ที่มา | มติชนสุดสัปดาห์ ฉบับวันที่ 28 กุมภาพันธ์ - 5 มีนาคม 2563 |
---|---|
ผู้เขียน | เสถียร จันทิมาธร |
เผยแพร่ |
วิถีแห่งกลยุทธ์ เหมยฉางซู/เสถียร จันทิมาธร
ในที่สุด เรื่องก็ถึงจักรพรรดิ (34)
เหตุใดจึงเน้นสถานการณ์ ณ ตำหนักเจาเหรินอย่างเป็นพิเศษ 1 เพราะว่าสถานการณ์นี้มีตัวละครเข้าเกี่ยวพันจำนวนมาก
ไม่เพียงเย่วกุ้ยเฟย รัชทายาท เซียวจิ่งเซวียน
หากแต่ยังมีหนีหวงจวิ้นจู่ หากแต่ยังมีเซียวจิ้งเหยียน หากแต่ยังมีเหมิงจื้อ หากแต่ยังมีเซียวจิ่งหนิง
ที่สำคัญยังมีไท่หวงไท่โฮ่ว ยังมีหวงโฮ่ว อันเท่ากับดึงอวี้หวังเข้ามาโดยอัตโนมัติ
ยิ่งกว่านั้น จังหวะก้าวของเย่วกุ้ยเฟย และรัชทายาท เซียวจิ่งเซวียน ยังโยงสายยาวไปยังหนิงกั๋วเซี่ยอวี้อีก
เมื่อหนีหวงจวิ้นจู่ตัดสินใจเดินหน้าเข้าตำหนักหย่างจวี เรื่องก็ถึงจักรพรรดิเหลียง
ได้ยินว่าหนีหวงจวิ้นจู่กับจิ้งหวังมาเข้าเฝ้า จักรพรรดิเหลียงทรงแปลกพระทัยเล็กน้อย รีบมีรับสั่งให้เข้ามาทันที
ครั้นทอดพระเนตรเห็นสีหน้าจวิ้นจู่ ความสงสัยก็ผุดขึ้นในพระทัย
หนีหวงจวิ้นจู่รวบชายกระโปรงคุกเข่า โขกศีรษะพลางทูล “ขอฝ่าบาทตัดสินให้หนีหวงด้วง เย่วกุ้ยเฟยในวันนี้อ้างว่าต้องการพูดคุยเรื่องเก่าก่อนที่บ้านเกิด เรียกให้หนีหวงไปที่ตำหนักเจาเหริน แต่กลับแอบใส่บางอย่างในสุรามอมเมาสติหนีหวง”
เข้าตรงเป้าตามแบบทหาร รวบรัดชัดเจน ไม่มีกลบเกลื่อนแอบแฝงแม้แต่น้อย ทว่าฟังแล้วอดสะทกสะท้านใจมิได้
โดยเฉพาะข้อความในท่อนต่อมาที่ว่า
“รัชทายาทถือโอกาสนั้นพาซือหม่าเหลยเข้ามาในตำหนัก กระทำมิดีมิร้าย หมายบีบบังคับหนีหวงแต่งให้กับชนชั้นต่ำ เรื่องนี้ขอฝ่าบาทได้โปรดตรวจสอบ ทวงความยุติธรรมให้หนีหวงด้วย”
ได้สดับแล้วจักรพรรดิทรงพิโรธจนพระวรกายสั่นเทา ทรงแผดเสียงดังก้อง
“เบิกตัวกุ้ยเฟยกับรัชทายาทมาที่ตำหนักหย่างจวีเดี๋ยวนี้”
โองการออกไปไม่ถึงครู่ ที่ควรมาก็มากันพร้อมหน้า แม้แต่ที่ไม่ควรมาก็มากันหมด นอกจากเย่วกุ้ยเฟยกับรัชทายาท หวงโฮ่วกับอวี้หวังก็มาปรากฏตัวด้วยเช่นกัน
กรณีนี้ต้องชมเย่วกุ้ยเฟยว่ายอดเยี่ยม
“หม่อมฉันไม่ทราบฝ่าบาทระคายเคืองด้วยเรื่องใดเพคะ วันนี้หม่อมฉันเชิญจวิ้นจู่มาร่วมงานเลี้ยง ต่อมาจวิ้นจู่ดื่มจนเมามาย ครองสติไม่อยู่ หม่อมฉันกับรัชทายาทกำลังให้การดูแล หวงโฮ่วจู่ๆ ก็พยุงไท่หวงไท่โฮ่วเสด็จมา ทั้งสั่งให้องค์หญิงจิ่งหนิงพาจวิ้นจู่ไปพักผ่อน
