วิเคราะห์ : อสังหาฯเดินไปยังไง ท่ามกลางพายุโรคระบาด

เวลานี้ยังเป็นช่วงเวลาฝุ่นตลบ ยังไม่มีใครสามารถประมาณการได้ว่า การระบาดของไวรัสโควิด-19 ในประเทศไทยจะขยายตัวไปกว้างขวางรุนแรงขนาดไหน ใช้เวลายาวนานเท่าไหร่ และจะมีผลต่อเศรษฐกิจ สังคม และการเมืองของประเทศเพียงใด

ก่อนหน้าวิกฤตโควิด-19 ปัญหาของประเทศก็ใหญ่หลวงอยู่แล้ว ถึงขนาดนักปราชญ์ผู้รู้ ดร.โกร่ง-วีรพงษ์ รามางกูร ระบุว่าเป็น 3 วิกฤต ได้แก่ เศรษฐกิจ การเมือง และระบบยุติธรรม รวมกันเป็นมหาวิบัติ นักธุรกิจใหญ่ระดับเจ้าสัวแสนล้านบาทบางคนก็ประเมินว่า จะต้องเผชิญกับวิกฤตระดับ perfect sorm กันเลยทีเดียว

เมื่อไวรัสโควิด-19 ยกระดับสูงขึ้น ประกอบกับการบริหารจัดการภาพรวมของรัฐบาลสะเปะสะปะไร้ทิศทาง ผลที่ตามมาจึงมีทั้งปัญหาสุขภาพ ความปลอดภัย ปัญหาความวิตกกังวลจนถึงขั้นกักตุนสินค้าและอาหารซึ่งเป็นปรากฏการณ์ที่สังคมไทยไม่เคยมีกันมาก่อน

ผลทางเศรษฐกิจที่จะตามมาก็จะใหญ่หลวงไม่เคยเจอมาก่อน เพราะธุรกิจท่องเที่ยวเครื่องจักรใหญ่เศรษฐกิจปิดสนิท ธุรกิจร้านอาหาร ห้างสรรพสินค้า ต่างเผชิญปัญหาลูกค้าหาย ยอดขายหดถ้วนหน้า สิ่งที่เกิดขึ้นตามมา ได้แก่ การปิดกิจการเลิกจ้าง การให้พักงานโดยไม่รับเงินเดือน

ทั้งหมดทั้งมวลย่อมกระทบกับกำลังซื้อ ซึ่งรวมทั้งกำลังซื้อที่อยู่อาศัยอสังหาริมทรัพย์ด้วย ไม่ว่าจะเป็นกำลังซื้อในปัจจุบันที่มีความต้องการแต่ไม่สามารถซื้อได้

หรือแม้แต่ที่ซื้อไปแล้วอยู่ระหว่างผ่อนดาวน์ก็อาจประสบปัญหาได้ ถ้าเจอปัญหาการเลิกจ้าง

 

วันศุกร์ที่ 13 มีนาคม 2563 ที่ตลาดหุ้นไทยเปิดมาเช้า 10 โมงหุ้นก็ร่วงติดฟลอร์จนต้องประกาศเซอร์กิตเบรกเกอร์หยุดซื้อขายชั่วคราวนั้น

ที่ปรึกษาการลงทุนและนักลงทุนรายใหญ่ท่านหนึ่ง ได้พูดให้แง่คิดว่า “วิกฤตย่อมมีเวลาสิ้นสุด หากเรามองทะลุไปถึงจุดสิ้นสุดมัน เราจะได้สติว่าในที่สุดมันก็ต้องจบ ซึ่งในแง่ของการลงทุน ในเวลาที่ข่าวร้ายถาโถมมาครบหมดแล้วก็เป็นเวลาเริ่มต้นลงทุนกันใหม่”

จากวิกฤตที่กำลังเกิดขึ้น กำลังซื้อในตลาดอสังหาฯ ก็ต้องหดตัวไปตามกำลังซื้อจริงๆ

เพียงแต่ยังมีโชคดีอยู่ คือกำลังซื้อส่วนใหญ่เป็นกำลังซื้อภายในประเทศ หดตัวอย่างไรก็ไม่เท่ากับศูนย์เหมือนธุรกิจท่องเที่ยว

ที่อยู่อาศัยเป็นสินค้าจำเป็นที่คนต้องอยู่อาศัยไปตลอดชีวิต หรือผ่อนก็ต้องใช้เวลา 10-20 ปี เป็นความต้องการที่ยาวนานกว่าวิกฤตที่เกิดในระยะเวลาที่นับหน่วยเป็นเดือน ทำให้การตัดสินใจซื้อหรือผ่อนมองทะลุเลยวิกฤตไป

พื้นที่ที่มีการระบาดของโควิด-19 เป็นเมือง เป็นชุมชนหนาแน่นเท่านั้น แต่บริเวณส่วนใหญ่ของประเทศทั้งบริเวณชานเมือง นอกเมือง หรือเมืองขนาดเล็กก็ไม่ได้มีปัญหาการแพร่ระบาด

งานก่อสร้าง ถมดิน ทำฐานราก ขึ้นโครงสร้างหลังคา ผนังพื้น ยังทำได้ปกติ การค้นหาโครงการที่อยู่อาศัยบนโลกออนไลน์ก็ไม่มีความเสี่ยงจากโรคระบาด

หรือการแวะเยี่ยมชมบ้านตัวอย่าง บ้านเดี่ยว บ้านแฝด ทาวน์โฮม ทาวน์เฮาส์ ก็ยังสามารถทำได้เป็นปกติ

 

ธุรกิจต่างๆ เวลานี้ ด้านหนึ่งก็ดิ้นรนเพื่อเอาชีวิตธุรกิจให้รอดจากวิกฤต ขณะเดียวกันก็ปรับปรุงประสิทธิภาพระบบงานโดยถูกสถานการณ์บังคับ การทำงาน work from home กลายเป็นการทบทวนเป้าหมายการทำงาน เนื้อหาปริมาณ คุณภาพ และการวัดผลกันใหม่ยกเครื่ององค์กรกันโดยตั้งใจและไม่ตั้งใจ

ถ้าวิกฤตครั้งนี้เป็นมหาวิกฤตหลายเรื่องมารวมกัน เป็นวิกฤตที่ส่งผลให้เกิด Mega Change ก็น่าจะหวังได้ว่า หลังวิกฤต อะไรต่อมิอะไรจะดีขึ้น ขวากหนามความเจริญก้าวหน้าของเศรษฐกิจ สังคมจะถูกลดทอนหรือกวาดหายไป

ถ้าได้อย่างนี้ก็คุ้มค่ากับความอดทนนะ