ที่มา | มติชนสุดสัปดาห์ ฉบับวันที่ 6 - 12 มีนาคม 2563 |
---|---|
คอลัมน์ | โครงการสมุนไพรเพื่อการพึ่งพาตนเอง |
เผยแพร่ |
สมุนไพรเพื่อสุขภาพ/โครงการสมุนไพรเพื่อการพึงพาตนเอง มูลนิธิสุขภาพไทย www.thaihof.org
ฟ้าทะลายโจร
: ฟ้าทลายโควิด-19
โมเมนต์นี้ไม่มีโรคใดในโลกที่ดังเท่าโควิด-19 (COVID-19) อีกแล้ว
ขนาดในหมู่นักเที่ยวกลางคืนยังขยาด เตือนกันขำๆ ว่า (มึง) ติดโคโยตี้แค่ตายคนเดียวเพราะน้ำมือเมีย แต่อาจจะเสียยกครัวเพราะมั่วติดโควิด (ฮา)
แต่เรื่องที่ขำไม่ออกคือ พบว่าผู้ชายเสี่ยงต่อการรับเชื้อโควิด-19 มากกว่าผู้หญิง
เพราะฮอร์โมนเพศหญิงช่วยปรับภูมิคุ้มกันต้านเชื้อไวรัสโคโรนาได้ดีกว่า
ล่าสุด (29 กุมภาพันธ์ 2563) ก็มีชายไทยวัยฉกรรจ์เพิ่งเสียชีวิตเพราะโควิด-19 เป็นรายแรกในประเทศไทย จึงไม่ควรประมาทหรือมัวแค่หลงคำชมของประธานาธิบดีทรัมป์ว่าไทยเป็นสุดยอดแห่งเอเชียในการควบคุม
โรคโควิด-19 เพิ่งระบาดมาแค่ไม่ถึง 4 เดือน เริ่มต้นจากเมืองอู่ฮั่น ประเทศจีนประเทศเดียว ตอนนี้โรคโควิด-19 กลายเป็นวาระแห่งโลกไปเรียบร้อยแล้ว จนวิตกกันว่าทรัพยากรทางการแพทย์และยาจะไม่พอใช้ในการควบคุมโรคระบาดอันตรายตัวนี้
ขนาดยักษ์ใหญ่อย่างจีนยังขาดแคลนยาแผนปัจจุบัน
ถึงกับเริ่มมีนโยบายใช้ยาสมุนไพรแผนจีนร่วมสู้ศึกกับโควิด-19 ด้วย
เมื่อไม่กี่วันมานี้ (25 กุมภาพันธ์ 2563) มีการตีข่าวดีว่า กระทรวงสาธารณสุขโดยกรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก จับมือกับกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์และองค์การเภสัชกรรม ทำวิจัยศึกษาประสิทธิภาพของยาสมุนไพรฟ้าทะลายโจรในการต้านเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19)
โดยใช้สารสกัดฟ้าทะลายโจร ที่ชื่อแอนโดรกราโฟไลด์ (Andrographolide) ให้อาสาสมัครคนไทยสุขภาพแข็งแรงจำนวน 10 คน รับประทานทางปากในปริมาณที่เหมาะสม เพื่อกระตุ้นให้เกิดภูมิคุ้มกันโรค
จากนั้นจึงเจาะเลือดอาสาสมัครเพื่อนำซีรั่มจากเลือดไปใช้ต้านเชื้อโควิด-19 ในหลอดทดลอง ซึ่งกระทรวงสาธารณสุขรับปากว่าจะรู้ผลหัว-ก้อยภายใน 1 เดือน นั่นคือ ปลายเดือนหน้ามีนาคมนี้
แน่นอนหากได้ผลว่าฟ้าทะลายโจรมีประสิทธิภาพทำลายโควิด-19 ในหลอดทดลองได้
ย่อมเป็นก้าวสำคัญของวงการแพทย์แผนไทยในการพัฒนายาสมุนไพรมาใช้ควบคุมโรคติดต่ออันตราย
ขอบอกว่า กระทรวงสาธารณสุขไม่ได้เพ้อฝันเต้างานวิจัยขึ้นมาสร้างภาพ แต่เป็นงานวิจัยต่อยอดจากงานวิจัยของจีนที่ประสบความสำเร็จมาแล้วในการใช้ผลิตภัณฑ์ยาฟ้าทะลายโจรรักษาโรคซาร์ส (SARS) ซึ่งได้มีการจดสิทธิบัตรเรียบร้อยโรงเรียนจีนไปแล้ว
แม้ซาร์สจะเป็นไวรัสโคโรนาที่อนุภาคของมันมีมงกุฎหนามติดหนึบเหมือนโควิด-19 แต่ก็เป็นโคโรนาคนละสายพันธุ์กัน
จึงไม่อาจสรุปได้ว่าฟ้าทะลายโจรจะสามารถทลายโควิด-19 ได้จริงหรือเปล่า
