ต่างประเทศ : สเปน กับเส้นทางสู่วิกฤตโควิด-19

หากจะพูดถึงสาเหตุที่ทำให้สเปนกลายเป็นประเทศที่มีผู้เสียชีวิตจากการติดเชื้อไวรัส “ซาร์ส โคฟ-2” เชื้อไวรัสที่เป็นสาเหตุของโรค “โควิด-19” มากเป็นอันดับ 2 ของโลก เป็นรองเพียงแค่อิตาลีประเทศเดียวเท่านั้น อาจไม่สามารถไล่เรียงได้หมด

ทุกสภาวการณ์แวดล้อมในช่วงต้นปีที่ผ่านมาล้วนเป็นเส้นทางที่นำไปสู่วิกฤตทางสาธารณสุขมากที่สุดครั้งหนึ่งในประวัติศาสตร์ของประเทศสเปน

อากาศร้อนหลงฤดู, ฟุตบอลยูฟ่าแชมเปี้ยนส์ลีก, อีเวนต์ขนาดใหญ่ บ้านริมทะเล และวัฒนธรรมคาเฟ่ เพียงส่วนเล็กๆ ของหลายๆ ตัวแปรที่ส่งผลให้เกิดการแพร่ระบาดของโควิด-19 จากเมืองสู่เมือง จากในประเทศสู่ประเทศเพื่อนบ้าน จากอิตาลีไล่มายังสเปน รวมไปถึงโปรตุเกส ล่าสุดคร่าชีวิตคนในประเทศสเปนไปแล้วมากกว่า 8,000 คน

ด้วยสภาพของโรคที่ผู้ติดเชื้อสามารถแพร่เชื้อต่อได้แม้จะไม่มีอาการเป็นเวลาหลายวัน บวกกับนโยบายควบคุมโรคที่ผิดพลาดของรัฐบาล

ซึ่งกว่าจะรู้ว่าต้องใช้วิธีการล็อกดาวน์ปิดเมืองวิธีเดียวเท่านั้นเพื่อควบคุมการแพร่ระบาดก็สายไปเสียแล้ว

 

การแพร่ระบาดครั้งใหญ่ถูกมองว่าอาจมีต้นตอเกิดขึ้นในเกมฟุตบอลยูฟ่าแชมเปี้ยนส์ลีก เมื่อวันที่ “19 กุมภาพันธ์” ที่ผ่านมา

วันนั้นมีแฟนฟุตบอลสโมสร “บาเลนเซีย” สโมสรยักษ์ใหญ่ในสเปนจำนวนกว่า 3,000 คนเดินทางจาก “บาเลนเซีย” สู่ “เมืองมิลาน” เมืองหลวงของ “แคว้นลอมบาร์ดี” เพื่อตามไปเชียร์ทีมรักแข่งกับ “อตาลันต้า” ทีมเจ้าถิ่นจาก “เมืองเบอร์กาโม” ที่ใช้สนาม “ซานซิโร่” ในเมืองมิลานเป็นสนามเหย้าแทนสนามของทีมที่อยู่ระหว่างการปรับปรุง

ในวันนั้นทีม “อตาลันต้า” มีแฟนบอลท้องถิ่นเดินทางจาก “เบอร์กาโม” ตามมาเชียร์จำนวนมากถึง 40,000 คน

แคว้นลอมบาร์ดีในอิตาลีคือศูนย์กลางการแพร่ระบาดใหญ่ของเชื้อไวรัสโควิด-19 ในอิตาลี โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมืองเบอร์กาโม ศูนย์กลางการแพร่ระบาดที่ในเวลานั้นเชื่อว่าเริ่มมีผู้ติดเชื้อโควิด-19 เป็นจำนวนมากแล้ว

เวลานี้มีจำนวนผู้ติดเชื้อเกือบครึ่งของยอดทั้งประเทศอยู่ที่แคว้นลอมบาร์ดีแห่งนี้ และนั่นดูเหมือนจะเป็นจุดเริ่มต้นของฝันร้ายโรคระบาดที่กำลังเริ่มต้นขึ้น

 

จิออร์จิโอ จอรี นายกเทศมนตรีเมืองเบอร์กาโม เมืองที่ห่างจากเมืองมิลานไปราว 60 กิโลเมตร ระบุว่ามันชัดเจนหลังจากวันนั้นแล้วว่าการแข่งขันฟุตบอลเกมดังกล่าวมีโอกาสที่จะแพร่เชื้อให้กระจายเป็นวงกว้างมากขึ้น

อิตาลีพบรายงานผู้ป่วยรายแรกในวันที่ “21 มีนาคม” เป็นชายวัย 38 ปี ในเมืองโคโดโน่ ห่างจากเบอร์กาโมไปราว 60 กิโลเมตร แต่ผู้เชี่ยวชาญเชื่อว่าเชื้อไวรัสได้แพร่ระบาดในภูมิภาคก่อนหน้านั้นแล้วโดยเฉพาะในพื้นที่ตอนใต้ของแคว้นลอมบาร์ดี

หลังจากการสืบสวนโรคผู้ติดเชื้อกว่า 6,000 รายในภายหลังพบว่า มีผู้มีอาการติดเชื้อโควิด-19 ตั้งแต่วันที่ 19 กุมภาพันธ์ ถึง 388 ราย นั่นจึงทำให้มีความเป็นไปได้สูงว่าเชื้อโควิด-19 จะระบาดในแคว้นลอมบาร์ดีอยู่ก่อนแล้วโดยที่ยังไม่มีใครตั้งตัว

