อุรุดา โควินท์ / ทางรอดอยู่ในครัว : ซุกินีทำให้ใจพอง

ตลาดเงียบเหงามากถึงมากที่สุด ฉันแปลกใจ เพราะสำหรับฉัน ในช่วงนี้ทำอาหารกินเองน่าจะปลอดภัยกว่าซื้อสำเร็จรูป หรือสั่งแกร็บฟู้ด

จ่ายตลาดสัปดาห์ละสองครั้ง ใส่หน้ากากอนามัย ไม่จับหน้าตัวเอง รักษาระยะห่าง พอขึ้นรถก็รีบล้างมือด้วยเจลแอลกอฮอล์ กลับถึงบ้าน เก็บของเสร็จ ก็ล้างมือฟอกสบู่อีกครั้ง

“ไม่มีคนเลยพี่ เงียบมาก” แม่ค้าผักบอก “หนูว่าพี่นี่ล่ะ มาบ่อยสุด”

“คนหายไปไหนกัน” ฉันพูดกับเธอ แต่ก็เหมือนรำพึง

ตลาดโล่งเหลือเกิน โล่งจนใจหาย แต่คนไปตุนบะหมี่สำเร็จรูป ฮือ พ่อค้าแม่ค้าลำบากแย่ ไตก็อาจลำบาก ถ้ากินแต่บะหมี่กับปลากระป๋อง

ฉันหยิบผักทุกชนิดที่เก็บได้นาน คะน้า (ผัดได้ ทำราดหน้าได้ ทำผัดซีอิ๊วได้) กะหล่ำปลี ดอกกะหล่ำ บร็อกเคอลี่ แตงกวา หัวผักกาด แคร์รอต

“พี่ทำอะไรกินคะวันนี้” เธอถาม

ฉันยิ้มแห้งๆ “ยังไม่รู้เลย หยิบๆ ไปเก็บในตู้เย็นก่อน”

“เอาซุกินีไปกินนะพี่ หนูแถม”

ฉันยิ้ม ขอบคุณเธอ แล้วเดินไปร้านอื่น ซุกินีอร่อยมาก เอามาแกงส้มก็อร่อย ย่างกินก็อร่อย แต่วันนี้ฉันน่าจะทำแบบง่ายที่สุด คือผัดใส่ไข่ กินกับพะแนงหมูที่ทำไว้ตั้งแต่เมื่อเช้า

ไปซื้อหมู พ่อค้าหมูก็บ่นว่าเหงา ไปซื้อพริก โหระพา แม่ค้าก็ทำหน้าหงอย กระทั่งไปซื้อข้าวสาร ร้านฮอตฮิตที่สุด ข้าวก็เหลือมากผิดสังเกต

มีแต่แม่ค้าไข่ที่ไม่บ่น เธอบอกฉันว่า โชคดีนะที่มาวันนี้ เพราะเธอจะหยุดไปเลี้ยงหลาน 3 วัน ฉันเลยจัดไข่ไก่มา 20 ฟอง ไข่เป็ด 10 ฟอง ไข่ร้านเธอสดที่สุด ฉันสรุป หลังจากลองซื้อเกินสิบร้าน ได้เจอเธอ ฉันไม่ซื้อไข่ร้านอื่นอีกเลย

 

เราช่วยกันเก็บของไว้ท้ายรถ เขาติดเครื่อง กดเจลล้างมือ “บ่ายสี่โมง ไม่น่าเงียบขนาดนี้ ที่จอดรถเหลือเยอะแยะเลย”

“คนไม่ค่อยมีเงินอยู่แล้ว ยิ่งมีความกังวลเรื่องโรค คนก็ต้องจ่ายเงินเพื่อหนีความกลัว ช่วงนี้อะไรขายดีรู้มั้ย”

“หน้ากาก เจล ใช่ป่ะ”

“ช่าย อย่างเจลเนียะ ใช้ๆ กัน เราก็ไม่รู้หรอกว่า แอลกอฮอล์ถึง 70 เปอร์เซ็นต์มั้ย เยอะยี่ห้อเหลือเกิน อีกอย่างที่ขายดีมากคือประกัน”

ฉันไม่เคยเห็นคนหาซื้อประกันมากเท่าช่วงนี้มาก่อน ซื้อกันยกครอบครัว ประกันโควิดมักจ่ายเบี้ยไม่สูง ทำให้คนเจียดเงินมาจ่าย

เงินเล็กเงินน้อยจากคนเล็กคนน้อยหลายคนรวมเป็นก้อนใหญ่ บริษัทประกันคงยิ้มสบายใจกันไป

