ที่มา | มติชนสุดสัปดาห์ ฉบับวันที่ 20 - 26 มีนาคม 2563 |
---|---|
คอลัมน์ | จดหมาย |
เผยแพร่ |
จดหมาย
0 หน้ากาก-โง่เศรษฐศาสตร์
ข้าพเจ้าขอส่งเรื่อง
หน้ากากอนามัยหายไปไหน : รัฐโง่เศรษฐศาสตร์ เราจะตายกันหมด
มาให้ท่านพิจารณาลงหนังสือพิมพ์ของท่าน
ข้าพเจ้าเชื่อว่าจะเป็นประโยชน์ต่อประเทศชาติและประชาชน
ดังนี้
ในช่วงเดือนที่ผ่านมา หน้ากากอนามัยมีราคาสูงขึ้นมาก จากอันละประมาณ 50 สตางค์ถึงหนึ่งบาท ขึ้นมาเป็นอันละประมาณ 14 บาท
แต่ปัจจุบันนี้ปรากฏว่า อันละ 14 บาท ก็ยังหาคนขายไม่ได้เลย?
สาเหตุของการหายไปจากตลาดของหน้ากากอนามัยมาจากมาตรการหลักทั้ง 2 อันของรัฐบาลครับ
1.1 รัฐเข้าควบคุมราคาหน้ากากอนามัย (Price control) ห้ามขายเกินอันละ 2.50 บาท
1.2 รัฐบังคับให้โรงงานหน้ากากอนามัยส่งหน้ากากทุกชิ้นให้กับกระทรวงพาณิชย์บริหาร (Controlling Supply)
สำหรับคนที่ยังงงๆ ค่อยๆ อ่าน แล้วเพื่อนๆ จะร้องอ๋อเลย!
ผมจะเล่าให้เพื่อนๆ ฟังคร่าวๆ ว่า เศรษฐศาสตร์ของการขาดแคลนหน้ากากอนามัย มันเกิดขึ้นได้อย่างไร
ใครเรียนเศรษฐศาสตร์เบื้องต้นอาจยังจำเส้นอุปสงค์ (Demand) กับเส้นอุปทาน (Supply) ได้บ้าง
ถามว่า หน้ากากอนามัยแพงมันเกิดจากอะไร
เมื่อตลาดต้องการสินค้าตัวไหนมาก
เมื่อปริมาณของสินค้าเท่าเดิม ราคาของสินค้าตัวนั้นก็จะแพงขึ้นตามธรรมชาติ
เมื่อหน้ากากราคาสูงขึ้น วิธีแก้ราคาหน้ากากแพงมีวิธีเดียวครับคือ
เพิ่มปริมาณหน้ากากในตลาด
แต่สิ่งที่รัฐทำกลับทำให้ปริมาณหน้ากากน้อยลงไปอีก
อันที่ 1 คือควบคุมราคา ใครขายเกิน 2.50 บาท จับจริง เอาเข้าคุก
มาตรการนี้ทำให้คนดีๆ ไม่อยากทำผิดกฎหมาย
ตอนนี้ราคาตลาดมันเกิน 2.50 บาทไปแล้ว ใครจะเอาทองมาขายในราคาผ้าขี้ริ้ว
ตอนนี้ไม่มีร้านไหนขายในราคานี้แล้วครับ
คนที่ขายหน้ากากเลยหนีไปอยู่ในตลาดมืดทั้งหมด
เลยเกิดคนอย่าง #บอยหน้ากากเยอะ ขึ้นมา
ส่วนมาตรการอันที่ 2
คือการบังคับให้ส่งหน้ากากเข้ารัฐนั้นทำลายระบบกระจายสินค้าทั้งหมด (supply chain)
ลองคิดดู
ข้าราชการกระทรวงพาณิชย์เกิดมาไม่เคยส่งหน้ากากจะบริหารหน้ากากส่งไปให้โรงพยาบาลรัฐ รวมถึงร้านขายยาทั่วประเทศที่เป็นที่พึ่งหลักในการขายให้แก่ประชาชนทั่วประเทศ
ข้าราชการในกระทรวงจะส่งสินค้าไปร้านพวกนี้ได้ยังไง?