แฟนบอลบาเลนเซียกว่า 3,000 คนที่เดินทางไปชมเกมยูฟ่าแชมเปี้ยนส์ลีกเดินทางกลับสเปน หนึ่งในนั้นคือนักข่าวกีฬา “กิเก้ มาเตอู” ซึ่งเล่าว่ากลับสเปนได้ 4 วันตนก็เริ่มมีอาการไอและหายใจลำบาก และไม่กี่วันต่อมาตนก็ไปโรงพยาบาลหลังจากได้ยินข่าวการแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 อย่างรุนแรงในแคว้นลอมบาร์ดี

“27 กุมภาพันธ์” โฆษกกระทรวงสาธารณสุขระบุว่า มีผู้ติดเชื้อในเมืองบาเลนเซียของสเปน จำนวน 6 ราย

3 วันต่อมา พบชายชาวโปรตุเกสติดเชื้อหลังจากเดินทางกลับจากเมืองบาเลนเซีย ขณะที่มาเตอูแพร่เชื้อให้กับเพื่อนร่วมงานอีก 4 คน

ส่วนสโมสรฟุตบอลบาเลนเซียรายงานในเวลาต่อมาด้วยว่า นักฟุตบอลและเจ้าหน้าที่สต๊าฟโค้ชของทีมถึง 1 ใน 3 ติดเชื้อโควิด-19

 

ในสัปดาห์แรกของเดือนมีนาคม กระทรวงสาธารณสุขสเปนมีคำสั่งให้การแข่งขันกีฬาใหญ่ๆ แข่งขันโดยไม่มีผู้เข้าชมเพื่อลดความเสี่ยงในการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสลง ซึ่งนั่นรวมไปถึงเกมยูฟ่าแชมเปี้ยนส์ลีก เลกสอง ที่ “บาเลนเซีย” ที่จะเปิดบ้านรับการมาเยือนของ “อตาลันต้า” ด้วย

อย่างไรก็ตาม ในภาคส่วนอื่นๆ ของสเปนดูเหมือนจะยังไม่ตื่นตัวกับการแพร่ระบาด ชีวิตของประชาชนยังดำเนินไปตามปกติ ร้านอาหาร บาร์ คาเฟ่ต่างๆ ยังคงเปิดให้บริการ

ในช่วงเวลาเดียวกันกับที่เกิดสภาพอากาศอบอุ่นแบบนอกฤดู ส่งผลให้ชาวสเปนออกมาพบปะสังสรรค์ในพื้นที่สาธารณะต่างๆ เป็นจำนวนมาก

การเดินขบวนในวันสตรีสากลในกรุงมาดริด เมื่อวันที่ “8 มีนาคม” มีผู้เข้าร่วมจำนวนมากถึง 120,000 คน

หลังจากนั้น “รัฐมนตรีหญิง” 2 คนในคณะรัฐมนตรีสเปน ถูกตรวจพบว่าติดเชื้อโควิด-19 โดยที่ไม่รู้ว่ามีต้นตอมาจากไหน

ขณะที่ฝ่ายค้านออกมาวิพากษ์วิจารณ์รัฐบาลที่ปล่อยให้ยังคงมีการจัดการเดินขบวนดังกล่าวขึ้น

สัปดาห์ต่อมา รัฐบาลสเปนเริ่มมีมาตรการควบคุมการแพร่ระบาด โดยหลักๆ คือการปิดโรงเรียน มหาวิทยาลัยในกรุงมาดริดลงนับตั้งแต่วันที่ “11 มีนาคม” แต่นั่นก็ไม่ได้ผล

นักเรียน นักศึกษา จำนวนมากยินดีกับการได้มี “วันหยุด” อย่างไม่คาดคิด ชาวมาดริดจำนวนมากหลั่งไหลออกจากเมืองหลวงเพื่อเดินทางท่องเที่ยว หลายครอบครัวเดินทางไปพักผ่อนที่บ้านตากอากาศริมทะเล

ท้องถนนในประเทศสเปนยังคงเต็มไปด้วยผู้คน ในวันที่ประธานาธิบดีเปโดร ซานเชส ออกประกาศเมื่อวันที่ 13 มีนาคมที่ผ่านมาให้ใช้มาตการเด็ดขาดในการปิดเมือง แต่นั่นก็ต้องใช้เวลาอีก 1 วันเพื่อนำเรื่องเข้าที่ประชุมคณะรัฐมนตรี

หลังจากนั้นรัฐบาลประกาศมาตรการเข้มข้นมากขึ้น เริ่มมีการปิดชายหาด ปิดสถานที่สาธารณะ รวมถึงให้ประชาชนอยู่แต่ในบ้านพัก

แต่นั่นก็ยังไม่เพียงพอ ยอดผู้ติดเชื้อและเสียชีวิตยังคงเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ

 

นอกจากผลกระทบทางเศรษฐกิจที่เกิดขึ้นจากการประกาศล็อกดาวน์ทั่วประเทศ ระบบสาธารณสุขที่กำลังจะรับผู้ป่วยไม่ไหว รัฐบาลสเปนยังต้องเผชิญกับเสียงวิพากษ์วิจารณ์อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

ล่าสุดรัฐบาลสเปนถูกยื่นฟ้องจากอัยการกรุงมาดริด ที่ยังเปิดทางให้มีการเดินขบวนในวันที่ 8 มีนาคม

ขณะที่กิเก้ มาเตอู ก็เป็นหนึ่งในประชาชนชาวสเปนหลายพันคนที่ไม่พอใจการจัดการปัญหาการแพร่ระบาดของรัฐบาล

“แทนที่จะให้ประชาชนปลีกตัวจากสังคม แต่รัฐบาลกลับเชิญชวนให้ผู้คนออกมาบนท้องถนน และนี่มันเป็นการไร้ซึ่งความรับผิดชอบอย่างใหญ่หลวง” มาเตอูระบุ