ต่างจากแม่ค้าในตลาด ที่ขายไปกุมขมับไป

เรายังยืนยันที่จะซื้อของจากตลาดสด เราไม่ตุนชนิดไม่ต้องออกบ้านกันเลย ออกไปรับแสงแดดบ้าง ดูแลมือและหน้าตัวเอง รักษาระยะห่าง ยิ้มให้ผู้คน แม้ไม่เห็นฟัน แต่ตาของเราก็ยิ้ม

ฉันใช้เวลาเก็บของเข้าตู้เย็นนาน เพราะการจัดเก็บก็สำคัญ ถ้าเราเก็บไม่ดีพอ ของจะเสียเปล่าๆ เรามีตู้เย็นสองตู้ แบ่งเก็บกันไป หมู ไก่ ต้องแบ่งบางส่วนแช่แข็ง ไข่ไม่ต้องใส่ตู้เย็น ยังไงก็หมด ไข่เป็นส่วนประกอบของสารพัดเมนู เป็นโปรตีนโปรดของเรา

“กินพะแนงหมูอย่างเดียวก็ได้นะ ไม่ต้องทำกับข้าวหรอก พะแนงอร่อยดี ทอดไข่ก็พอ”

ฉันส่ายหน้า “แม่ค้าผักให้ซุกินีมาเยอะเลย ต้องหาทางกิน ผัดใส่ไข่โนะ”

เขารีบพยักหน้า “เอาๆๆๆ เคยกิน จำได้อร่อย”

“ซุกินีนะ ไม่ใช่แตงกวาญี่ปุ่น” ฉันล้อเขา เพราะเขาจำสลับกัน

คงเหมือนที่บางคนจำโหระพากับกะเพราสลับกัน

เขาหัวเราะ ใส่สายจูงหมา แล้วพามันไปเดินเล่น

 

ฉันเก็บของเสร็จเรียบร้อย หยิบซุกินีออกมาหนึ่งหัวใหญ่ หุงข้าวรอ

เราจะกินข้าวกับพะแนง ซุกินี และยำไข่เค็ม น่าจะเข้ากันดี และช่วยให้พะแพงที่กินซ้ำมื้อดูน่าสนใจขึ้น

ใส่หมูสับนิดหน่อย และไข่ คล้ายผัดแตงกวา แต่ได้ผลลัพธ์ที่แตกต่าง

หั่นซุกินีตามยาว แล้วค่อยหั่นตามขวางเป็นชิ้นราวครึ่งเซนติเมตร

ทุบกระเทียมรอไว้

เริ่มจากทำไข่ให้สุกก่อน โดยใส่น้ำมันในกระทะนิดหน่อย พอน้ำมันร้อนก็ใส่ไข่ลงไป คนเร็วๆ ให้ไข่สุก ตักไข่พักไว้

เติมน้ำมันอีกนิด ย้ำว่านิดจริงๆ เพราะถ้ามากไป น้ำมันจะเยิ้มไม่น่ากิน พอน้ำมันร้อน ก็ใส่กระเทียมกับหมูพร้อมกัน ผัดจนหมูสุก ค่อยใส่ซุกินีพร้อมไข่ที่สุกแล้ว

เร่งไฟแรง ผัดเร็วๆ ปรุงรสด้วยซีอิ๊วขาว เกลือ

ใครติดหวานก็ใส่น้ำตาลได้ แต่ฉันรู้สึกว่าซุกินีมีรสหวานอยู่แล้ว บวกน้ำตาลไปอีก จะหวานเกิน

ไฟต้องแรง น้ำมันไม่เยอะ ผัดให้ออกเกรียมกึ่งย่าง จะอร่อยมาก ถ้ากลัวซุกินีไหม้ ก็อาจเติมน้ำได้นิดหน่อย แต่ต้องไม่เยอะจนน้ำเจิ่งนอง

อาหารจานนี้ฉันแทบไม่ต้องจ่ายเงิน หมูสับที่เหลืออยู่ในตู้ ไข่หนึ่งฟอง ซุกินีแม่ค้าให้

ฉันจะกินให้อร่อย กินอย่างซาบซึ้งในน้ำใจของเธอ ฉันจะไม่ลืมว่า แม้ในวันที่ตลาดสดหงอยเหงา แม่ค้าผักก็ยังแถมซุกินีให้ฉัน

เป็นน้ำใจเล็กน้อยที่ทำให้หัวใจพองฟู และฉันยินดีรับไว้เป็นพลังชีวิต