เรื่องถัดจากนั้นหม่อมฉันก็ไม่ทราบแล้วเพคะ หรือเพราะต้อนรับไม่ทั่วถึง จวิ้นจู่จึงรู้สึกไม่ได้รับการปรนนิบัติที่ดีพอ”
การโต้ตอบระหว่างหนีหวงจวิ้นจู่กับเย่วกุ้ยเฟยร้อนแรง
“ไห่เยี่ยน” บรรยายตามลีลาการแปลของ “ลี่หลินลี่” ออกมาว่า หนีหวงจวิ้นจู่เห็นนางผลักความรับผิดชอบจนสะอาด เกลี้ยงเกลา
อดหัวเราะหยันมิได้
“สุราของท่านช่างร้อนแรงยิ่งนัก เพียงจอกเดียวถึงกับสติเลื่อนลอยราวกับถูกยามอมเมา ในโลกนี้มีสุราชนิดนี้อยู่ด้วยหรือ หนำซ้ำข้าเพิ่งดื่มเข้าไป รัชทายาทก็พาซือหม่าเหลยเข้ามากอดรัดพัวพัน หรือนี่เป็นเหตุบังเอิญ”
คำอธิบายจากเย่วกุ้ยเฟยยาวเหยียด
“สุรานั้นคือสุราหอมเจ็ดลี้ซึ่งฝ่าบาทประทานให้ แม้ร้อนแรงไปบ้างแต่มีเพียงจวิ้นจู่ที่กล่าวว่าหลังดื่มเข้าไปคล้ายถูกมอมเมาด้วยยา ฝ่าบาททรงให้คนตรวจค้นตำหนักหม่อมฉันได้เลยเพคะ รับรองว่าไม่มีสุราชนิดอื่น
และตอนนั้นเกรงว่าจวิ้นจู่คงเมามายแล้ว คนที่เข้ามามีเพียงรัชทายาทชัดๆ มีซือหม่าเหลยอะไรที่ไหนกัน เรื่องนี้สามารถเรียกตัวบ่าวไพร่ในตำหนักเจาเหรินทุกคนมาซักถามได้ ดูว่ามีบุคคลที่ 2 พบเห็นซือหม่าเหลยเข้ามาหรือไม่”
เท่ากับเป็นการอิงจักรพรรดิ เท่ากับเป็นการตัดออกไปให้พ้นความรับผิดชอบ
“คนในตำหนักเจาเหรินแม้เป็นผู้รับใช้หม่อมฉันก็จริง แต่ก็เป็นข้าทาสบริวารใต้พระบารมีเช่นกัน ผู้ใดกล้าโป้ปดหลอกลวงพระองค์”
เย่วกุ้ยเฟยคารมคมคาย แต่ละประโยคยากโต้แย้ง น้ำเสียงก็หยาดเยิ้ม
“หม่อมฉันไม่เข้าใจว่า อยู่ดีๆ จวิ้นจู่กุเรื่องเหล่านี้ขึ้นมาทำไม ก็เหมือนกับที่หม่อมฉันไม่เข้าใจว่าหวงโฮ่วไฉนเชื่อคำจวิ้นจู่แต่ไม่เชื่อวาจาหม่อมฉันทั้งที่ไม่มีพยานหลักฐาน”
มาถึงตอนนี้ “ไห่เยี่ยน” สะท้อนพระอารมณ์และความรู้สึกของจักรพรรดิเหลียงออกมาว่า เดิมเป็นหนีหวงจวิ้นจู่กล่าวโทษเย่วกุ้ยเฟย เป็นไปไม่ได้ที่จักรพรรดิจะเข้าใจว่าจวิ้นจู่หาเรื่องอัปยศ โดยเอาศักดิ์ศรีสตรีของตัวเองปรักปรำเย่วกุ้ยเฟย
แต่เมื่อพระองค์ดำเนินการเพื่อปกป้องหนีหวง
เรื่องราวจู่ๆ กลายเป็น 2 ตำหนักชิงดีชิงเด่น ทำให้พระองค์ซึ่งมีพระอุปนิสัยหวาดระแวงเป็นทุนเดิมอยู่แล้วมิอาจไม่พิจารณาถี่ถ้วน
นี่คือปฏิภาณอันแกล้วกล้าของเย่วกุ้ยเฟย นี่คือจุดอ่อนที่พระนางทะลวงเข้าไปขยาย