การศึกษา/จับตากระแสปรับ ครม. ‘สุวิทย์-ณัฏฐพล’ จะอยู่หรือไป??

ดร.สุวิทย์ เมษินทรีย์

การศึกษา

จับตากระแสปรับ ครม.

‘สุวิทย์-ณัฏฐพล’ จะอยู่หรือไป??

 

หลังจากเสร็จสิ้นการอภิปรายไม่ไว้วางใจ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม พร้อมกับรัฐมนตรีอีก 5 คน ของพรรคร่วมฝ่ายค้าน โดยคะแนนโหวตไว้วางใจที่ พล.อ.ประยุทธ์และรัฐมนตรีทั้ง 5 คน ผ่านไปด้วยความเรียบร้อย

ตามมาด้วยการร้องขอจากพรรคร่วมรัฐบาล ขอให้ พล.อ.ประยุทธ์ในฐานะนายกฯ ควรจะปรับภาพลักษณ์ของคณะรัฐมนตรี (ครม.) ด้วยการปรับ ครม.โดยเฉพาะรัฐมนตรีที่มีข้อครหาในเรื่องคดีความในอดีต หรือปรับเปลี่ยน และยกเครื่องการทำงานของรัฐมนตรีบางคน ที่อาจทำงานไม่เข้าเป้าด้วย

กระแสข่าวปรับ ครม.สะเทือนไปถึง ดร.สุวิทย์ เมษินทรีย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัย และนวัตกรรม (อว.) ที่แม้ไม่ได้เป็นหนึ่งในรัฐมนตรีที่ถูกอภิปรายไม่ไว้วางใจ แต่กลับมีข่าวลือหนาหูว่าอาจจะถูกปรับออกหากมีการปรับ ครม.

ดร.สุวิทย์แสดงความคิดเห็นในประเด็นนี้ว่า จากที่มีข่าวออกมาเป็นระยะๆ ว่ามีชื่อของตนติดอยู่ในโผถูกปรับออก หากถูกปรับออกด้วยเหตุผล 3 ข้อ คือ 1.ขาลอยในพรรคไม่ได้เป็น ส.ส.และไม่ได้จ่ายเงินให้พรรค 2.ไม่มีฐานเสียง ส.ส.ในมือ และ 3.ไม่เข้าพรรค และไม่มีพวกในพรรค

“ถ้าผมถูกปรับออกด้วยเหตุผลเหล่านี้ ประเทศไทยคงไม่มีทางหลุดจากวงจรอุบาทว์ทางการเมือง ที่สร้างปัญหาซ้ำซากแบบเดิม ที่ยังปรากฏอยู่ทุกวันนี้ได้ ผมเข้ามาเป็นรัฐมนตรีด้วยความตั้งใจ จริงใจ และทำงานอย่างสุดความสามารถ เพราะอยากเห็นประเทศชาติบ้านเมืองพัฒนาก้าวหน้าขึ้น” ดร.สุวิทย์ระบุ

ทั้งนี้ ดร.สุวิทย์ทิ้งท้ายไว้ว่า เคารพและเชื่อมั่นในการตัดสินใจของ พล.อ.ประยุทธ์เสมอ และเชื่อว่าหากจะปรับ ครม.ก็ต้องด้วยเหตุผลที่เป็นประโยชน์กับประเทศชาติ มากกว่าประโยชน์ของนักการเมือง

ณัฏฐพล ทีปสุวรรณ

 

ในประเด็นนี้ คนในแวดวงอุดมศึกษาต่างออกมาแสดงความคิดเห็นว่า “ไม่เห็นด้วย” หากจะปรับ ดร.สุวิทย์ออกในขณะนี้ และควรให้เวลาในการทำงานพิสูจน์ฝีมือ

