มองข้ามช็อต

ตั้งแต่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี นัดคุยกับ “ผู้อาวุโส” ในวงการสาธารณสุข

ภาพนั้นภาพเดียวสร้างความเชื่อมั่นมากกว่าคณะรัฐมนตรีทั้งคณะเสียอีก

เพราะทั้งหมดที่นั่งประชุมล้วนเป็น “ผู้ใหญ่” ที่รู้จริงเรื่องการแก้ปัญหาโรคระบาดอย่างไวรัสโควิด-19

นับจากวันนั้นทิศทางการแก้ปัญหาของรัฐบาลเริ่มดีขึ้น

กล้าตัดสินใจ

แม้จะช้ากว่าปัญหาไปบ้างก็ตาม

มีการเตรียมพร้อมแบบมองข้ามช็อตทั้งเรื่องการเตรียมการโรงพยาบาลที่จะรับผู้ป่วยหากประกาศให้ประเทศไทยเข้าสู่ “ระยะที่ 3”

ทิศทางด้านสาธารณสุขดีขึ้น ดูมีความหวัง

ยกเว้นเรื่องเดียวคือ ภาคการเมืองในรัฐบาล

จนวันนี้ยังหาความเป็น “เอกภาพ” ไม่เจอ

แต่ถูกวิจารณ์ยับในโซเชียลมีเดีย นอกจากท่าแปลงกายของ “ลุงตู่”

พร้อมกับวาทะ “ประเทศไทยต้องชนะ”

ใครๆ ที่รอชมล้วนรู้สึกว่าภาษาท่าทางที่แสดงออกมาช่างปลุกเร้าให้ความรู้สึกหดหายมากกว่าฮึกเหิม

ยกเว้นแต่รัฐบาลจะมองข้ามช็อต

ลองคิดดูสิว่า ถ้าบังเอิญการแพร่ระบาดในเมืองไทยลดลงไม่ว่าจะเป็นเพราะเหตุใด

เราก็เคลมได้ว่าเพราะบทสวดของเรา

แบบนี้…ขายได้

ถือเป็นสินค้าสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ส่งออกได้

“อิตาลี” รับซื้อแน่นอน

อํากันว่าถ้าสวดมนต์ยังไม่สำเร็จ

คงต้องถึงเวลาที่นายกฯ ต้องมาเล่นเอง

ขอเวลาเงียบๆ 1 วันทำสมาธิ

“ลุงตู่” จะใช้ท่าไม้ตายที่ถนัดที่สุด

นั่นคือ การแต่งเพลงกำจัดไวรัส

…ขอเวลาอีกไม่นาน แล้วแผ่นดินที่งดงามจะคืนกลับมา

ถ้าได้ผลละก็… “ลุงตู่” จะโด่งดังไปทั่วโลก

ลาออกจากตำแหน่งอย่างสง่างาม

เฮ…