ที่มา | มติชนสุดสัปดาห์ ฉบับวันที่ 6 - 12 มีนาคม 2563 |
---|---|
คอลัมน์ | เปลี่ยนผ่าน |
ผู้เขียน | เบญจพร ศรีดี |
เผยแพร่ |
เปิดศักราชใหม่ไม่ถึง 2 เดือน “ปีหนูทอง” ก็กลายเป็น “หนูไฟ” ที่ร้อนแรงกับคดีอาชญากรรมสะเทือนสังคมที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง
ตั้งแต่คดีของนายประสิทธิชัย เขาแก้ว หรือ ผอ.กอล์ฟ ที่ก่อคดีกราดยิงชิงทองกลางห้างสรรพสินค้าใน จ.ลพบุรี และตามกันมาติดๆ กับโศกนาฏกรรม 30 ศพ ในคดี จ.ส.อ.จักรพันธ์ ถมมา เจ้าหน้าที่ทหารกราดยิงประชาชนที่ห้างสรรพสินค้า จ.นครราชสีมา
“หนุมาน (HANUMAN)” หน่วยปฏิบัติการพิเศษน้องใหม่ของกองบังคับการปราบปราม ได้เข้าร่วมปฏิบัติการพิเศษในคดีเหล่านี้ และภายหลังปฏิบัติการจบลง “หน่วยหนุมาน” ก็ถูกพูดถึงอย่างมากในโซเชียลมีเดีย
ทีมงานเพจเฟซบุ๊ก Feed จึงได้ไปพูดคุยกับ “พ.ต.อ.วิจักขณ์ ตารมย์” ผู้กำกับการกองกำกับการสนับสนุน กองบังคับการปราบปราม หรือ “หัวหน้าหน่วยหนุมาน”
ถึงที่มาที่ไปของหน่วยปฏิบัติการพิเศษนี้
พ.ต.อ.วิจักขณ์เล่าว่า “หน่วยหนุมาน” ถูกจัดตั้งขึ้นหลังมีการปรับเปลี่ยนโครงสร้าง เพื่อทดแทน “หน่วยคอมมานโด” ของกองกำกับการปฏิบัติการพิเศษ กองบังคับการปราบปราม ที่ถูกยกระดับขึ้นเป็นกองบังคับการตำรวจมหาดเล็กราชวัลลภรักษาพระองค์ 904
หน้าที่หลักของ “หน่วยหนุมาน” คือสนับสนุนภารกิจของกองกำกับการตัวเลข หรือกองกำกับการ 1-6 กองบังคับการปราบปราม ในการปราบปรามอาชญากรรมที่มีความรุนแรงทั่วประเทศ เช่น ผู้มีอิทธิพลและกลุ่มมือปืน
สนับสนุนยุทโธปกรณ์ที่มีอานุภาพร้ายแรงกว่าปกติในการคลี่คลายสถานการณ์ต่างๆ อาทิ ปฏิบัติการพิเศษต่อต้านภัยคุกคามที่เป็นการก่อการร้าย การช่วยเหลือตัวประกัน การควบคุมการก่อจลาจล รักษาความปลอดภัยบุคคลสำคัญ
รวมถึงภารกิจรถวิทยุสายตรวจ งานเครื่องมือพิเศษ งานวิเคราะห์ และงานรักษาการณ์ด้วย
ส่วนที่มาของชื่อ “หนุมาน” นั้นเกิดจากแนวคิดของ “พล.ต.ต.จิรภพ ภูริเดช” ผู้บังคับการกองปราบปราม ที่ต้องการตั้งชื่อหรือนามเรียกขานหน่วยปฏิบัติการพิเศษให้มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว โดยมีการเสนอชื่อที่หลากหลาย ก่อนมาลงตัวที่ชื่อ “หนุมาน”
เนื่องจากกองบังคับการปราบปรามอยู่ภายใต้กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง มีผู้บังคับบัญชาสูงสุดคือผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ซึ่งมีฉายาว่า “นารายณ์ 1” มีร่างอวตารคือ “พระราม” และมีทหารเอกคู่ใจคือ “หนุมาน”
เมื่อพิจารณาคุณลักษณะของ “หนุมาน” ตามวรรณคดีพบว่าเป็นทหารเอกที่มีความเฉลียวฉลาด คล่องแคล่ว ว่องไว ซื่อสัตย์ มีอิทธิฤทธิ์ สามารถสู้รบกับ “ทศกัณฐ์” และบรรดายักษ์ต่างๆ ตรงตามคุณสมบัติของหน่วยปฏิบัติการพิเศษนี้พอดี
ส่วนสีของชุดที่หลายคนมองว่ามีสีที่แตกต่างจากหน่วยปฏิบัติการอื่นๆ นั้นก็มีที่มาที่ไป โดย พ.ต.อ.วิจักขณ์เล่าว่า สีชุดที่หน่วยหนุมานใส่ปฏิบัติงานเรียกว่าสี “Wolf Gray” ซึ่งเป็นสีที่ศึกษามาจากหน่วยปฏิบัติการพิเศษในต่างประเทศ ว่ามีความเหมาะสมกับการปฏิบัติภารกิจในเขตเมือง
“หน่วยหนุมาน” จึงเลือกเครื่องแต่งกายสีนี้
“หน่วยหนุมาน” เพิ่งก่อตั้งขึ้นอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 1 ตุลาคม 2562 มีกำลังพลอยู่ 40 นาย คัดเลือกจากเจ้าหน้าที่ภายในกองบังคับการปราบปราม ทั้งชั้นสัญญาบัตรและชั้นประทวน
