ที่มา | มติชนสุดสัปดาห์ ฉบับวันที่ 3 - 9 เมษายน 2563 |
---|---|
คอลัมน์ | สิ่งแวดล้อม |
ผู้เขียน | ทวีศักดิ์ บุตรตัน |
เผยแพร่ |
“โควิด-19” ไวรัสตัวเล็กกระจิ๋วมองด้วยตาเปล่าไม่เห็น แต่สามารถคร่าชีวิตเหยื่อทั่วโลกไปแล้ว 3 หมื่นคน แพร่เชื้อทำให้ผู้คนล้มป่วย 7 แสนคน อีกกว่า 3 พันล้านคนหรือ 1 ใน 3 ของประชากรโลกโดนผลักให้กักตัวอยู่ในบ้าน เป็นปรากฏการณ์ใช้เวลาสั้นๆ เพียงชั่ว 3 เดือนเท่านั้น
นี่เหมือนเป็นสงครามเชื้อโรคอย่างที่เคยดูในหนังฮอลลีวู้ด
เมื่อเกิดเหตุใหม่ๆ อ่านข่าวแล้วนึกอยู่ในใจว่า คงมีเพียงชาวเมืองอู่ฮั่นเท่านั้นที่ประสบชะตากรรมแล้วจะจบลงตรงนั้น เพราะเห็นรัฐบาลจีนทุ่มสรรพกำลังมหาศาลใช้มาตรการล็อกดาวน์ปิดเมืองเด็ดขาดจนกระทั่งหยุดยั้งการเสียชีวิตได้ชะงัด
แต่ที่ไหนได้ เชื้อโควิด-19 กลับแพร่ระบาดไปทั่วโลก ชาติยักษ์ใหญ่อย่างสหรัฐ อังกฤษ ยุโรป เจอไวรัสกัดกินทะลุทะลวงจนเอาไม่อยู่
ยามนี้ผู้คนไม่ว่าจะอยู่ในสถานะใด รวยหรือจน เป็นขุนนางชั้นสูง นายกฯ หรือรัฐมนตรี ต่างก็ตกอยู่ภาวะเป็นทุกข์วิตกกังวล เครียดหนักพอๆ กัน
คนระดับรัฐมนตรีของเยอรมนีเจอวิกฤต “โควิด” รุมเร้าในหน้าที่การงานหาทางออกไม่เจอต้องหันมาปลิดชีพตัวเอง
ในเมืองไทยก็มีข่าวเศร้าๆ จากผลกระทบของโควิดมากมาย อย่างเซียนมวยที่ติดเชื้อเพราะไปร่วมงานชกมวยระดับชาติที่จัดขึ้นกลางกรุงเทพฯ
เซียนมวยคนนั้นไม่เคยรู้ว่า ก่อนวันชกจะมีขึ้นในไม่กี่วัน ได้มีคำสั่งให้ผู้บริหารสนามมวยหยุดการชกมวยเพราะเกรงจะเป็นแหล่งแพร่เชื้อโรคร้ายแรง แต่ผู้บริหารสนามมวยเพิกเฉย
เกมการชกมวยเดินหน้า ท่ามกลางเซียนมวยแห่เข้าร่วมแน่นขนัด
เกมจบเซียนมวยกลับไปบ้านเกิด ข่าวแพร่สะพัดว่ามีคนติดเชื้อในสนามมวย จึงรีบไปตรวจร่างกาย ไม่พบว่าติดเชื้อ หลังจากนั้นเปิดกิจการค้าขายปกติ ปรากฏว่าผู้คนไม่มาซื้อของเหมือนก่อน แถมลูกค้ายังแสดงอาการรังเกียจ
ถามว่าเซียนมวยทำผิดในข้อหาอะไร? ทำไมต้องเผชิญกับชะตากรรมเช่นนั้น?
อันที่จริงแล้วตัวการผิดคือผู้ที่สั่งให้เปิดสนามมวยในวันนั้นต่างหาก
อีกข่าวเป็นพนักงานในคลับแห่งหนึ่งใจกลางกรุงเทพฯ ไม่รู้ว่าตัวเองติดเชื้อจากนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เข้าไปเที่ยวคลับ
พนักงานคนนั้นรูปร่างแข็งแรง อ้วนท้วนแต่เป็นโรคเบาหวานมาหลายปี จู่ๆ เกิดหน้ามืด ไปให้หมอตรวจรักษาจนกระทั่งอาการเบาหวานทุเลาน้ำตาลลดลง แต่มีอาการหายใจติดขัด หมอตรวจอีกทีพบเชื้อโควิดลามเข้าปอด ปรากฏว่าหลังเจอเชื้อเพียงแค่ 4 วันเสียชีวิต
ลูกเมียของพนักงานไม่เคยรู้อีโหน่อีเหน่ว่าอยู่กับเหยื่อโควิดเพราะไม่มีอาการใดๆ รู้เพียงแค่เป็นเบาหวาน
หลังการเสียชีวิต ครอบครัวเป็นทุกข์ เพราะมีหนี้ก้อนโตกองอยู่ข้างหน้า ไหนต้องโดนกักตัว จะออกไปไหนก็ไม่ได้ เพื่อนบ้านด่าทอ
อีกข่าวเป็นสาวจีนฆ่าตัวตาย หน่วยกู้ภัยปฏิเสธเก็บศพเพราะไม่มีเครื่องป้องกัน กลัวติดเชื้อ เรื่องร้อนถึงคุณหมอต้องเดินทางมาถึงจุดเกิดเหตุชี้แจงเหตุผลรับรองคนตายไม่แพร่เชื้อ
