เผยแพร่ |
---|
จังหวะก้าวของพรรคประชาธิปัตย์ ไม่ว่าจะในเรื่องอันเป็นผลสะเทือนจากญัตติขอเปิดอภิปรายทั่วไปเพื่อลงมติไม่ไว้วางใจ ไม่ว่าจะในเรื่องอันเป็นผลสะเทือนจากหน้ากากอนามัย
เป็นจังหวะก้าวที่จะชี้ทิศทางข้างหน้าของพรรคประชาธิปัตย์เป็นอย่างดีว่าจะรุ่งหรือจะร่วง
เหมือนกับทั้งหมดนี้จะเป็นปัญหา “ภายใน” ของพรรคประชาธิปัตย์ เป็นการตัดสินใจของคนพรรคประชาธิปัตย์ แต่ในสถานะอันเป็นสถาบันนี่ย่อมสัมพันธ์กับสังคมภายนอก
ไม่เพียงเพราะว่าการตัดสินใจจะกระทบต่อการดำรงอยู่ของรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา หากแต่ยังสัมพันธ์กับการดำรง อยู่ของพรรคประชาธิปัตย์
โดยเฉพาะการดำรงอยู่ของ นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฎ์
ต้องยอมรับว่าปัญหาของพรรคประชาธิปัตย์เกิดขึ้นและดำรงอยู่ตั้งแต่ก่อนการเลือกตั้งเมื่อเดือนมีนาคม ๒๕๖๒
สัมพันธ์กับปมจะเอาหรือไม่เอา พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา
สัมพันธ์กับการลาออกของ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ และสัมพันธ์กับการเข้ามาของ นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฎ์
สัมพันธ์กับการตัดสินใจเมื่อเดือนมิถุนายน
เพราะว่าการตัดสินใจเมื่อเดือนมิถุนายนที่จะขานชื่อ พล.อ.ประ ยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกรัฐมนตรีนั้นสัมพันธ์กับเงื่อนไข ๔ ข้อของพรรคประชาธิปัตย์
และนี่คือ “บ่วง” ซึ่งกำลังมัดคอพรรคประชาธิปัตย์อย่างสำคัญ
ไม่ว่าด้วยเรื่องทุจริตคอรัปชั่นของรัฐมนตรี ไม่ว่าด้วยเรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญเป็น”นโยบายเร่งด่วน”
นี่คือปัญหาของ”บ้านเมือง” นี่คือปัญหาของ”ประชาธิปัตย์”
กล่าวไปแล้วสถานการณ์ในปัจจุบันทำให้พรรคประชาธิปัตย์ต้องออกมายืนอยู่บนทาง ๒ แพร่ง
ถามว่าพรรคประชาธิปัตย์มีทางเลือกหรือไม่
ตอบได้เลยว่า พรรคประชาธิปัตย์มีทางเลือกอย่างเต็มเปี่ยม เพียงแต่จะเลือกอย่างไรเท่านั้นเอง
เลือกที่จะพายเรือให้โจรนั่ง หรือขจัดโจรออกไป
คำถามนี้อาจเริ่มต้นจากสังคม “ภายนอก” แต่ก็ส่งผลสะเทือนเข้าไปยัง “ภายใน” พรรคประชาธิปัตย์แล้ว
คำถามนี้จะชี้”อนาคต”ให้กับ “พรรคประชาธิปัตย์”