วิถีแห่งกลยุทธ์ เหมยฉางซู เสถียร จันทิมาธร / หวนนึกถึงอดีต 10 กว่าก่อน (36)

เสถียร จันทิมาธร

วิถีแห่งกลยุทธ์ เหมยฉางซู/เสถียร จันทิมาธร

หวนนึกถึงอดีต 10 กว่าก่อน (36)

 

ไม่ว่าเย่วกุ้ยเฟยจะออกรับแทนรัชทายาทอย่างไร แต่เท่าที่ประมวลสภาพการณ์ในเบื้องต้น จักรพรรดิเหลียงมีบทสรุปน่าสนใจ

เริ่มจาก “หากรัชทายาทเป็นผู้บริสุทธิ์ ไฉนตั้งแต่แรกที่เข้ามาจึงไม่โต้แย้งแก้ต่างสักคำ”

ตามมาด้วย “รัชทายาทมีฐานะเป็นผู้สืบทอดราชบัลลังก์ จะมีใครกล้าลอบกัด เจ้าเป็นถึงพระมารดา สมควรอบรมสั่งสอนให้ลูกกอปรด้วยทศพิธราชธรรม สำนึกในหน้าที่รับผิดชอบ แบ่งเบาภาระเสด็จพ่อ เป็นที่เทิดทูนของขุนนางและไพร่ฟ้าประชาชน

เช่นนี้จึงเรียกว่าปรารถนาดีต่อบุตร แต่แล้วเจ้าทำอะไร

เรื่องต่ำช้า ไร้จิตสำนึกเช่นนี้เจ้ายังทำออกมาได้ หากวันนี้หนีหวงต้องมีอันเสื่อมเสีย เกรงว่าเจ้าตายร้อยครั้งก็ยังไถ่บาปไม่หมด แม้แต่ชื่อเสียงฐานะของรัชทายาทก็พลอยเดือดร้อนไปด้วย ช่างโง่เขลาจริงๆ โง่เขลาสิ้นดี”

กระนั้น ท่าทีของจักรพรรดิก็บ่งบอกให้เห็นความเอนเอียงอย่างเห็นได้ชัด อาจจะว่ากล่าวเย่วกุ้ยเฟยหนักหนาสาหัส แต่ก็แตะไปยังรัชทายาทเพียงเบาบาง

คนที่อยู่เบื้องพระพักตร์มองเห็นได้ไม่ยากว่าทิศทางการลงโทษจะดำเนินไปอย่างใด

 

เริ่มจากซือหม่าเหลยที่ถูกกล่าวโทษว่า “คนนอกรุกล้ำเขตพระราชฐาน” ให้ส่งตัวไปทำงานชั้นต่ำที่ชายแดน ส่วนซือหม่าไท่เว่ย บิดาของผู้กระทำผิด ให้ลดตำแหน่งและงดจ่ายเบี้ยหวัด

ตรงกันข้าม กรณีของเย่วกุ้ยเฟยกลับสร้างความหนักพระทัยให้กับจักรพรรดิ

สตรีนางนี้เข้าวังตั้งแต่แรกรุ่น หลายปีผ่านไปความโปรดปรานมิได้เสื่อมคลาย ชั้นฐานะเพียงต่ำกว่าหวงโฮ่วเท่านั้น

ซ้ำยังเป็นมารดาผู้ให้กำเนิดรัชทายาท

หากลงโทษสถานหนักกลับมิอาจหักพระทัย หากลงโทษสถานเบา หนีหวงจวิ้นจู่คงผิดหวัง ยิ่งไปกว่านั้น สายตาหลายคู่กำลังจับจ้องอยู่ ดังนั้น คำ “เที่ยงธรรม” ย่อมไม่อาจละเลย ไม่ไตร่ตรอง

ขณะที่ยังทรงลังเล รัชทายาทพลันโถมกายคุกเข่าแทบพื้น

“ลูกยินดีชดเชยความผิดต่อจวิ้นจู่แทนพระมารดา เสด็จพ่อได้โปรดเห็นแก่พระมารดาที่ปรนนิบัติรับใช้มานานปี ลงโทษสถานเบา”

