เผยแพร่ |
---|
คล้ายกับว่า การนำเสนอคำว่า “อภินิหาร” ต่อกระบวนการเรียกเก็บภาษีจากการซื้อขายหุ้น”ชินคอร์ป”จะสะท้อนความยอดเยี่ยม
เป็นความยอดเยี่ยมของ นายวิษณุ เครืองาม
กระทั่งปลุกและสร้างความคึกคักให้กับที่ประชุมครม.ขึ้นมาได้ในบัดดล
ช่องทางที่คิดว่า”มืดมิด” กลับ “สว่างไสว”
ทำให้นิยามความหมายของ”อภินิหาร”ที่ว่า สิ่งที่เกิดจากอำ นาจบุญอย่างเหนือความคาดหมาย
ได้ปรากฎเป็น “จริง”
จึงเห็นความดีอกดีใจอันสำแดงผ่านสีหน้าและท่าทีของ”โฆษก” ทั้งหลาย
กระทั่ง มองข้ามความเป็นจริงแห่ง “อภินิหาร”ไป
กระทั่ง มองข้ามสภาพของ “อภินิหาร” ซึ่งดำรงอยู่ในแบบอัน “นอกเหนือความคาดหมาย”ไป
สังคมไทยได้มาถึงจุดนี้ได้อย่างไร
หากพิจารณาบทบาทของ “อภินิหาร” ในทางความคิด จิตสำนึก เป็นเรื่องพึงระวังมากกว่าจะลิงโลด
เพราะอาจต้องพึ่ง”อภินิหาร”ในหลายเรื่อง
อย่างน้อยที่สุดจากกรณี”วัดพระธรรมกาย”ก็ทำให้หลายคนต้องภาวนาอยากให้ “อภินิหาร” มีจริง
ไม่เพียงแต่”ดีเอสไอ” หากแต่”ตำรวจ”ด้วย
เพราะนับแต่เดือนพฤษภาคม 2559 เป็นต้นมา ไม่มีใครให้คำตอบได้ว่า พระไชยบูลย์ สุทธิผล อยู่ที่ไหน
“มาตรา 44” ก็ตอบไม่ได้
ต่อกรณีการเรียกเก็บภาษีจากการซื้อและขายหุ้น”ชินคอร์ป”อาจ สามารถใช้”อภินิหาร”จาก”กฎหมาย”ได้
แต่คำถามก็คือ “อภินิหาร”มีจากกี่ด้านกันแน่
เพราะอย่างน้อยเรื่องเดียวกันนี้ก็มี “คำพิพากษา”จากศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองปรากฏอย่างเด่นชัด
ทำให้ “กรมสรรพากร” มิอาจขยับและขับเคลื่อน
หากว่าในวันที่ 31 มีนาคม กรมสรรพากรไม่สามารถหาช่อง ทางหรือหาช่องทางแล้วกลับนำไปสู่การฟ้องกลับ “อภินิหาร”จะเกิดได้อย่างไร
และตกลงเป็น”อภินิหาร”ของใครกันแน่