ต่างประเทศอินโดจีน : ย้อนอ่าน “สาวสังคม-ลูกเศรษฐี” สู่การแพร่ระบาดในเวียตนาม

เพิ่งเขียนแสดงความชื่นชมเวียดนามถึงมาตรการรับมือโคโรนาไวรัสซึ่งก่อโรคโควิด-19 ไปหมาดๆ ต้องกลับไปหยิบเรื่องเดียวกันนี้มาเล่าสู่กันฟังอีกรอบ

เรื่องของเรื่องก็คือ ผ่านไปเพียงไม่กี่วัน จำนวนผู้ติดเชื้อในเวียดนามที่นิ่งอยู่ที่ 16 คนนานถึง 22 วัน และทุกคนหายจากการติดเชื้อทั้งหมด จนแม้กระทั่งเจ้าหน้าที่องค์การอนามัยโลกประจำเวียดนามยังชมเชย

ถึงวันที่ 10 มีนาคมที่ผ่านมา ยอดผู้ติดเชื้อพุ่งพรวดเป็น 34 ราย มีคนที่อยู่ในข่าย “ต้องสงสัย” ว่าจะติดเชื้ออีก 210 คน และมีคนต้องถูกกักกันโรคเพื่อรอดูอาการอีกมากถึง 20,000 คน ในกรุงฮานอย เมืองหลวงของประเทศ

เหตุผลเป็นเพราะเมื่อวันที่ 6 มีนาคมที่ผ่านมา เวียดนามเจอผู้ติดเชื้อรายที่ 17 ของประเทศเข้า

ผู้ติดเชื้อรายนี้กลายเป็น “ผู้ติดเชื้อหมายเลข 0” คือเป็นผู้แพร่เชื้อให้กับผู้ติดเชื้อใหม่อีกเกือบทั้งหมด ยกเว้นเพียงรายเดียวคือผู้ป่วยรายหลังสุด รายที่ 34 ซึ่งเป็นสุภาพสตรีวัย 51 ปีที่เพิ่งกลับบ้านมาจาก “ทริป” สหรัฐอเมริกา

ทั้งสองกรณีเป็นเครื่องสะท้อนเป็นอย่างดีว่า ไม่ว่ามาตรการของรัฐจะเข้มงวดแค่ไหน ไม่ว่าจะกวดขันให้รอบด้านอย่างไร หากประชาชนไม่ตระหนัก หรือไม่ให้ความร่วมมือ ไม่อยู่ในวินัย มาตรการทั้งหมดก็ล้มเหลวได้ทั้งสิ้น

 

ที่น่าสนใจก็คือ ไม่รู้ว่าเป็นเจตนาของทางการเวียดนามหรือไม่ ผู้ติดเชื้อหมายเลข 0 ที่ก่อให้เกิดการระบาดระลอกใหม่ขึ้นในเวียดนามในยามนี้ กลายเป็นเพียงผู้ติดเชื้อรายเดียวเท่านั้นที่ถูกเปิดเผยชื่อออกมาอย่างเป็นทางการ

เธอชื่อ “เหวียน ฮอง ฮุง” อายุ 26 ปี สื่อในเวียดนามประโคมกันใหญ่ว่าเป็นลูกเศรษฐี เจ้าของกิจการเหล็กกล้าผู้มั่งคั่ง

“เหวียน ฮอง ฮุง” กลายเป็นสาวสังคมที่มีชื่อเสียงเป็นที่รู้จักกันดีภายในประเทศ สร้างชื่อเคียงคู่กับผู้เป็นพี่สาว “งา เหวียน” วัย 27 ปี

