พิษ IO กำลังทิ่มแทงรัฐบาลกลาง และหน่วยความมั่นคงชายแดนภาคใต้

ด้วยพระนามของอัลลอฮฺผู้ทรงเมตตากรุณาปรานีเสมอ ขอความสันติและความจำเริญแด่ศาสนทูตมุฮัมมัด ผู้เจริญรอยตามท่านและสุขสวัสดีผู้อ่านทุกท่าน

1 มีนาคม 2563

อาจารย์ศิโรตม์ คล้ามไพบูลย์ รายงานทาง VOICE TV ว่า “ม็อบจุดติด นักศึกษานัดชุมนุมใหญ่ เดินหน้าทวงประชาธิปไตย ประชาชนเป็นใหญ่ในแผ่นดิน #คืนสู่เหย้าไม่เอาไอโอชา #เสาหลักจะไม่หักอีกต่อไป #ธรรมศาสตร์และการชุมนุม”

คำว่าไม่เอาไอโอชา น่าจะเป็นผลการอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลของนายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร ส.ส.พรรคอนาคตใหม่ (อดีต) ที่เปิดโปงว่ารัฐใช้งบประมาณอันเป็นภาษีประชาชนมาสร้างความเกลียดชัง ประชาชนเจ้าของเงิน ตลอดระยะเวลารัฐบาล คสช. และรัฐบาลประยุทธ์ปัจจุบัน” (โปรดดู https://youtu.be/KvCxJTqhrJw)

การอภิปรายครั้งนี้ทำให้รัฐออกมายอมรับอย่างชัดเจนแล้วว่าเอาเงินภาษีพวกชาวประชามาทำ IO (โปรดดู https://www.matichon.co.th/politics/news_2008868) และข้อกล่าวหา IO ที่อภิปรายในสภาผู้แทนราษฎรครั้งนี้สอดคล้องกับบทความผู้เขียนในมติชนเมื่อปีที่ผ่านมา (โปรดดู https://www.matichonweekly.com/column/article_160319)

โดยรัฐอ้างว่าเพื่อความมั่นคง เพื่ออธิบายความจริงอีกด้านให้กับประชาชน

ทั้งที่คนที่โดน IO จากชายแดนภาคใต้ไม่ว่านักสิทธิมนุษยชน อย่างคุณพรเพ็ญ คุณอังคณา คุณอัญชนา หีมมีนะ

คุณสมชาย หอมละออ คนเห็นต่างจากรัฐ อย่างอาเต็ฟจาก Permas คนเคลื่อนไหวด้านสิ่งแวดล้อมอย่างหมอสุภัทร ฮาสุวรรณกิจ นักการเมืองใหญ่อย่างอาจารย์วันมูหะมัดนอร์ มะทา นักการเมืองเล็กอย่างทวีศักดิ์ และคนทำการศึกษาจากสมาพันธ์โรงเรียนเอกชน ภาคใต้ (สอนศาสนาและปอเนาะ) อย่างนายขดดะรี บินเซ็น เป็นต้น

ซึ่งในรายละเอียดความรู้สึกแต่ละคนแต่ละกลุ่มคงไม่ขอพูดถึง แต่จะขอพูดถึงคนที่ขับเคลื่อนการศึกษาจากสมาพันธ์โรงเรียนเอกชนภาคใต้ นายขดดะรีและคณะ รวมทั้งผู้เขียนเมื่อครั้งออกมาแถลงข่าวต่อสู้กับรองแม่ทัพภาคที่ 4 เมื่อปี 2562 เรียกร้องความเป็นธรรม 7 ข้อ อาทิ

1.ขอให้หน่วยงานรับผิดชอบให้เข้าตรวจสอบอย่างเป็นธรรมทุกสังกัด ไม่เฉพาะเจาะจงโรงเรียนเอกชนสอนศาสนาอิสลาม ด้วยความโปร่งใส ตรวจสอบได้ภายใต้กฎหมายไทย และต้องเป็นคำสั่งที่ชอบด้วยกฎหมาย ไม่เลือกปฏิบัติ ไม่ละเมิดสิทธิมนุษยชน

