วิถีแห่งกลยุทธ์ เหมยฉางซู / เสถียร จันทิมาธร / ตะกอนนอนก้น เซียวจิ่งเหยียน (38)

เสถียร จันทิมาธร

วิถีแห่งกลยุทธ์ เหมยฉางซู/เสถียร จันทิมาธร

ตะกอนนอนก้น เซียวจิ่งเหยียน (38)

อาจเป็นกลยุทธ์ของ “ไห่เยี่ยน” ภายหลังสถานการณ์ถึงบทสุดท้าย การสนทนาระหว่างจิ้งหวังกับหนีหวงจวิ้นจู่มีส่วนในการอธิบาย

“ท่านมาช่วยข้าทันเวลาเป็นเพราะท่านซูกระมัง”

จิ้งหวังถูกนางรู้ทัน ตกใจเล็กน้อย เป็นความตกใจเพราะเกรงว่า “สัญญาลับ” ระหว่างตนกับเหมยฉางซูจะล่วงรู้ไปยังหนีหวงจวิ้นจู่ จึงโพล่งถามออกไปตรงๆ

“จวิ้นจู่ทราบได้อย่างไร”

“เพราะก่อนหน้านั้นท่านซูได้เตือนข้าให้ระวังอุบายชั่วของวังหลัง เสียดายที่กล่าวอย่างคลุมเครือ ข้าเพียงระวังตัวจากหวงโฮ่ว มิได้ป้องกันเย่วผิน”

จิ้งหวังเลิกปลายคิ้ว ในใจยิ่งคลางแคลงกว่าเดิม

“เขาไม่ได้บอกท่านหรือว่าต้องระวังเย่วผิน แต่ตอนที่เขาให้ข้าเข้าวังกลับระบุชัดเจนว่าเป็นตำหนักเจาเหริน”

ระหว่างจิ้งหวังกับหนีหวงจวิ้นจู่มีรากฐานความคิดต่างกัน

ไม่เพียงต่างกันเพราะจิ้งหวังหวาดระแวงเหมยฉางซูอยู่แล้วโดยพื้นฐาน หากต่างกันเพราะห้วงแห่งชีวิตของจิ้งหวังตลอด 10 กว่าปีที่ผ่านมาต้องเดินอยู่ในหว่างเขาควายแห่งความขัดแย้ง

ตรงกันข้าม หนีหวงจวิ้นจู่เปี่ยมด้วยความปรารถนาดีต่อเหมยฉางซู

 

ตอนนั้นพวกเราสนทนากันได้ครึ่งหนึ่งก็ถูกแทรกเสียก่อน เขาคงไม่ทันได้บอกกระมัง แม้ว่าได้รับความช่วยเหลือจากเขา แต่ข้ากลับไม่อาจขอบคุณเขาอย่างโจ่งแจ้ง

ตรงข้าม ได้แต่ขอบคุณอวี้หวัง

หนำซ้ำ ไม่เพียงแค่กล่าวขอบคุณก็จบเรื่อง พรุ่งนี้ยังต้องเตรียมพาน้องชิงไปคารวะขอบคุณถึงจวนอีก

เย่วผินแม้ได้รับโทษ แต่รัชทายาทยังคงเป็นรัชทายาท อิทธิพลอำนาจของเขายังคงยิ่งใหญ่เกรียงไกร

ข้ายิ่งสำนึกขอบคุณอวี้หวังอย่างเอิกเกริกเท่าใด รัชทายาทก็จะโถมทุ่มความเกลียดชังไปที่อวี้หวังมากเท่านั้น

แน่นอนว่าคงไม่มีใจมาวุ่นวายกับท่านอีกพักใหญ่

ตอนนี้อย่างไรท่านก็ไม่อาจเป็นศัตรูซึ่งๆ หน้ากับรัชทายาท ดังนั้น ผลักอวี้หวังบังไว้ด้านหน้าเช่นนี้ไม่ดีหรือ

 