(ดีไม่ดีเกิดคนใกล้ชิดในกระทรวงจะแอบเอาหน้ากากไปขายเสียเองแบบที่ลือกันอยู่ จะซวยกันทั้งประเทศ)
แล้วถามว่า เราต้องทำยังไงครับ หน้ากากถึงจะหาซื้อได้
ทำยังไงหน้ากากถึงจะถูกลง
คำตอบสั้นๆ คือ
เราต้องเพิ่มแรงจูงใจให้ผู้ประกอบการและผู้นำเข้าหน้ากากให้เขานำหน้ากากมาขายให้ประชาชนได้โดยง่าย
- เลิกมาตรการควบคุมหน้ากากอนามัยทันที
- เปิดเสรีนำเข้าหน้ากากโดยเร็ว ทั้งลดอัตราภาษีนำเข้าเหลือ 0% และยกเลิกพิธีการศุลกากรของหน้ากากอนามัยและสินค้าที่เกี่ยวข้องทันที
- ลดภาษีเงินได้นิติบุคคลจากการขายหน้ากากและสินค้าที่เกี่ยวข้องทั้งหมด
- เปิดเสรีใบอนุญาตโรงงานทำหน้ากากและสินค้าที่เกี่ยวข้องทั้งหมด
- เพิ่มเครดิตภาษีให้กับผู้ประกอบการที่มียอดจำหน่ายหน้ากากอนามัยและสินค้าที่เกี่ยวข้อง
เช่น สามารถนำไปหักค่าใช้จ่ายจากโรงงานที่ผลิตหน้ากากเพื่อลดภาษีจากผลิตภัณฑ์ชนิดอื่นได้สองเท่า
ถ้าเราสามารถทำได้ดังนี้ กำไรของผู้ผลิตจะมากขึ้น ผู้ผลิตรายเก่าก็จะเริ่มผลิตมากขึ้น รวมถึงอาจมีผู้ผลิตรายใหม่ที่อยากทำกำไรเข้ามาขายแข่งบ้าง
ซึ่งเมื่อเวลาผ่านไป ปริมาณของสินค้าในตลาดจะเพิ่มขึ้น ราคาก็จะลดลงมาโดยธรรมชาติเช่นกัน
แต่ถามว่าทำไมราคาหน้ากากยังไม่ลด เพราะที่ผมเล่าให้ฟังคือตลาดระยะยาวครับ
ตอนนี้มันถึงกลางเรื่องเท่านั้นเอง คือความต้องการเพิ่ม ราคาขึ้น แต่ผู้ผลิตยังไม่ทันจะผลิตเพิ่ม
รัฐก็ไม่ยอมให้ตลาดทำงานเสียแล้ว
ถ้าสถานการณ์ยังเป็นแบบนี้นะครับ จ้างให้ก็ไม่มีใครเข้าตลาด อยู่ดีๆ ผู้ประกอบการที่ไหนจะอยากเอาหัวไปเสี่ยงในตะราง
ตอนนี้แค่บอกว่า โรงงานผมทำหน้ากากอนามัยก็เข้าคุกไปครึ่งตัวแล้วครับ
(นอกจากเจ้าสัวที่เงินเหลือ อยากจะได้พีอาร์เท่ๆ ก็แค่นั้นเอง)
นายคริส โปตระนันทน์
ในภาวะแตกตื่น
ไม่รู้จะมีสมาธิอ่านกันหรือเปล่า
แต่ก็หวังว่า คนไทยจะดึงสติกลับคืนโดยไว
เพื่อที่จะ มตกม-ไม่ตายกันหมด
ด้วยการยืนบนขาพวกเราเอง
ส่วนรัฐบาล—ปล่อยลุงเขาเถอะ