงกว้าง เวลากดเสียงต่ำก็จะร้องได้ดี ถือว่าโชคดีที่ร้องเพลงได้ทั้งเสียงต่ำ และสูง เป็นโทนทุ้ม

ในมุมมองเรื่องวงการนักร้องในบ้านเราเวลานี้ คุณทิพย์วัลย์มองว่า

“เดี๋ยวนี้เด็กๆ เก่ง มีความสามารถมาก เพราะเขามีที่เรียน ประกอบด้วยความรู้ของการใช้เสียงต่างๆ นานาด้วย ไม่เหมือนรุ่นของดิฉัน กว่าจะมีศิลปินออกมาได้สักคนต้องใช้วิธีครูพักลักจำ ถ้าไม่ได้พรสวรรค์ยากที่จะเป็นนักร้อง สมัยก่อนกว่าจะมีนักร้องมาประดับวงการได้สักคนนานมาก แต่เดี๋ยวนี้เด็กๆ ขึ้นมาง่าย มีสถาบันต่างๆ สอน มีรายการโน้น รายการนี้จัดประกวด จนจำไม่ไหว”

อย่างที่เกริ่นแต่แรกนอกจากงานร้องเพลงแล้ว นักร้องรุ่นใหญ่คนนี้ยังมีงานประจำอีกหลายอย่าง ดังที่เธอแจกแจงให้ฟังว่า จัดรายการวิทยุ เป็นอาจารย์สอนพิเศษเรื่องการร้องอยู่มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนือ รวมทั้งเปิดสอนร้องเพลงที่บ้าน

และล่าสุดทำธุรกิจผลิตภัณฑ์เสริมความงามจากสมุนไพรออร์แกนิก

“ดิฉันจัดรายการวิทยุด้วยที่คลื่น 106 เอฟเอ็ม วิทยุทหารเรือของช่อง 3 ช่วงหลังข่าวสามมิติ ตอนห้าทุ่มเศษเป็นรายการเพลง จะคุยเรื่องนานาสาระที่เป็นประโยชน์กับผู้ฟัง และเรื่องที่เกิดขึ้นกับสังคมบ้านเรา และก็มีอีกคลื่น เป็นคลื่น 97 เอฟเอ็ม วิทยุแห่งประเทศไทย จัดวันเสาร์-อาทิตย์ เป็นรายการสนทนา เมื่อก่อนจัดกับครูหยุย-วัลลภ ตังคณานุรักษ์ พอดีครูหยุยไปเป็น ส.ว. เลยจัดร่วมกับอาจารย์อีกคนอยู่ที่มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนสุนันทา”

พร้อมกันนี้อีกไม่นานจะเปิดตัวผลิตภัณฑ์เสริมความงามจากสมุนไพรอย่างแชมพูและครีมนวดที่ทำจากใบบัวบก และมะกรูด ฯลฯ

ทุกอย่างเป็นออร์แกนิกหมด ซึ่งเจ้าของเดิมทำอยู่แล้ว แต่อยากได้มีผู้ร่วมธุรกิจเป็นหุ้นส่วนเพิ่มเติม

“กลุ่มลูกค้า กลุ่มเป้าหมายจะอยู่ระดับกลางถึงไฮ เพราะว่าออร์แกนิกแท้ กว่าจะสกัดออกมาทีละหยดๆ ใช้จำนวนเยอะ เพราะฉะนั้น ราคาจะสูง สาเหตุที่มาทำผลิตภัณฑ์นี้ ด้วยความเป็นนักร้อง ต้องทำผมเรื่อยๆ ดิฉันใช้เคมีมาตลอดชีวิต ผมเลยร่วงและแตกปลาย ขนาดสั้นๆ ยังแตกเลย คุณภาพผมไม่ดี พอใช้แชมพูสมุนไพรออแกนิกที่ว่ารู้สึกว่ามันดี ผมกลับมามีสภาพดีเลย เลยนำมาให้คนในครอบครัว ทุกคนแฮปปี้หมด ผมไม่แห้ง ชุ่มชื้นหนังศีรษะดี เลยตัดสินใจทำ”

“เพื่อจะได้มีธุรกิจรองรับในช่วงที่ตลาดโฆษณาซบเซามาก”

หลายคนคงสงสัยว่าอายุขนาดนี้ทำไมยังทำงานอยู่

ประเด็นนี้ คุณทิพย์วัลย์ให้เหตุผลว่า “มีความสุขที่ได้ทำงาน ชอบทำงาน ถ้าเราไม่ได้ทำงานมันเหงา ถ้ายังมีกำลังวังชาก็ทำไป จะหยุดทำไม อีกอย่างดิฉันทำงานโทรทัศน์มา 30 ปีแล้ว ที่บ้านเปิดเป็นบริษัทด้วย ผลิตรายการโทรทัศน์ ทำรายการวิทยุด้วย ซึ่งตอนนี้ก็ยังทำอยู่ โดยดิฉันเป็นตัวหลัก มีน้องสาวเป็นบัญชี มีเพื่อนๆ ของลูกชายมาช่วย ปีนี้โฆษณาไม่ค่อยดีมากก็ต้องช่วยตัวเอง”

ในส่วนการสอนร้องเพลง เธอให้รายละเอียดว่า สอนเรื่องการใช้เสียง การใช้กำลัง หายใจอย่างไรให้ถูกต้อง เป็นเบสิกเลย เพื่อให้คนที่เรียนเข้าใจ และนอกจากจะสอนร้องเพลงที่มหาวิทยาลัยแล้ว ยังสอนที่ อสมท ด้วย ในนามกรรมการสมาคมดนตรีแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ ซึ่งปีหนึ่งเปิดคอร์สสอนสองรุ่น

ในส่วนการสอนร้องเพลงที่บ้าน ลูกศิษย์ที่มาเรียนมักเป็นผู้ใหญ่ อย่างที่คุณทิพย์วัลย์เล่าว่า “พวกผู้หลักผู้ใหญ่เหล่านี้ สมัยสาวๆ หนุ่มๆ เขาไม่เคยรู้จักวิธีใช้เส้นเสียง ไม่รู้วิธีการร้องเพลงให้ถูกต้อง เขาก็วุ่นกับทางธุรกิจ จนอายุ 50-60 ปี ถึงได้มีเพื่อนก็อยากไปร้องเพลง ไปคาราโอเกะกัน เลยอยากรู้ว่าวิธีร้องอย่างไรให้ดีให้เพราะ เป็นการมาเสริมศักยภาพตัวเอง เป็นการแนะนำกันมา ซึ่งที่บ้านเปิดเป็นสตูดิโอสอน ไม่ได้เปิดแบบใหญ่โตอะไร สอนส่วนตัว ใครสนใจก็มา มีผู้คนสนใจกันเยอะ”

เป็นนักร้องลูกกรุงรุ่นใหญ่อีกคนที่ยังอยู่ในวงการเพลง และร่วมถ่ายทอดวิชาความรู้ให้แก่คนรุ่นหลัง นับเป็นนักร้องคุณภาพที่น่ายกย่อง