เมื่อออกจากวัง เป้าหมายของจิ้งหวังกับเป้าหมายของหนีหวงจวิ้นจู่แตกต่างกัน เพราะว่าหนีหวงจวิ้นจู่ยังมีเรื่องที่จะต้องปรับความเข้าใจกับมู่ชิง น้องชายเลือดร้อน ตรงกันข้าม เป้าหมายของเซียวจิ่งเหยียนย่อมเป็นจวนหนิงกั๋วโหว

เหตุผลที่อ้างกับเซี่ยปี้ “ข้าสนใจเพลงกระบี่ที่ท่านซูฝึกให้เด็กๆ จึงตั้งใจมาขอคำชี้แนะโดยเฉพาะ และพาพวกเด็กๆ กลับไปพร้อมกันเลย”

เป้าหมาย 1 อาจเป็นพวกเด็กๆ

แต่เป้าหมายใหญ่ เป้าหมายสำคัญ 1 คือการทำความเข้าใจต่อสภาพความเป็นจริงของสถานการณ์ทั้งหมด

เมื่อเซี่ยปี้ถอนตัวออกไป เมื่อจิ้งหวังกล่าวสั้นๆ กับเด็กๆ “รถม้าข้าจอดอยู่ด้านนอก ให้เด็กทั้ง 3 ไปรอในรถก่อนเถอะ”

เหมยฉางซูฟังจากน้ำเสียงพลันทราบว่าจิ้งหวังมีคำพูดกล่าวกับตนตามลำพัง

จึงสั่งเฟยหลิวให้เรียกบ่าวรับใช้บ้านเซี่ยเข้ามาพาเด็กๆ ออกไปก่อน ส่วนตัวเองเชื้อเชิญจิ้งหวังเข้าสู่ภายในห้องแล้วรินน้ำชาให้ด้วยตัวเอง

จิ้งหวังคล้ายไม่เหลียวแลเหมยฉางซูที่ผายมือเชิญให้นั่ง ยังคงไพล่มือยืนตรงถามอย่างเย็นชา

“หนีหวงจวิ้นจู่วันนี้เกือบได้รับความอัปยศ ท่านทราบหรือไม่”

“มิใช่ช่วยเหลือจนปลอดภัยแล้วหรือ” เป็นการถามอย่างเยือกเย็นจากเหมยฉางซู

“ถ้าข้าช้าไปก้าวหนึ่ง จวิ้นจู่คงถูกพาเข้าเรือนด้านหลังแล้ว ถึงตอนนั้นต่อให้ข้าบุกทะลวงเข้าไปก็คงช่วยนางไม่ทัน ท่านทราบหรือไม่”

น้ำเสียงแข็งกร้าวอย่างยิ่ง คุกคามเหมยฉางซูอย่างยิ่ง

ตั้งแต่เซียวจิ่งเหยียนเข้ามา เหมยฉางซูสังเกตได้ว่า บนเรือนร่างของเซียวจิ่งเหยียนแฝงไว้ด้วยอารมณ์อันขุ่นมัว

1 เข้าใจว่าเป็นเพราะตกค้างมาจากแม่-ลูกสกุลเย่ว

ขณะเดียวกัน 1 ก็จับเค้าได้เด่นชัดมากยิ่งขึ้นเป็นลำดับว่า เป้าหมายแท้จริงพุ่งมายังเหมยฉางซูมากกว่า

นี่คือข้อที่เหมยฉางซูยังไม่เข้าใจ

 

นี่คือ “ช่องว่าง” ในทางความคิด ในทางความรู้สึกที่ยังไม่สามารถผสานได้อย่างกลมกลืนระหว่างเซียวจิ่งเหยียนกับเหมยฉางซู

เพราะคนหนึ่งยืนยันในความเป็น “นักรบ”

เป็นนักรบซึ่งหวาดระแวงในความจริงใจของนักวางแผน นักกำหนดกลยุทธ์ของเหมยฉางซูว่าอาจแฝงด้วยเหลี่ยมเล่ห์เพทุบาย