ภาพยนตร์ / นพมาส แววหงส์/BLOODSHOT

นพมาส แววหงส์

ภาพยนตร์/นพมาส แววหงส์

 

BLOODSHOT

‘ปฐมกาลของซูเปอร์ฮีโร่’

 

กำกับการแสดง Dave Wilson

นำแสดง Vin Diesel Guy Pearce Eiza Gonzlez

Toby Kebbel

 

หนังซูเปอร์ฮีโร่เรื่องใหม่เรื่องนี้สร้างมาจากการ์ตูนคอมิกที่มีจักรวาลของตัวเอง

Bloodshot เป็นฉายานามของซูเปอร์ฮีโร่คนนี้

แน่นอนว่าในเมื่อเป็นหนังเรื่องแรกที่หวังจะมีภาคต่อๆ มา จึงต้องมีการปูพื้นความเป็นมาก่อนจะเล่าถึงความเป็นอยู่และความเป็นไป หากว่าหนังติดตลาดจนมีแฟนหนังประเภทนี้ติดตามคอยชม

นี่จึงเป็นปฐมกาลของซูเปอร์ฮีโร่คนนี้

ปูพื้นสักนิดหน่อยคงไม่ผิดกติกานะคะ

 

เรย์ แกร์ริสัน (วิน ดีเซล) เป็นทหารรับจ้างในกองทัพ เขาเสียชีวิตระหว่างปฏิบัติหน้าที่

ร่างของเขาถูกนำมาใช้ในการทดลองสร้างจักรกลพันธุ์ใหม่ในรูปลักษณ์ของมนุษย์…เพื่อให้แกร่งกล้าและเพิ่มสมรรถภาพให้เหนือมนุษย์

…เหมือนในหนังหลายๆ เรื่อง เช่น Robocop หรือ Wolverine หรือ Universal Soldier เป็นอาทิ

เรย์ฟื้นขึ้นมาโดยไม่มีความทรงจำใดหลงเหลืออยู่

ผู้ชุบชีวิตให้เขาคือ ดร.เอมิล ฮาร์ติ้ง (กาย เพียร์ซ) ซีอีโอเจ้าของบริษัททางเทคโนโลยีชั้นสูงที่มีฐานที่ตั้งอยู่ในกัวลาลัมเปอร์

นอกจาก “บลัดช็อต” ซึ่งได้ฉายานี้มาจากอนุภาคเล็กๆ ในเลือดที่พล่านไปทั่วร่างอย่างรวดเร็ว ซึ่งทำให้ร่างกายสามารถรักษาอาการบาดเจ็บหรือชำรุดใดๆ แทบจะเรียกว่าในชั่วพริบตา

นึกถึงตัวละครในหนังชุด Terminator นะคะ

ขนาดโดนกระสุนกระหน่ำ โดนรถทับ โดนระเบิด โดนสารพัดจะโดน…แต่หุ่นยนต์สังหารก็ยังรักษาตัวเองให้กลับคืนมาอยู่ในสภาพเดิมเหมือนใหม่ได้ในไม่กี่วินาที

เรย์ หรือ “บลัดช็อต” มีความจำแวบเข้ามา โดยมองเห็นภาพสุดท้ายก่อนเขาเสียชีวิตในน้ำมือของมือสังหารโรคจิต ซึ่งพยายามเค้นความจริงเรื่องปฏิบัติการลับที่เขาไม่รู้ และไม่สามารถช่วยชีวิตภรรยาสาวคนสวยจากเงื้อมมือของมือสังหารคนนี้ได้

ฉากการทรมานเพื่อเค้นให้เรย์คายความลับนี้เป็นการสร้างแคแร็กเตอร์แบบหลุดโลก เหี้ยมโหดไร้ปรานี แต่งตัวฉูดฉาด แถมยังมีการเต้นเข้าจังหวะกับดนตรีครึกครื้น เหมือนการทำพิธีกรรมก่อนเชือดเหยื่อ

หลุดโลกค่ะ แต่เมื่อมองย้อนหลัง นี่ก็คงเป็นการหลุดโลกแบบไม่หลุดเรื่อง ผู้กำกับฯ คงตั้งใจให้หลุดโลกอยู่หรอกค่ะ

ภาพสุดท้ายก่อนถูกระเบิดสมองตาย เรย์สาบานจะล้างแค้นต่อผู้กระทำซึ่งๆ หน้า

 