ทั้งสองใช้ชีวิตอยู่ที่ลอนดอนบ้าง ฮานอยบ้าง ตามที่ต้องการ ตามประสาคนมีเงิน

อินสตาแกรมของทั้งสองซึ่งตอนนี้ปิดบัญชีไปแล้ว แสดงให้เห็นว่า เมื่อไม่นานมานี้ สองสาวสังคมชื่อดังของเวียดนามไปร่วมอยู่ในงานแฟชั่นโชว์ระดับโลกทั้งในภาคพื้นยุโรป รวม 3 ประเทศ

งานเปิดตัวน้ำหอมยี่ห้อหนึ่งที่โฮเต็ล คาเฟ่ รอยัลในกรุงลอนดอน, งานมิลานแฟชั่นวีก ที่มิลาน เมืองเอกของแคว้นลอมบาร์ดี แหล่งแพร่ระบาดของโควิด-19 ของอิตาลีในยามนี้ และงานปารีสแฟชั่นวีก โดยเป็น 2 ใน 1,000 แขกพิเศษของกุชชี่ ที่กรุงปารีส เมืองหลวงของฝรั่งเศส

ทั้งคู่เดินทางกลับเวียดนามด้วยเครื่องบินสายการบินเวียดนาม แอร์ไลน์ส บินตรงจากลอนดอนสู่กรุงฮานอย เมื่อวันที่ 2 มีนาคม เครื่องบินลำเดียวกับที่เหวียน ชี ดุง รัฐมนตรีกระทรวงนโยบายและการลงทุนของเวียดนามใช้เดินทางกลับ ถูกตรวจพบว่าติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ทั้งคู่

12 คนที่ใช้เครื่องบินลำเดียวกันนั้นกลับเวียดนามถูกตรวจสอบพบว่า “ติดเชื้อ” โชคดีที่ท่านรัฐมนตรีนั่งห่างไปมากหน่อยเลยตรวจสอบไม่พบเชื้อ แต่ก็ยังต้องกักกันโรคโดยสมัครใจอยู่ที่บ้านเหมือนกัน

โชเฟอร์ส่วนตัวของคนทั้งสองก็ถูกตรวจพบว่าติดเชื้อ สุภาพสตรีทั้งสองยังนำเชื้อไประบาดให้กับผู้เป็นน้าของตัวเองอีกราย

นอกจากนั้น สตรีเวียดนามวัย 24 ปี ที่บังเอิญไปพบกับเหวียน ฮอง ฮุง ที่กรุงลอนดอนเมื่อวันที่ 27 กุมภาพันธ์ ก็ถูกตรวจพบว่าติดเชื้อ ถูกกักกันโรคอยู่ที่โรงพยาบาลสนามในโฮจิมินห์ซิตี้

ทำให้ยอดรวมทั้งหมดที่ทั้งสองทำให้ติดเชื้อโควิด-19 คือ 17 คน ยกเว้นรายที่ 34 ที่กลับจากสหรัฐอเมริกาเท่านั้น

 

คนที่เดือดร้อนอย่างหนักคือย่านที่พักอาศัยของสองสาวสังคม ที่ถูกทางการประกาศปิดตายเป็นเวลา 2 สัปดาห์ เพื่อกักกันโรค ไม่ให้ลุกลามออกไปทั้งย่าน รวมคนทั้งหมดราว 20,000 คน กับผู้โดยสารทั้งหมดบนเครื่องบินลำดังกล่าวที่ยังต้องกักกันโรคอยู่จนถึงขณะนี้

ไม่น่าแปลกที่สังคมโซเชียลในเวียดนามถึงอาละวาดเข้าใส่ลูกเศรษฐีรายนี้ไม่ยั้ง โดยเฉพาะเหวียน ฮอง ฮุง ที่ทางการเปิดเผยชื่อออกมาจนต้องปิดอินสตาแกรมหนี

เป็นตัวอย่างที่ดีว่า โควิด-19 นั้นก่ออันตรายได้กับทุกคน ไม่จำแนกว่าจนหรือรวย

เพียงแค่ว่า จนกว่าเดือดร้อนหนักกว่ามากเท่านั้นเอง