โดยทั้งหมดผ่านหลักสูตรปฏิบัติการพิเศษของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ประกอบด้วย หลักสูตรการต่อต้านการก่อการร้าย หน่วยอรินทราช 26, หลักสูตรการต่อต้านการก่อการร้าย นเรศวร 261 และหลักสูตรสวาทขั้นชำนาญการ swat advance และพิจารณาประสบการณ์ทำงานร่วมด้วย
“ผมพูดไปหลายครั้งว่า สิ่งแรกที่ผมคัดคนเข้ามาแล้วเสนอผู้บังคับการ อันดับแรกหรือด่านแรกคือเรื่องของจิตใจ จะต้องเป็นคนที่ชอบแล้วก็รักในปฏิบัติการพิเศษอย่างนี้ เพราะเป็นงานที่เสี่ยงและอันตราย อันดับสองคือร่างกาย นอกจากความแข็งแรง ร่างกายจะต้องคล่องแคล่ว ว่องไว ปราดเปรียว และต้องมีความรู้ มีปฏิภาณไหวพริบด้วย” พ.ต.อ.วิจักขณ์กล่าว
มาตรฐานคัดกรองบุคลากรที่เข้มข้น การันตีได้จากรางวัลที่หน่วยหนุมานได้รับเมื่อเร็วๆ นี้ หลังไปร่วมแข่งขันรายการ SWAT Challenge 2019 ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ที่ศูนย์ฝึกยุทธวิธีตำรวจกลาง หนองสาหร่าย จ.นครราชสีมา ซึ่งเป็นการแข่งขันระหว่างหน่วยปฏิบัติการพิเศษทั่วประเทศ
ผลการแข่งขันปรากฏว่า “หน่วยหนุมาน” สามารถทำคะแนนได้เป็นอันดับที่ 3 เรียกว่าถึงจะเป็นน้องใหม่แต่ไฟแรงสุดๆ
ปัจจุบัน “หน่วยหนุมาน” แบ่งเจ้าหน้าที่ออกเป็น 4 ชุดปฏิบัติการ ซึ่งกำลังพลทุกนายจะต้องผ่านการฝึกฝนร่างกายและยุทธวิธี เช่น การยิงปืน การใช้ยุทโธปกรณ์ที่ร้ายแรง การต่อสู้ป้องกันตัวโดยใช้อุปกรณ์ต่างๆ และฝึกร่วมกับหน่วยงานต่างประเทศ โดยจะมีการทดสอบร่างกายทุกเดือน
“เราถูกฝึกมาเพื่อปฏิบัติงานด้านนี้โดยเฉพาะ เพื่อให้เกิดความเคยชิน เราจะออกกำลังกายทุกเช้า-เย็นด้วยการวิ่งและฟิตเนสตามหลักวิทยาศาสตร์การกีฬา เพื่อพัฒนาร่างกายให้รวดเร็วถูกต้องตามหลักการ ซึ่งไม่ได้กำหนดว่าแต่ละนายจะต้องออกกำลังกายมากน้อยเท่าไหร่ แต่ทุกนายจะต้องผ่านเกณฑ์การทดสอบร่างกาย” หัวหน้าหน่วยหนุมานระบุ
ส่วนสาเหตุที่จะต้องปกปิดใบหน้าของตำรวจ “หน่วยหนุมาน” นั้นก็เพื่อความปลอดภัยของเจ้าหน้าที่ เนื่องจากการเข้าปฏิบัติงานต่างๆ ย่อมมีทั้งคนชอบและไม่ชอบ กำลังพลไม่สามารถระวังตัวได้ตลอด 24 ชั่วโมง นอกจากนี้ ยังมีประเด็นความปลอดภัยของบุคคลใกล้ชิดเจ้าหน้าที่ด้วย
พ.ต.อ.วิจักขณ์แสดงความเห็นว่า ปัจจุบันหากพิจารณาจากข่าวที่สื่อมวลชนนำเสนอรายวัน ทั้งคดีชิงทรัพย์ ปล้นทรัพย์ ฆาตกรรม รวมไปถึงคดีความรุนแรงภายในครอบครัว จะพบว่าการก่อเหตุในคดีเหล่านี้มีความรุนแรงและอุกอาจมากขึ้นเรื่อยๆ
นั่นคือหนึ่งในสาเหตุสำคัญที่ “หน่วยหนุมาน” จะต้องฝึกฝนตัวเองอย่างหนักเพื่อรองรับสถานการณ์เหล่านี้ จึงขอให้ประชาชนมั่นใจว่าเจ้าหน้าที่หน่วยนี้และหน่วยปฏิบัติการพิเศษทุกหน่วยเป็นมืออาชีพที่พร้อมดูแลประชาชน โดยยึดมั่นตามหลักปฏิบัติ “มืออาชีพ เป็นกลาง เคียงข้างประชาชน”
“ตำรวจเราก็มีต้นทุนต่ำมาตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้ว อย่างตัวผมเองเติบโตมาจากครอบครัวตำรวจ พ่อก็เป็นตำรวจ พอเรามาเป็นตำรวจเอง เราก็รู้อยู่อย่างหนึ่งว่า ที่เรามาเป็นเพราะว่าเราชอบ เรารักในอาชีพนี้ ยิ่งได้ทำงานก็ยิ่งรักมากขึ้นไปอีก
“ผมพูดกับตัวเองตลอดว่าเรามีต้นทุนทางสังคมต่ำ ถึงแม้ประชาชนอาจจะมีทัศนคติที่ไม่ดี เราไม่ต้องไปคาดหวังให้ใครมาชอบ แต่ถ้าเราทำงานให้ประชาชนอย่างเต็มกำลังความสามารถ เดี๋ยวผลที่ดีมันจะตอบกลับมาเอง ผมให้แนวคิดนี้กับลูกน้องตลอดเสมอ”
พ.ต.อ.วิจักขณ์ ตารมย์ กล่าวทิ้งท้าย