ที่มา | มติชนสุดสัปดาห์ ฉบับวันที่ 28 กุมภาพันธ์ - 5 มีนาคม 2563 |
---|---|
คอลัมน์ | ต่างประเทศอินโดจีน |
เผยแพร่ |
ดราม่าการเมืองที่กัวลาลัมเปอร์ในยามนี้ ดูทีท่าว่าจะเป็นเครื่องพิสูจน์ได้เป็นอย่างดีถึงคำกล่าวที่ว่า อันว่า “เสือ” นั้น ถึงแม้จะแก่ชรา เขี้ยวเล็บผุกร่อนไปมากมายเพียงใดก็ไม่มีวันทิ้ง “ลาย”
จุดเริ่มต้นของเรื่องราวเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 23 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา เมื่อจู่ๆ อันวาร์ อิบราฮิม ประธานพรรคพีเคอาร์ที่ผ่านประสบการณ์ทั้งรัก ทั้งชัง ทั้งผิดหวัง สมหวัง กับ ตุน มหาธีร์ โมฮัมหมัด นายกรัฐมนตรีวัย 94 มามากครั้ง ออกมาให้สัมภาษณ์ว่า ถูกนักการเมืองทั้งในและนอกพรรค “หักหลัง” ขวางการก้าวขึ้นสู่ตำแหน่งนายกรัฐมนตรีของตนเองโดยการเคลื่อนไหวล้มรัฐบาล
เหมือนกับจะทำให้มาเลเซียทั้งประเทศช็อกไม่มากพอ มหาธีร์ตอกย้ำสถานการณ์วิกฤตด้วยการยื่นหนังสืออย่างเป็นทางการ กราบบังคมทูลฯ ลาออกจากตำแหน่งต่อยังดีเปอร์ตวน อากง อับดุลเลาะห์ พระราชาธิบดีมาเลเซียในเช้าวันถัดมา
มาเลเซียกลายเป็นประเทศที่ไม่มีรัฐบาลไปโดยพลัน มีเพียงมหาธีร์ทำหน้าที่นายกรัฐมนตรี “รักษาการ” เท่านั้น
ข่าวที่สะพัดในเวลานั้นก็คือ สมาชิกส่วนหนึ่งของพีเคอาร์ แกนนำในการจัดตั้งรัฐบาลผสม 5 พรรคที่ผ่านมา “ทรยศ” ไปสมคบกับ “ปริภูมิ เบอร์ซาตู” พรรคของมหาธีร์ดอดไปหารือเพื่อจับมือกันตั้งรัฐบาลใหม่กับ “อัมโน”
ข่าวลือที่ว่าได้รับการยืนยันเมื่อเบอร์ซาตูประกาศถอน 39 เสียงของพรรคพ้นรัฐบาลผสม ขณะที่พีเคอาร์ก็ขับ “อัซมิน อาลี” รองประธานพรรค กับซูไรดิน คามารุดดิน 2 ตัวการพ้นพรรค
ทั้งสองแก้เผ็ดด้วยการไม่ออกไปเฉยๆ ลากเอาสมาชิกพีเคอาร์อีก 9 คนติดไปด้วย
เมื่อนั้น “พากาตัน ฮารัปปัน” หรือ “พันธะแห่งความหวัง” หลังสร้างปรากฏการณ์คว่ำ “อัมโน” ภายใต้การนำของนาจิบ ราซัก ที่คราบไคลคอร์รัปชั่นเต็มตัว ทำลายการผูกขาดทางการเมืองของมาเลเซียมาได้เพียง 21 เดือนเท่านั้นเอง
ถึงตอนนี้ การณ์กลับกลายเป็นว่า ไม่มีพรรคไหนมีเสียงข้างมากเพียงพอต่อการจัดตั้งรัฐบาล ซึ่งต้องมีอย่างน้อย 112 เสียง ถ้าหากไม่จับขั้ว รวมตัวกันเป็นกลุ่มก้อน
ที่น่าสนใจก็คือ ในเวลาเดียวกันนั้น มหาธีร์นอกจากจะลาออกจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรีแล้ว ยังลาออกจากตำแหน่งประธานพรรคเบอร์ซาตูด้วยอีกต่างหาก
สภาพก็คือ ในขณะที่ทุกพรรควิ่งกันขาขวิด เพื่อหาทางรวมตัวกันจัดตั้งรัฐบาลใหม่ “มหาธีร์” กลับลอยตัวเหนือความขัดแย้งทั้งมวล รอคอยฝุ่นการเมืองที่ตลบอบอวลอยู่ในเวลานี้สงบลง
ภายใต้สถานการณ์เช่นในเวลานี้ มีทางออกทางการเมืองอยู่ไม่มากนัก
หลังมหาธีร์ลาออก มีความพยายามเสนอให้ทุกพรรคการเมืองรวมตัวกันสนับสนุนมหาธีร์เป็นนายกรัฐมนตรีต่อไป ปรากฏว่า “อัมโน” ไม่เอาด้วย อันนูร์ มูซา เลขาฯ พรรคให้เหตุผลว่า ไม่เป็นธรรมกับประชาชน
เบอร์ซาตูพยายามเสนอสูตรเก่า คือรวมตัวกับอัมโน และพรรคปาส หรือพรรคอิสลามแห่งมาเลเซีย แล้วหนุนมหาธีร์เป็นผู้นำ ปรากฏว่า “มหาธีร์” ไม่ยอมกลับคำ ยืนกรานไม่เอาด้วยกับอัมโน
หลายฝ่ายหวังอยู่ว่า อันวาร์ อิบราฮิม ที่เคยถูกมหาธีร์ “เบี้ยว” สัญญาว่าจะให้เป็นนายกฯ สืบต่อจากตนมาหลายหนแล้ว จะหาเสียงสนับสนุนได้มากพอที่จะก้าวขึ้นเป็นนายกรัฐมนตรี
แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ต้องถามมหาธีร์ว่ายอมหรือไม่ พร้อมหรือไม่ที่จะก้าวลงจากอำนาจสูงสุดทางการเมืองในเวลานี้
ไม่เช่นนั้นทุกอย่างก็จะลงเอยที่การเลือกตั้งใหม่ เพราะอำนาจยุบสภาอยู่ที่ตัว “รักษาการ” นายกรัฐมนตรีนั่นเอง
อย่าตกใจไป ถ้าหากผู้สันทัดกรณีหลายคนบอกตรงกันว่า นายกฯ ใหม่มาเลเซียไม่มีทางเป็นใครอื่น นอกจาก “มหาธีร์ โมฮัมหมัด” คนนี้นี่เอง