ที่มา | มติชนสุดสัปดาห์ ฉบับวันที่ 3 - 9 เมษายน 2563 |
---|---|
ผู้เขียน | เสถียร จันทิมาธร |
เผยแพร่ |
วิถีแห่งกลยุทธ์ เหมยฉางซู/เสถียร จันทิมาธร
พายุ อารมณ์ ที่ต้องแบกรับ (39)
การพบกันระหว่างเซียวจิ่งเหยียนกับเหมยฉางซูภายหลัง 1 สถานการณ์ประลอง และ 1 สถานการณ์การวางแผนของเยว่กุ้ยเฟยเพื่อดึงหนีหวงจวิ้นจู่เข้ามาอยู่ในสังกัดของรัชทายาท ทรงความหมายเป็นอย่างสูงในทางความคิด
“แม้ระหว่างกลางตื่นตระหนกไปบ้าง แต่สุดท้ายสถานการณ์ก็ผ่านไปด้วยดี องค์ชายไฉนยังมีโทสะ” เป็นความสงสัยจากเหมยฉางซู
“หรือว่าจวิ้นจู่เป็นเพราะอับอาย”
“ท่านยังคำนึงถึงความรู้สึกของจวิ้นจู่อยู่อีกหรือ” เป็นการพูดพร้อมกับแค่นหัวเราะ “ตักเตือนนางให้ระวังภัยก็แค่บุญคุณเล็กน้อย แต่เสียดายที่ไม่อาจใช้โอกาสนี้เพิ่มความผิดให้แก่แม่ลูกสกุลเยว่ ท่านคงไม่พอใจ แต่ผลลัพธ์ก็หมดจดงดงามดี
“ข้าเสี่ยงตายเข้าไปช่วย สภาพการณ์ดุเดือดรุนแรง จวิ้นจู่ตื้นตันไม่รู้จบ ภายหน้าหากเกิดการปะทะแย่งซิง จวนมู่แห่งอวิ๋นหนานย่อมสนับสนุนข้าเต็มที่ นี่คงเป็นเป้าหมายที่ท่านต้องการกระมัง”
เหมยฉางซูนิ่งอึ้ง กลอกตาช้าๆ เนิ่นนานค่อยกล่าว
“หรือองค์ชายเข้าใจว่ากระหม่อมเจตนาปิดบังจวิ้นจู่ ปล่อยให้เรื่องราวดำเนินไปทีละก้าวเพื่อให้ได้รับผลประโยชน์สูงสุด เช่นนั้นหรือ”
“หรือไม่ใช่” เป็นคำถามจากจิ้งหวัง
ท่านรู้แก่ใจว่าเหตุการณ์จะเกิดขึ้นที่ตำหนักเจาเหริน ท่านมีโอกาสตักเตือนจวิ้นจู่ล่วงหน้าชัดๆ แต่ทำไมไม่พูด
มีเวลาบอกให้ระมัดระวังหวงโฮ่ว หรือไม่มีเวลาพูด “เยว่กุ้ยเฟย” 3 คำนี้
ท่านฟังไว้ ซูเจ๋อ ข้ารู้จักจอมวางแผนเช่นพวกท่านดี ไม่เพียงกระทำเรื่องสุ่มเสี่ยงที่สุด ไร้ยางอายที่สุด
ข้ายังรู้ว่าลูกธนูเย็นเฉียบที่ชนชั้นเช่นพวกท่านยิงออกมา แม้แต่คนที่เข้มแข็งที่สุดยังไม่อาจต้านรับ
แต่ข้าขอเตือนท่านว่า ในเมื่อยึดถือข้าเป็น “นาย” ของท่านก็ต้องตระหนักในขีดความอดทนของข้าไว้ด้วย
หนีหวงจวิ้นจู่ไม่ใช่คนที่ลุ่มหลงในลาภยศอำนาจ นางคือผู้บัญชาการกองกำลัง 10 หมื่นชายแดนใต้ เป็นนางที่แบกรับหน้าที่พิทักษ์ชาติและราษฎร เป็นนางที่เสียสละเลือดเนื้อเข่นฆ่าศัตรูกลางสนามรบ ปกป้องคนเมืองหลวงซึ่งกินอยู่หรูหรา วันๆ เอาแต่ปัดแข้งปัดขากัน