อย่างนายจรูญ ถาวรจักร์ อธิการบดีมหาวิทยาลัยราชภัฏ (มรภ.) อุดรธานี ในฐานะประธานที่ประชุมอธิการบดีมหาวิทยาลัยราชภัฏ (ทปอ.มรภ.) ระบุว่า มองว่าการทำงานของนายสุวิทย์ในช่วง 7 เดือนที่ผ่านมา สามารถขับเคลื่อนอุดมศึกษาได้ในระดับหนึ่ง แต่หาก ครม.จะปรับนายสุวิทย์ออกนั้น ไม่ขอยุ่งในเรื่องนี้

ด้าน ผศ.ดร.อดิศร เนาวนนท์ อธิการบดี มรภ.นครราชสีมา ให้ข้อคิดเห็นว่า หลักคิดในการปรับ ครม.มาจากการอภิปรายไม่ไว้วางใจ หรือผลงานรัฐมนตรีในช่วงที่ผ่านมา ซึ่ง ดร.สุวิทย์ไม่ได้เข้าข่ายที่จะถูกปรับ เนื่องจากไม่ได้ถูกอภิปรายไม่ไว้วางใจ อีกทั้ง ดร.สุวิทย์มีเป้าหมายและนโยบายที่ชัดเจนว่าจะเดินหน้าพัฒนาเรื่องใดบ้าง แม้บางเรื่องอาจจะขับเคลื่อนไม่ได้มาก แต่ถือว่าการอุดมศึกษาพัฒนาไปได้ในระดับหนึ่ง ดังนั้น นายกฯ ไม่ควรปรับรัฐมนตรี อว.ออก ต้องให้โอกาสในการทำงานพัฒนาในสิ่งที่ยังขาดตกบกพร่องอยู่

“หากจะปรับ ควรปรับรัฐมนตรีที่ถูกอภิปรายไม่ไว้วางใจ หรือรัฐมนตรีที่อาจจะทำให้ภาพลักษณ์และประวัติเสื่อมเสียมากกว่า ในส่วนของ ดร.สุวิทย์ ผมเห็นว่าไม่ควรปรับออก ควรให้โอกาสในการทำงานต่อ แม้จะไม่มี ส.ส.ในมือก็ตาม” ผศ.ดร.อดิศรระบุ

ขณะที่ น.ท.สุมิตร สุวรรณ รองคณบดีฝ่ายบริหารคณะศึกษาศาสตร์และพัฒนศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ (มก.) วิทยาเขตกำแพงแสน กล่าวว่า ยังไม่ควรปรับนายสุวิทย์ออกในขณะนี้ เพราะยังเร็วเกินไปหากจะปรับ ครม. ควรให้เวลานายสุวิทย์ทำงานด้วย เพราะการศึกษาใช้เวลาพัฒนา 2-3 ปี กว่าจะเห็นผล จึงไม่เห็นด้วยถ้าจะปรับในเวลานี้

อย่างไรก็ตาม น.ท.สุมิตรเห็นว่า แต่ยังมีปัญหา 2 เรื่องที่อยากให้ ดร.สุวิทย์เข้ามาแก้ไข คือปัญหาธรรมาธิบาลภายในมหาวิทยาลัย โดยเฉพาะปัญหาอายุอธิการบดีที่อายุเกิน 60 ปี และปัญหาการจ่ายเงินเดือน ค่าจ้างของพนักงาน และบุคลากรในมหาวิทยาลัย ที่เป็นปัญหาเรื้อรังมานานกว่า 10 ปีแล้ว เพราะการพัฒนาการศึกษาจะต้องใช้บุคลากรของมหาวิทยาลัยทำงาน 80-90%

ดังนั้น ควรสร้างขวัญกำลังใจให้กับบุคคลเหล่านี้ด้วย

 

