ใคร “ไม่ชัด” ประชาชน “ชัด”

ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าการเผชิญหน้ากับสถานการณ์โรคโควิด-19 ระบาดร้ายแรง มาตรการรัฐบาลยิ่งทำยิ่งสร้างความโกลาหล เนื่องจากทุกมาตรการ และการทำความเข้าใจกับประชาชนสะท้อนถึงความลังเล ไม่เด็ดขาด ดูออกจะเงอะงะ ที่สำคัญคือ ไม่สื่อสารให้ประชาชนเกิดความเข้าใจว่าสถานการณ์ซีเรียสแค่ไหน เอาแต่เรียกร้องให้ประชาชนต้องช่วยกัน โดยไม่บอกหรือบอกไม่ได้ว่าจะต้องช่วยอะไร

มาตรการรับมือยิ่งโกลาหล แต่ละหน่วยงานต่างคนต่างประกาศกันให้วุ่น ไร้ความเป็นเอกภาพแทบจะสิ้นเชิง ขัดแย้งบั่นทอนกำลังใจของกันและกันให้วุ่นวาย

และในที่สุดก็โทษประชาชนว่า “ไม่ให้ความร่วมมือ” ทั้งที่ความร่วมมือของหน่วยงานภาครัฐเป็นปัญหาหนัก

ผู้บริหารหลายองค์การที่เกี่ยวข้องลาออก และโดยแสดงให้เห็นถึงความอึดอัดในบริหารสถานการณ์ที่สับสนอลหม่าน

รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขถึงกับร่ำไห้กลางวงแถลงข่าว

ที่เป็นเช่นนี้ ทิศทางของปัญหาสำคัญ 2 เรื่องที่เกิดซ้อนและเป็นผลต่อกันและกันเกิดขัดแย้งกัน

เรื่องแรก คือวิธีหยุดการระบาดของโควิด-19 ต้องหยุดการพบปะของคน นั่นหมายถึงทุกคนต้องอยู่ในที่ทางส่วนตัว ต้องไม่สัมผัส สัมพันธ์กับคนอื่น

นั่นหมายถึงการต้องหยุดงาน อยู่กับบ้าน

แต่อีกด้านหนึ่ง คือวิกฤตเศรษฐกิจที่จำเป็นต้องสร้างรายได้ให้ประชาชนเพื่อกระตุ้นกำลังซื้อ การปิดงานย่อมก่อผลในทางลบมหาศาล

เป็น 2 วิกฤตที่ทางออกสวนทางและส่งผลเสียหายต่อกันรุนแรง

หากเลือกบรรเทาวิกฤตเศรษฐกิจ การระบาดของโรคจะสร้างความเสียหายต่อชีวิตประชาชนมโหฬาร

ขณะที่หากเลือกที่จะคุมเข้มไม่ให้คนคลุกคลีกันอันเป็นทางเดียวที่ดีที่สุดที่จะหยุดวิกฤต ก็จะเป็นการเพิ่มความเลวร้ายให้เศรษฐกิจ โดยเฉพาะปัญหาปากท้องของประชาชน

อาการลังเล กล้าๆ กลัวๆ กดดันให้เกิดความเครียดเกิดจากสถานการณ์นี้

การหาทางออกของปัญหาใหญ่หลวงนี้ หากคิดอาศัยความคิดของประชาชนเป็นเครื่องมือตัดสินใจ

ผลสำรวจของ “นิด้าโพล” เรื่อง “ปิดประเทศหนี COVID-19 กันไหม?” ชัดเจนมาก

เมื่อถามว่า รัฐบาลควรสั่งปิดประเทศเพื่อแก้ปัญหาการแพร่ระบาดหรือไม่ ร้อยละ 67.38 เห็นด้วยมาก, ร้อยละ 18.22 ค่อนข้างเห็นด้วย, ที่ไม่เห็นด้วยมีแค่ร้อยละ 5.57 และร้อยละ 7.80 ค่อนข้างไม่เห็นด้วย

เมื่อถามว่า รัฐบาลควรประกาศห้ามเดินทางข้ามจังหวัด (ปิดเมือง) หรือไม่ ร้อยละ 33.26 เห็นด้วยมาก, ร้อยละ 20.92 ค่อนข้างเห็นด้วย, ร้อยละ 19.89 ไม่ค่อยเห็นด้วย, ไม่เห็นด้วยเลยร้อยละ 24.18

เมื่อถามว่า รัฐบาลควรสั่งปิดสถานบันเทิง สถานบริการ หรือไม่ ร้อยละ 79.00 เห็นด้วยมาก, ร้อยละ 14.08 ค่อนข้างเห็นด้วย, มีแค่ร้อยละ 3.82 ที่ไม่เห็นด้วย และร้อยละ 2.23 ไม่เห็นด้วยเลย

เมื่อถามถึงการเปิดประชุมสภาสมัยวิสามัญเพื่อหารือการแก้ปัญหา ร้อยละ 63.48 เห็นด้วย, ร้อยละ 18.06 ค่อนข้างเห็นด้วย, ร้อยละ 5.25 ไม่ค่อยเห็นด้วย และร้อยละ 9.71 ไม่เห็นด้วยเลย

ความหมายของคำตอบก็คือ คนส่วนใหญ่ หรือจะว่าไปแทบทั้งหมด เลือกความปลอดภัยในชีวิตมากกว่าปัญหาปากท้อง

เป็นความคิดเห็นที่หนักแน่นระดับพร้อมจะทำตามมาตรการของรัฐบาลทุกอย่าง ขอแค่ให้สั่งการมา

คล้ายกับว่าประชาชนจะส่งสัญญาณให้รัฐบาลรับรู้ว่า เพื่อความปลอดภัยของชีวิตจะทำอะไรก็ทำ ไม่ต้องห่วงหน้าพะวงหลัง

ปัญหาจึงมาอยู่ที่ว่า รัฐบาลจะเลิกเงอะงะได้แค่ไหน