“ทรพี” จักรพรรดิเหลียงยกพระบาทถีบโครมจนรัชทายาทล้มกลิ้ง

“แม่เจ้าทำเรื่องเลอะเลือนเช่นนี้ออกมา เจ้ายังคิดวิงวอนขอร้องอีกหรือ ความกตัญญูของเจ้าไปอยู่เสียที่ไหนแล้ว”

รัชทายาทคร่ำครวญหวนไห้

 

จักรพรรดิเหลียงพลันรู้สึกพระสติพร่าเลือน พระอุระเจ็บปวดรวดร้าวปานประหนึ่งถูกบดด้วยเครื่องโม่ เงาร่างที่จงใจลบเลือนมานานปีพลันผุดขึ้นในห้วงสมอง

เป็นการคำนึงนึกถึง “อดีต”

บุคลิกสูงสง่า ใบหน้าหล่อเหลา สีหน้าเย่อหยิ่งเย็นชา และดวงตาร้อนแรงดังเปลวไฟอันคุโชน หากคนผู้นั้นเข้ามาหมอบซบ

ร่ำไห้น้ำตารินไหลเหมือนกับจิ่งเซวียนตอนนี้

ตนใช่ใจอ่อนหรือไม่ ใช่รั้งร่างนั้นเข้ามาในอ้อมกอดอีกครั้งหรือไม่ เสียดายที่กาลเวลาดั่งสายน้ำไหลไม่อาจหวนคืน

อาจบางทีเป็นเพราะความทุกข์ขมเร่งเร้าให้เส้นผมหงอกขาว

ก้าวล่วงสู่วัยชราจึงค่อยตระหนักถึงการลงโทษซึ่งหนักหน่วงรุนแรงใน “ปีนั้น” วอดวายดับสูญไม่เพียงแค่คนคนหนึ่ง

แต่ยังกลายเป็นบาดแผลเสียดลึกกลางใจคน

พระหัตถ์สั่นเทาของจักรพรรดิเหลียงลูบไล้เหนือศีรษะของรัชทายาท ก่อนจะเปล่งประกาศออกมาชัดถ้อยชัดคำ

“สตรีสกุลเย่วไร้ซึ่งคุณธรรม พฤติกรรมต่ำช้า ขัดต่อกฎมณเฑียรบาล ไม่อาจอภัย

นับแต่วันนี้ให้ปลดจากตำแหน่งกุ้ยเฟย ลดชั้นยศเป็นผิน (สนมชั้นล่าง) ลดเบี้ยหวัดและสิทธิต่างๆ ตามชั้นยศ และให้ยายไปอยู่ในเรือนซิงหลีเพื่อสำนึกตัว ไม่มีราชโองการไม่อนุญาตให้ออกมาโดยพละการ”

จักรพรรดิเหลียงตรัสช้าๆ ทีละคำ จากนั้นถลึงพระเนตรดุดันใส่รัชทายาท

“ส่วนเจ้า ให้กักบริเวณห้ามออกจากตำหนักตะวันออกเป็นเวลา 3 เดือน ตั้งใจเล่าเรียนเขียนอ่านให้สมกับเป็นองค์รัชทายาท ต่อไปถ้ายังเกี่ยวข้องกับเรื่องราวต่ำช้าเช่นนี้อีกจะถูกลงโทษสถานหนัก”

โทษหนักอยู่กับเย่วกุ้ยเฟย โทษสถานเบาอยู่กับรัชทายาท

 

เหมือนกับชัยชนะจะเป็นของหนีหวงจวิ้นจู่ เหมือนกับชัยชนะจะเป็นของหวงโฮ่วและอวี้หวัง 2 แม่ลูก เหมือนกับชัยชนะจะเป็นของเหมยฉางซู

เหมยฉางซูซึ่งเป็นผู้กำหนดกลยุทธ์ แก้เกมอย่างรวดเร็วฉับไว

ประสานจากจิ้งหวัง ประสานไปยังองค์หญิงจิ่งหนิง ประสานและสั่งการให้สมุหราชองครักษ์เหมิงจื้อดักหน้าดักหลัง

แต่แล้วจักรพรรดิเหลียงก็ทรงกวาดพระเนตรขึงขังไปหยุดลง ณ ร่างของจิ้งหวังพร้อมกับสำทับ

“เจ้ารู้ตัวหรือไม่ว่ามีความผิด”