สงครามยังไม่จบ

สงครามไวรัสครั้งนี้ดูเหมือนว่าจะจบยาก

กลายเป็นสงครามยืดเยื้อที่ไม่รู้จุดจบ

ทำนายไม่ได้ว่าจะต้องใช้เวลากี่เดือน

หรือกี่ปี

แต่ที่แน่ๆ ก็คือ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา อาศัย พ.ร.ก.ฉุกเฉิน นำกองทัพ “ข้าราชการ” ยึดอำนาจจากพรรคประชาธิปัตย์และภูมิใจไทย

รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข แม้จะเป็นกรรมการในคณะกรรมการชุดใหญ่

แต่เป็นกรรมการที่ไร้อำนาจ

เพราะอำนาจแท้จริงอยู่ที่ปลัดกระทรวงพาณิชย์และสาธารณสุข

หมุนเข็มเวลากลับไปช่วง คสช.

เป็นการลงดาบแบบไม่ไว้หน้า 2 รัฐมนตรี

ทั้งที่ทั้ง 2 คนมีหมวกอีกใบหนึ่งทางการเมือง

นั่นคือ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์

และหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย

ต้องยอมรับว่าช่วงที่ผ่านมา ทั้ง “จุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์” และ “อนุทิน ชาญวีรกูล” เสียฟอร์มอย่างยิ่งในสงครามไวรัส

โดยเฉพาะเรื่อง “หน้ากากอนามัย”

ทำงานก็พลาด

ให้สัมภาษณ์ก็ไม่เข้าหูประชาชน

ดังนั้น เมื่อ “ลุงตู่” ยึดอำนาจให้ “ปลัด” เป็นใหญ่เหนือ “รัฐมนตรี”

ด้วยเหตุผลว่าเพื่อกระชับอำนาจ ไม่ต่างคนต่างทำ

ทุกปลัดกระทรวงรายงานตรงกับนายกฯ เลย

คนกลับส่งเสียงเชียร์

แต่มีคนตั้งข้อสังเกตว่าไม่ใช่ทุกกระทรวง

แต่เป็นเฉพาะ 2 กระทรวงเจ้าปัญหาเท่านั้น

เพราะอยู่ดีๆ คณะรัฐมนตรีก็ตั้งคณะกรรมการสำรวจการกักตุนโภคภัณฑ์ขึ้น

คนที่เป็นประธานรับผิดชอบกลับกลายเป็น พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย

ไม่ใช่ “ปลัดกระทรวง”

ในทางการเมือง ทั้ง 2 หัวหน้าพรรคเสียหายมาก

เพราะถือว่าไม่ไว้หน้ากันเลย

อย่าถามว่า “อนุทิน-จุรินทร์” รู้สึกอย่างไร

เพราะคงไม่ได้คำตอบที่แท้จริง

“คำตอบ” จาก “คำพูด” คงเป็นอย่างหนึ่ง

แต่ “คำตอบ” ที่เป็น “ความรู้สึก” ที่แท้จริงคงจะชัดเจนขึ้นหลังสงครามไวรัสจบสิ้น

และการเมืองในสภาเริ่มขับเคลื่อน