ในอีกมุม การแพร่ระบาดของโควิดทำให้ผู้คนแสดงความเอื้ออาทรซึ่งกันและกัน มีการระดมเงินช่วยเหลือแพทย์ พยาบาล เจ้าหน้าที่โรงพยาบาลที่ทำงานหามรุ่งหามค่ำเพื่อรักษาผู้ป่วย
คนที่เคยเป็นเพื่อนบ้านรู้จักมักจี่สนิทสนมกันดี แต่เมื่อได้ข่าวว่าเพื่อนบ้านติดเชื้อโควิด ความรู้สึกเดิมๆ หายไป
บางประเทศ ผู้คนกลับมีความเอื้ออาทรกันและกัน บ้างก็บริจาคอาหาร-น้ำดื่มให้กับผู้ยากไร้ที่ไม่สามารถออกไปหากิน
ร้านอาหารบางแห่งไม่เปิดขายแต่ให้พนักงานช่วยกันทำอาหารส่งไปให้คนเร่ร่อนพเนจร แสดงออกซึ่งความเมตตาต่อเพื่อนมนุษย์ที่กำลังเผชิญชะตากรรมอันโหดร้าย
บางประเทศไม่เพียงออกคำสั่งปิดเมืองหยุดกิจกรรมนอกบ้านทุกชนิด หากยังใช้มาตรการลงโทษคนที่ฝ่าฝืนถึงขั้นปรับแล้วลากตัวเอาเข้าคุก
ไม่น่าเชื่อ เพียงแค่ 3 เดือน “โควิด” ทำให้สังคมโลกเปลี่ยนในหลายมิติ
บนท้องฟ้าแทบไม่มีเครื่องบินบินว่อนให้เห็นเหมือนเก่า อุตสาหกรรมการบินกลายเป็นอัมพาต กัปตัน -นางฟ้าตกงานระนาว โรงแรมใหญ่ๆ ระดับ 5 ดาวปิดป้ายหยุดกิจการโละพนักงานทิ้ง
แหล่งท่องเที่ยวดังๆ ทั่วโลกที่วันเก่าๆ ผู้คนเดินขวักไขว่หนาแน่นกลับว่างเปล่าเหมือนเมืองร้าง
ในมุมสิ่งแวดล้อมมองเห็นเป็นเรื่องบวก สถิติการปล่อยก๊าซพิษในชั้นบรรยากาศทั่วโลกลดลงอย่างฮวบฮาบ
คุณภาพอากาศในเมืองอู่ฮั่นดีขึ้นกว่าอดีตถึง 11.4 เปอร์เซ็นต์ เพราะโรงงานหยุด บนถนนไม่มีรถยนต์วิ่งเลยตลอดช่วง 2 เดือนที่รัฐบาลจีนสั่งล็อกดาวน์
มหานครนิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา สถิติการวัดมลพิษในอากาศลดลงเกือบ 50 เปอร์เซ็นต์ เช่นเดียวกับที่สเปน อิตาลี และอังกฤษ
ส่วนในกรุงเทพมหานคร ถนนโล่ง ควันพิษหายไปเยอะ แต่เชื้อโควิดทำให้วิกฤตเศรษฐกิจที่ทรุดอยู่แล้วทรุดลงไปอีก จนเดาไม่ออกว่าอีกกี่ปีถึงจะฟื้นคืนกลับมา
อุตสาหกรรมการท่องเที่ยวแทบจะดับสนิท ปีที่แล้วนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้ามาเมืองไทยเกือบ 40 ล้านคน ทำรายได้เฉียดๆ 2 ล้านล้านบาท วันนี้นักท่องเที่ยวหดหายไปกว่า 90 เปอร์เซ็นต์
โรคระบาดทำให้ผู้คนกลัวติดเชื้อ แต่ละประเทศมีคำสั่งห้ามผู้คนของตัวเองออกนอกประเทศ แถมบางประเทศยังเรียกคนกลับมา
การบินระส่ำ เพราะการเข้า-ออกแต่ละประเทศมีขั้นตอนยุ่งยาก ใครมาจากประเทศเสี่ยงติดเชื้อจะโดนกักตัว หรือไม่ก็ห้ามเข้าเมือง
เมื่อไม่มีนักท่องเที่ยว โรงแรมที่พักก็เงียบสงัด แหล่งท่องเที่ยวเหี่ยวเฉา
โควิดปิดประตูธุรกิจท่องเที่ยว แต่เปิดโอกาสให้สภาพแวดล้อมของแหล่งท่องเที่ยวได้รับการฟื้นฟู
จึงอยากเสนอให้รัฐบาลฉวยจังหวะนี้รีบเร่งหาทางปรับสภาพแหล่งท่องเที่ยวที่บอบช้ำโดยเร็ว
การปรับสภาพต้องทำอย่างเป็นระบบ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องขยะล้นเมือง ทะเลเปื้อนสิ่งโสโครกมลพิษ หรือป่าเสื่อมโทรม
เมื่อโควิดหายไป เชื่อเหลือเกินว่าแหล่งท่องเที่ยวที่ได้รับการฟื้นฟูมีสิ่งแวดล้อมสวยงามสะอาดตา นักท่องเที่ยวทั่วโลกจะแห่กลับมาเยือนเมืองไทยจนแน่นขนัดกว่าปีก่อนๆ อย่างแน่นอน