บุคคลที่จิตใจเจ้าเล่ห์เพทุบายเช่นท่าน ไม่มีวันเข้าใจหรอกว่า อะไรคือความเด็ดเดี่ยวห้าวหาญของชายชาติทหาร อะไรคือควันไฟแห่งสงคราม
ข้าไม่อนุญาตให้ท่านเห็นคนเหล่านี้เป็นแค่เบี้ยตัวหนึ่ง
หากไม่รู้จักเคารพศักดิ์ศรีของนักรบผู้เสียสละเหล่านี้ ข้าเซียวจิ่งเหยียนก็ไม่ขอเป็นพวกเดียวกับท่าน
ฟังชัดเจนหรือไม่
นับแต่แรกที่เห็นท่าทีกัดไม่ปล่อยของอีกฝ่าย สีหน้าเหมยฉางซูเหม่อลอยเล็กน้อย คิดไม่ถึงจริงๆ ว่าจิ้งหวังจะเข้าใจผิดไปไกล
เห็นได้ว่าจิตใจมนุษย์ยากแท้หยั่งถึง
ไม่มีใครสามารถรู้ทันความคิดของใครได้อย่างทะลุปรุโปร่ง ต่อให้เป็นพ่อ ลูกที่สนิทชิดใกล้ก็อาจถูกกัดกร่อนความสัมพันธ์ด้วยคำพูดโคมลอยได้
หารู้ไม่ว่า สีหน้าของเหมยฉางซูยิ่งเย็นชา เหม่อลอย ยิ่งโหมกระพือเพลิงโทสะของจิ้งหวังให้คุโซนรุนแรง ขณะเดียวกันก็ยึดเอาความเงียบของอีกฝ่ายว่าเป็นการยอมรับ ยิ่งจิ้งหวังนึกถึงความทุกข์ทรมานและอับอายบนใบหน้าหนีหวงจวิ้นจู่ที่อ่อนระทวย สิ้นหวังอยู่บนขั้นบันได
ความเดือดดาลยิ่งทะลักทลายจนสุดระงับ
เหมยฉางซูเข้าใจ เหมยฉางซูยอมรับการสำแดงออกของจิ้งหวัง แม้เมื่อจิ้งหวังสะอึกเข้าไปคว้าคอเสื้อกระชากเข้ามา
มือหนึ่งบีบแน่นบนบ่า ลมหายใจร้อนระอุแทบจะรดลวกผิวหนังเย็นยะเยียบของอีกฝ่าย
กระแสไอร้อนหอบหนึ่งท่วมทะลักกลางใจเหมยฉางซู พร้อมกับรอยยิ้มขื่นขมผุดขึ้นที่มุมปากเหมือนกับกำลังถามตัวเอง
ไม่รู้ว่าอะไรคือทหารหาญ ไม่รู้ว่าอะไรคือสนามรบเช่นนั้นหรือ
“ไห่เยี่ยน” สรุปว่า อาจบางทีทั้งเลือดเนื้อและหัวใจได้เปลี่ยนเป็นเย็นเฉียบไปกับม่านหิมะครั้งนั้นเมื่อ 12 ปีก่อนแล้ว
แต่สิ่งที่ฝังลึกแทรกซึมถึงกระดูกเล่า ใช่เย็นเฉียบไปด้วยหรือไม่
เจ็บปวดอย่างแน่นอน สภาพการณ์ดำเนินไปโดยที่เหมยฉางซูรู้ว่าเซียวจิ่งเหยียนเป็นใคร หนีหวงจวิ้นจู่เป็นใคร
เพียงแต่เซียวจิ่งเหยียนไม่รู้ เพียงแต่หนีหวงจวิ้นจู่ไม่รู้
การอธิบายในท่ามกลางความไม่รู้ของเซียวจิ่งเหยียน การอธิบายในท่ามกลางความไม่รู้ของหนีหวงจวิ้นจู่จึงยากลำบาก