ดังนั้น คำสั่งใดที่ไม่เป็นธรรมขอให้ยกเลิก และสมาคมสมาพันธ์โรงเรียนเอกชนสอนศาสนาอิสลามจังหวัดชายแดนภาคใต้จะยื่นฟ้องศาลปกครองเพื่อสั่งคุ้มครองชั่วคราว

2. ดำเนินคดีและสั่งย้ายผู้บริหารระดับสูงของหน่วยความมั่นคง ที่ใช้อำนาจที่ไม่ชอบด้วยกฎหมายและละเมิดสิทธิมนุษยชนโรงเรียนเอกชนสอนศาสนาอิสลาม (ซ้ำซาก) เพื่อจะไม่เป็นปัจจัยเอื้อทำให้ปัญหาไฟใต้ลุกลามต่อไป สมาคมสมาพันธ์โรงเรียนเอกชนภาคใต้ยินดีร่วมมือกับทุกภาคส่วนในการแก้ปัญหาและการพัฒนาจังหวัดชายแดนภาคใต้ผ่านมิติการศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม

หากดูข้อเรียกร้องดังกล่าว สำหรับสื่อมืออาชีพควรไปสอบถามฝ่ายรัฐว่าจริงหรือไม่อย่างไรที่เขาแถลงข่าว แต่เว็บ pulony กลับเขียนบทความดิสเครดิตกล่าวหาคนออกมาเรียกร้องต่างๆ นานา ปกป้องรองแม่ทัพ เหมือนกับบทความอื่นๆ ที่ทำบุคคลที่ผู้เขียนกล่าวถึงข้างบน

เมื่อวันนี้ความจริงปรากฏว่าเว็บไซต์ pulony นี้เอาภาษีพวกเรามาโจมตี สร้างปีศาจให้คนเข้าใจผิดเรา ปอเนาะ โต๊ะครู คนทำการศึกษาและปกป้องคนของรัฐ (โปรดดูใน http://pulony.blogspot.com/2019/04/?m=1)

ดังนั้น เมื่อความจริงปรากฏ จึงขอเรียกร้องผู้รับผิดชอบสูงสุดที่อยู่เบื้องหลังเว็บไซต์นี้แสดงความรับผิดชอบทั้งทางวินัยและอาญา รวมทั้งเยียวยา เรียกร้องทุกท่านทุกองค์กรออกมาฟ้องร้อง ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อผู้รับผิดชอบให้ถึงที่สุด และอย่าลืมแคปหน้าจอหลักฐานที่ละเมิดท่านก่อนเว็บไซต์นี้จะถูกปิด ซึ่งสอดกับแถลงการณ์ 33 องค์กรสิทธิฯ – เอ็นจีโอ จี้สอบสวนและยุติ IO โจมตีนักปกป้องสิทธิมนุษยชน (https://prachatai.com/journal/2020/02/86571)

อีกประการของทางออกหากรัฐบอกว่าต้องการชี้แจงความจริงต้องไม่อำพราง ไม่เอาบทความใช้นามแฝงมาลง แล้วกล่าวหาคน

ที่สำคัญ รัฐมีสื่อทางการในมือสามารถชี้แจงความจริง ลงชื่อให้ชัดว่ามาจากไหน ใครเขียน

มิฉะนั้นพิษ IO ครั้งนี้จะทิ่มแทงหน่วยความมั่นคงชายแดนภาคใต้และลุกลามเป็นไฟลามทุ่งในการสร้างความชอบธรรมให้นักศึกษาออกมา Flash Mob ไล่รัฐบาลกลางประยุทธ์

ซึ่งอย่าประมาทนักศึกษายุคดิจิตอลที่ต่างจากสมัยอดีตที่การสื่อสารไม่รวดเร็วขนาดนี้

อนึ่ง เวลา 15.30 น.ของวันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2563

เลขาธิการ กอ.รมน.

แถลงข่าวปฏิเสธเว็บ polony ไม่ใช่ของ กอ.รมน. ไม่ทราบเป็นของใคร

#มีคำถามว่า “ทำงานระดับข่าวกรองกุมความมั่นคงยังไม่ทราบเป็นของใคร” แล้วใครจะทราบ? https://www.matichon.co.th/politics/news_2010007