และในร่างที่เหมือนจะถูกชุบชีวิตขึ้นใหม่ พร้อมด้วยพละกำลังมหาศาล สมรรถภาพแกร่งกล้า รวมทั้งความสามารถในการรักษาตัวเองให้กลับคืนสภาพเดิมได้ในพริบตา (เหมือนวูฟเวอร์รีนน่ะค่ะ) เรย์ออกเดินทางข้ามโลกไปแสวงหาตัวคู่อริตัวยงของเขา

พยายามเลี่ยงสปอยเลอร์แล้ว แต่เลี่ยงยาก จึงขอเตือนว่าต่อไปเป็นสปอยเลอร์แล้วนะคะ

หนังพาเราจากกัวลาลัมเปอร์ ลัดฟ้าไปบูดาเปสต์ในเครื่องบินเจ็ตส่วนตัวที่พระเอกเรียนรู้การขับด้วยตัวเองในระหว่างทาง

หนังพยายามข้ามปัญหาทางโลจิสติกส์ต่างๆ ไปด้วยคำอธิบายง่ายๆ ว่าเรย์สามารถใช้นาไนต์ในเลือดเขาเข้าถึงข้อมูลเทคโนโลยีต่างๆ ได้ทั่วโลก

เพราะงั้นโลกสมัยใหม่ที่ทุกอย่างต้องขึ้นกับเทคโนโลยี จึงไม่มีอะไรที่คนที่มีวิธีเข้าถึงเทคโนโลยีจะทำไม่ได้

หนังไม่ได้เสียเวลากับเรื่องโลจิสติกส์ค่ะ แต่ไปใช้เวลาอยู่กับฉากแอ๊กชั่นรุนแรงที่เรย์ก่อให้เกิดเพื่อล้างแค้นศัตรูเก่า

กว่าเขาจะทำสำเร็จ ก็หืดขึ้นคอเหมือนกันแหละ…ท่ามกลางเสียงเปรี้ยงปร้าง ระเบิด รถชน ปืนกลรัวแบบไม่นับ ฯลฯ ฯลฯ

ความเสียหายที่เกิดขึ้นในตัวเรย์ ได้รับการนำกลับมารีบู๊ต รีโปรแกรม

และบลัดช็อตกลายเป็นจักรกลสังหารตัวใหม่ในมือของผู้มีอำนาจบงการเบื้องหลัง ซึ่งใช้เขากำจัดศัตรูส่วนตัว

 

ในเมื่อเรย์ถูกโปรแกรมใหม่ทับของเดิมได้ ความทรงจำของเขาจะเชื่อถือได้อย่างไร ในเมื่อความจำของเขาขึ้นอยู่กับว่าโปรแกรมเมอร์จะเขียนอะไรลงไป

แม้แต่ความตายของอดีตภรรยาก็เชื่อถือไม่ได้ และเรย์ได้ข้อพิสูจน์ที่เห็นได้จะแจ้งต่อหน้าต่อตาเขา

ที่สุดแล้ว เขาก็ได้เพื่อนคู่ใจร่วมฝ่าฟันอุปสรรคคนใหม่ในตัวเคที (ไอซา กอนซาเลซ) ซึ่งเป็นมนุษย์จักรกลแสนสวยรุ่นก่อนหน้าเขา

สำหรับผู้เขียน อยากให้ปฐมกาลของ “บลัดช็อต” เป็นปัจฉิมกาลลงจบไปเสียเลยค่ะ

ไม่มีอะไรแปลกใหม่ ไม่มีความคิดดีๆ ไม่มีเทคนิคดีๆ ไม่มีแม้แต่แคแร็กเตอร์ที่ทำให้เราผูกพันด้วย หนังทั้งเรื่องเป็นการเก็บเล็กผสมน้อย จับแพะชนแกะ หัวมังกุท้ายมังกร

ระหว่างนั่งดูอยู่ มีหนังสักสิบเรื่องเห็นจะได้ ที่แวบเข้ามาในหัว เหมือนการหยิบยืมมาใช้แบบโต้งๆ ไม่อยากเรียกว่าได้แรงบันดาลใจมาด้วยซ้ำ

Robocop, Wolverine, Terminator, Universal Soldier, Total Recall ฯลฯ

รู้สึกถึงลักษณะแบบจับฉ่าย แต่เป็นการเอามาผสมกันโดยไม่ปรุงให้รสดีขึ้นด้วยซ้ำ

ฉากแอ๊กชั่นก็สับสนวูบวาบ ที่สำคัญไม่ได้ให้ตัวละครที่เราเชื่อหรือผูกพันด้วย

ดูแล้วก็ได้แต่ปลงว่า ถ้านี่เป็นหนังแอ๊กชั่นแนวใหม่ยุคใหม่…เราก็คงตกยุคหรือหมดยุคไปแล้วล่ะ