แต่ระหว่างร้องเพลงรอผลวิจัยจากกระทรวงสาธารณสุข เราก็ยังสามารถใช้ฟ้าทะลายโจรควบคุมป้องกันโรคทางเดินหายใจซึ่งเกิดจากเชื้อไวรัสสายพันธุ์ต่างๆ ซึ่งอาจจะรวมถึงไวรัสโควิด-19 ด้วย
เพราะมีงานวิจัยยืนยันชัดเจนแล้วว่าฟ้าทะลายโจรเป็นสมุนไพรต้านเชื้อไวรัสอย่างกว้างขวาง (Antiviral broad spectrum)
เพราะสารแอนโดรกราโฟไลด์มีฤทธิ์สกัดกั้นตั้งแต่ต้นทางไม่ให้ไวรัสเข้าสู่เซลล์ของร่างกายได้ง่ายๆ โดยกระตุ้นการสร้างภูมิคุ้มกัน ป้องกันไวรัสไข้หวัด ไข้หวัดใหญ่ ต้านการอักเสบในช่องคอ ช่วยบรรเทาอาการทอลซินอักเสบ แก้เจ็บคอ และยังต้านการอักเสบในปอดซึ่งเป็นอาการสำคัญของไวรัสโคโรนา และไวรัสไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ต่างๆ
ปัจจุบันองค์การอนามัยโลกได้รับรองแล้วว่าฟ้าทะลายโจรเป็นยาต้านไวรัสหวัดที่ดีมากตัวหนึ่ง ซึ่งไม่มีผลข้างเคียงต่อตับ ไต ไม่ดื้อยาหรือทำให้ง่วงนอนขณะขับรถเหมือนเคมีเภสัชทั้งหลาย
ยังมีข้อสังเกตของแพทย์แผนไทยว่า การใช้ยาฟ้าทะลายโจรควรใช้อย่างองค์รวม ซึ่งน่าจะได้ผลดีกว่าการใช้ยาสกัดสารสำคัญ
ดังนั้น ในระหว่างที่ยังไม่มีผลิตภัณฑ์ยาสารสกัดฟ้าทะลายโจรจำหน่ายแพร่หลาย การใช้ยาฟ้าทะลายโจรแบบแพทย์แผนไทยก็เป็นทางเลือกหนึ่ง ที่ช่วยควบคุมและป้องกันมิให้เชื้อไวรัสหวัดชนิดต่างๆ เข้าสู่ร่างกาย โดยปกติวิธีใช้ตามฉลาก อย.ครั้งละ 2 แคปซูล (ขนาด 500 มิลลิกรัม/แคปซูล) หรือครั้งละ 5 เม็ด (ขนาด 250 มิลลิกรัม/เม็ด) วันละ 3 เวลาก่อนอาหาร 3 มื้อ
แต่ได้ข้อมูลว่าในการทดลองจะใช้ขนาดยาฟ้าทะลายโจรที่ทลายโควิดในปริมาณ 6 กรัมต่อหนึ่งโดส ซึ่งก็เป็นขนาดที่แพทย์แผนไทยใช้กับผู้ป่วยเฉพาะรายคือ ขนาดผงยาครั้งละ 1 ช้อนชา ซึ่งเทียบเท่ากับ 6 แคปซูลหรือ 12 เม็ดลูกกลอนนั่นเอง สิ่งที่คนไทยควรรู้คือ ฟ้าทะลายโจรที่ปลูกในบ้านเรามีสารแอนโดรกราโฟไลด์มากถึง 1.7%
ซึ่งสูงกว่ามาตรฐานโลกที่กำหนดว่าต้องมีอย่างน้อย 1.5% จึงจะใช้ทำยาได้
ข้อควรระวังดังที่ทราบกันดีคือ ฟ้าทะลายโจร (ชื่อวิทยาศาสตร์ Andrographis paniculata (Burm.f.) Wall.ex Nees) เป็นยาเย็น ไม่ควรใช้ติดต่อกันเกิน 7 วัน อาจทำให้ความดันโลหิตตก หรือแขนขาอ่อนแรงได้
แต่ในช่วงอากาศร้อน ร้อนใน อย่างนี้หรือเริ่มตัวร้อนรุมๆ ก็ไม่ต้องวิตกผลข้างเคียงตรงนี้มากนัก แต่มีข้อห้ามคือ ห้ามใช้ในสตรีมีครรภ์
หากผลิตภัณฑ์ยาฟ้าทะลายโจรเป็นที่ต้องการมากจนขาดตลาด กระทรวงสาธารณสุขควรจับมือกับกระทรวงเกษตรฯ ส่งเสริมการปลูกฟ้าทะลายโจรในครัวเรือนให้แพร่หลายเพื่อใช้ทำชาสมุนไพรชงดื่มคุ้มครองสุขภาพ แม้จะมีรสขมจัด แต่ก็เป็นยาดีที่คนจีนยกย่องว่าเป็นดังหนึ่ง “ดอกบัวในหัวใจ” (ชวนชิเหลียน)
แต่เราเป็นไทยเท่ ตั้งชื่ออย่างเก๋ว่า “ฟ้าทะลายโจร” เพื่อตัดไม้ข่มนามโรคโจรร้ายทั้งหลาย
ถ้าทลายไวรัสโควิด-19 ได้ อาจจะได้ฉายาใหม่ว่า “ฟ้าทลายโควิด” ก็ได้นะ
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมเรื่องสมุนไพรฟ้าทะลายโจรได้ที่ เจ้าหน้าที่มูลนิธิสุขภาพไทย 08-1300-3300 หรือ 09-4489-7887