ที่มา | มติชนสุดสัปดาห์ ฉบับวันที่ 20 - 26 มีนาคม 2563 |
---|---|
คอลัมน์ | ต่างประเทศอินโดจีน |
เผยแพร่ |
หลายคนคงจำกรณีเรือสำราญ “ฮอลแลนด์ อเมริกา” เมื่อราวต้นเดือนกุมภาพันธ์ได้ดี กรณีดังกล่าวนี้เกิดขึ้นเมื่อตอนที่โควิด-19 เริ่มต้นระบาดออกนอกประเทศจีนกันใหม่หมาด
เรือสำราญลำนี้ถูกปฏิเสธไม่ให้เทียบท่าโดยทางการของหลายประเทศ ตั้งแต่ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ ไทย แล้วก็มาเลเซีย และสิงคโปร์
แต่กลับได้รับการต้อนรับขับสู้เป็นอย่างดีที่กัมพูชา ถึงขนาดนายกรัฐมนตรีฮุน เซน เดินทางไปต้อนรับทุกคนลงจากเรือเพื่อเดินทางกลับประเทศทางเครื่องบินด้วยตัวเอง
แม้จะมีรายงานว่าผู้โดยสารรายหรือสองรายถูกตรวจสอบพบว่าติดเชื้อโควิด-19 แต่ทุกอย่างก็เป็นไปด้วยดี นายกรัฐมนตรีกัมพูชาได้เครดิตไปมากโข แทบจะเป็น “ฮีโร่” โควิด-19 ไปเลยในเวลานั้น
แต่พอผ่านมีนาคมมาได้เพียงแค่ไม่กี่วัน ภาพลักษณ์ของกัมพูชาในเรื่องเดียวกันนี้เปลี่ยนแปลงไปโดยสิ้นเชิง
ตอนนี้ โควิด-19 ลุกลามไปทั่วโลกยิ่งกว่าไฟลามทุ่ง แต่ลามไปรุนแรงราวกับไฟป่าที่ออสเตรเลียหนล่าสุด มากกว่า 150 ประเทศรวมทั้งกัมพูชาเองมีผู้ติดเชื้อ
แนวทางปฏิบัติที่รัฐบาลฮุน เซน เคยปฏิบัติมาก็เลยเปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิง
เมื่อไม่นานมานี้ ยูเอสเอทูเดย์กับสื่อท้องถิ่นในอเมริกาอีกหลายฉบับ รายงานถึงเรื่องราวของชาวอเมริกันส่วนหนึ่งที่ถูก “กักกันโรค” อยู่ที่กัมพูชา
ยูเอสเอทูเดย์สัมภาษณ์ไรอัน คแนปป์ กับเทเรซ่า กอร์ดอน-คแนปป์ สองสามี-ภรรยาวัยเกษียณ ที่ตั้งใจใช้เงินออมส่วนหนึ่งเพื่อเปิดหูเปิดตา หาความสำราญใส่ตัวในบั้นปลายชีวิต
ทั้งคู่เดินทางมาถึงเวียดนามเมื่อ 1 มีนาคม มีเวลาได้เที่ยวชมเมืองโฮจิมินห์ซิตี้อยู่พักใหญ่ ก่อนลงเรือสำราญ “ไวกิ้ง แม่โขง ทัวร์” ย้อนทวนน้ำขึ้นมาตามลำน้ำโขง
ก่อนมา เทเรซ่านำทริปนี้ไปปรึกษากับหมอประจำตัวในอิลลินอยส์ ถามว่าไปได้ไหม คุณหมอตอบสบายๆ ว่า ไปได้ ไม่ต้องห่วง
แต่เดินทางได้เพียงวันสองวันก็มีข่าวร้าย ว่ากันว่าในเรือมีผู้โดยสารรายหนึ่งอาจได้รับเชื้อโควิด-19 ระหว่างเที่ยวบินที่เดินทางมาเพื่อลงเรือ
ลงเอยเมื่อตรวจหาเชื้อกันแล้วพบว่ามีนักท่องเที่ยวอังกฤษ 3 รายติดเชื้อ ส่วนสองสามีภรรยาคแนปป์ผลตรวจปรากฏออกมาเป็นลบ
แต่เท่านั้นก็เพียงพอแล้วที่ทำให้ไวกิ้งแม่โขง ถูกบังคับให้เทียบท่าท่าเรือกัมปงจาม เมืองทางตะวันออกเฉียงใต้ของประเทศ ผู้โดยสารที่ติดเชื้อถูกแยกไปกักกันโรค
แต่ที่เป็นปัญหาก็คือ จะกักตัวคนที่เหลืออย่างไร?
คแนปป์ให้สัมภาษณ์ทางโทรศัพท์กับยูเอสเอทูเดย์ว่า ลงจากเรือแทนที่จะมีนายกรัฐมนตรีไปรับ กลับถูกพ่นควันรมเข้าใส่ “เหมือนพวกเราเป็นแมลง”
คนบนเรือทั้งหมดถูกบังคับกักกันโรคที่ “โรงแรมซึ่งถูกทิ้งร้าง” แห่งหนึ่งในกัมปงจาม
ห้องที่สองสามี-ภรรยาคแนปป์ถูกบังคับให้อยู่ “ทั้งสกปรก ก๊อกในห้องน้ำก็รั่ว หน้าต่างแตกหลุดเป็นแผ่นๆ แล้วประตูก็ล็อกไม่ได้”
ฝ่ายภรรยาเสริมว่า ทั่วห้องเต็มไปด้วยซากแมลงหลากหลายชนิดเต็มไปหมด แล้วก็มีตัวเป็นๆ อีกจำนวนมหาศาล มด แมลงบิน แล้วที่ขาดไม่ได้ก็คือจิ้งจก ที่เข้ามาหาอาหารโปรดของพวกมัน
ทุกคนพยายามขอย้ายไปอยู่โรงแรมใกล้ๆ ที่สภาพดีกว่า (เพราะยังเปิดบริการ) แต่กลับไม่ได้รับการต้อนรับ พนักงานที่นั่นขู่จะหยุดงานประท้วง เลยต้องยุติ
โชคดีที่ยังมีลูกเรือไวกิ้งแม่โขงได้พึ่งพา จัดอาหารมาให้ทุกวัน
ว่ากันว่ากระทรวงต่างประเทศสหรัฐดำเนินการผ่านสถานทูตอเมริกาที่นั่น พยายามร้องขอให้ย้ายคนทั้งหมดมายังพนมเปญ หรือสถานที่ดีกว่านี้ แต่ได้รับการวางเฉยเป็นคำตอบทุกครั้ง
หลังๆ ถึงขนาดไม่รับโทรศัพท์จากสถานทูต
เขาบอกว่าถูกกักตัวเพื่อดูอาการน่ะ ไม่ว่าและเข้าใจดี แต่ขอให้มีสภาพเป็นมนุษย์มนากับเขาหน่อยได้ไหม
“นี่ไม่ใช่กักกันโรคแล้ว แต่เป็นการจับกุม ควบคุมตัวเสียมากกว่า”