ด้าน “เสมา 1” นายณัฏฐพล ทีปสุวรรณ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) ออกมาพูดถึงการปรับ ครม.ผ่านการบรรยายพิเศษให้ผู้เข้าอบรมตามโครงการพัฒนานักบริหารระดับสูง (นบส.) ศธ.รุ่นที่ 10 ว่า ไม่รู้ว่าการปรับ ครม.จะเป็นอย่างไร แต่ถ้าให้ไปอยู่กระทรวงอื่น ขอไม่ไป ขออยู่ ศธ.เพราะคิดว่า 7 เดือนที่ผ่านมา เรากำลังทำงานปรับจูนกันได้ด้วยดี ดังนั้น หากไม่มีเรื่องผลประโยชน์ทับซ้อน ก็ไม่ต้องกังวลอะไร

ประเด็นนี้ ศ.ดร.สมพงษ์ จิตระดับ อาจารย์คณะครุศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เห็นว่า ระยะเวลา 7 เดือนที่ผ่านมา นายณัฏฐพลยังอยู่ในวิสัยที่ควรจะทำงานต่อ การเปลี่ยนรัฐมนตรีว่าการ ศธ.ในช่วงเวลานี้ ไม่เหมาะสม เพราะเมื่อรัฐมนตรีว่าการ ศธ.คนใหม่เข้ามา ก็ต้องเริ่มต้นงานใหม่อีกครั้ง

“เรื่องสำคัญขณะนี้ คือระบบการศึกษาที่จะต้องเปลี่ยนครั้งใหญ่ เพราะโครงสร้างแบบเดิมคือจำแล้วสอบ ที่ควรปฏิรูป และทำให้เกิดการเรียนรู้แบบใหม่ คือคิดแล้วปฏิบัติ รวมทั้งการปรับโครงสร้าง ศธ.ที่จะต้องมีความชัดเจนมากขึ้น รวมทั้งระบบหลักสูตรการเรียนรู้ ศธ.จะต้องให้นักเรียนเรียนในสิ่งที่จำเป็น ไม่ใช่จับยัดสิ่งต่างๆ ให้เด็กได้เรียน” ศ.ดร.สมพงษ์ระบุ

สอดคล้องกับ ผศ.ดร.อดิศรที่ระบุว่า ยังไม่เห็นแนวทางการทำงานที่ชัดเจนจากนายณัฏฐพล ว่าจะเปลี่ยน ศธ.เพื่อปฏิรูปประเทศอย่างไร มองว่าขณะนี้นายณัฏฐพลทำงานตามระบบราชการ คือแก้ปัญหาเฉพาะวันไป แต่น่าจะให้โอกาสนายณัฏฐพลทำงานไปสักระยะหนึ่ง เพียงแต่ว่าจะต้องขันน็อตให้หนัก ให้เห็นภาพที่จะใช้ ศธ.ในการขับเคลื่อนประเทศให้ชัดเจนมากกว่านี้ เพราะ ศธ.เป็นกระทรวงหลักในการพัฒนาประเทศ ที่จะต้องวางแผนพัฒนากำลังคนให้เห็นเป็นรูปธรรม

การปรับ ครม.ของ พล.อ.ประยุทธ์ อาจจะพิจารณาจากหลายปัจจัย ไม่ว่าจะเป็นการทำงาน หรือผลงานที่ผ่านมาของรัฐมนตรีในแต่ละกระทรวง นอกเหนือจากผลประโยชน์และข้อตกลง หรือโควต้าของพรรคการเมืองแล้ว ควรมองประโยชน์ของประชาชนเป็นหลัก!!

โดยเฉพาะกระทรวงที่เกี่ยวข้องกับการศึกษา ไม่ว่าจะเป็น ศธ.หรือ อว.ที่ต้องการคนสานต่อ และทำงานอย่างต่อเนื่อง

เพราะหากเปลี่ยนรัฐมนตรี ศธ.และ อว.ใหม่ในขณะนี้ การเดินหน้าพัฒนาการศึกษา อาจต้องเริ่มนับหนึ่งใหม่อีกครั้ง!!

 

ภาพ สุวิทย์ เมษินทรีย์-ณัฏฐพล ทีปสุวรรณ