วิถีแห่งกลยุทธ์/ เหมยฉางซู เสถียร จันทิมาธร / ในที่สุด เรื่องก็ถึงจักรพรรดิ (34)

เสถียร จันทิมาธร

วิถีแห่งกลยุทธ์ เหมยฉางซู/เสถียร จันทิมาธร

ในที่สุด เรื่องก็ถึงจักรพรรดิ (34)

 

เหตุใดจึงเน้นสถานการณ์ ณ ตำหนักเจาเหรินอย่างเป็นพิเศษ 1 เพราะว่าสถานการณ์นี้มีตัวละครเข้าเกี่ยวพันจำนวนมาก

ไม่เพียงเย่วกุ้ยเฟย รัชทายาท เซียวจิ่งเซวียน

หากแต่ยังมีหนีหวงจวิ้นจู่ หากแต่ยังมีเซียวจิ้งเหยียน หากแต่ยังมีเหมิงจื้อ หากแต่ยังมีเซียวจิ่งหนิง

ที่สำคัญยังมีไท่หวงไท่โฮ่ว ยังมีหวงโฮ่ว อันเท่ากับดึงอวี้หวังเข้ามาโดยอัตโนมัติ

ยิ่งกว่านั้น จังหวะก้าวของเย่วกุ้ยเฟย และรัชทายาท เซียวจิ่งเซวียน ยังโยงสายยาวไปยังหนิงกั๋วเซี่ยอวี้อีก

เมื่อหนีหวงจวิ้นจู่ตัดสินใจเดินหน้าเข้าตำหนักหย่างจวี เรื่องก็ถึงจักรพรรดิเหลียง

ได้ยินว่าหนีหวงจวิ้นจู่กับจิ้งหวังมาเข้าเฝ้า จักรพรรดิเหลียงทรงแปลกพระทัยเล็กน้อย รีบมีรับสั่งให้เข้ามาทันที

ครั้นทอดพระเนตรเห็นสีหน้าจวิ้นจู่ ความสงสัยก็ผุดขึ้นในพระทัย

หนีหวงจวิ้นจู่รวบชายกระโปรงคุกเข่า โขกศีรษะพลางทูล “ขอฝ่าบาทตัดสินให้หนีหวงด้วง เย่วกุ้ยเฟยในวันนี้อ้างว่าต้องการพูดคุยเรื่องเก่าก่อนที่บ้านเกิด เรียกให้หนีหวงไปที่ตำหนักเจาเหริน แต่กลับแอบใส่บางอย่างในสุรามอมเมาสติหนีหวง”

 

เข้าตรงเป้าตามแบบทหาร รวบรัดชัดเจน ไม่มีกลบเกลื่อนแอบแฝงแม้แต่น้อย ทว่าฟังแล้วอดสะทกสะท้านใจมิได้

โดยเฉพาะข้อความในท่อนต่อมาที่ว่า

“รัชทายาทถือโอกาสนั้นพาซือหม่าเหลยเข้ามาในตำหนัก กระทำมิดีมิร้าย หมายบีบบังคับหนีหวงแต่งให้กับชนชั้นต่ำ เรื่องนี้ขอฝ่าบาทได้โปรดตรวจสอบ ทวงความยุติธรรมให้หนีหวงด้วย”

ได้สดับแล้วจักรพรรดิทรงพิโรธจนพระวรกายสั่นเทา ทรงแผดเสียงดังก้อง

“เบิกตัวกุ้ยเฟยกับรัชทายาทมาที่ตำหนักหย่างจวีเดี๋ยวนี้”

โองการออกไปไม่ถึงครู่ ที่ควรมาก็มากันพร้อมหน้า แม้แต่ที่ไม่ควรมาก็มากันหมด นอกจากเย่วกุ้ยเฟยกับรัชทายาท หวงโฮ่วกับอวี้หวังก็มาปรากฏตัวด้วยเช่นกัน

กรณีนี้ต้องชมเย่วกุ้ยเฟยว่ายอดเยี่ยม

“หม่อมฉันไม่ทราบฝ่าบาทระคายเคืองด้วยเรื่องใดเพคะ วันนี้หม่อมฉันเชิญจวิ้นจู่มาร่วมงานเลี้ยง ต่อมาจวิ้นจู่ดื่มจนเมามาย ครองสติไม่อยู่ หม่อมฉันกับรัชทายาทกำลังให้การดูแล หวงโฮ่วจู่ๆ ก็พยุงไท่หวงไท่โฮ่วเสด็จมา ทั้งสั่งให้องค์หญิงจิ่งหนิงพาจวิ้นจู่ไปพักผ่อน

เรื่องถัดจากนั้นหม่อมฉันก็ไม่ทราบแล้วเพคะ หรือเพราะต้อนรับไม่ทั่วถึง จวิ้นจู่จึงรู้สึกไม่ได้รับการปรนนิบัติที่ดีพอ”

การโต้ตอบระหว่างหนีหวงจวิ้นจู่กับเย่วกุ้ยเฟยร้อนแรง

 

“ไห่เยี่ยน” บรรยายตามลีลาการแปลของ “ลี่หลินลี่” ออกมาว่า หนีหวงจวิ้นจู่เห็นนางผลักความรับผิดชอบจนสะอาด เกลี้ยงเกลา

อดหัวเราะหยันมิได้

“สุราของท่านช่างร้อนแรงยิ่งนัก เพียงจอกเดียวถึงกับสติเลื่อนลอยราวกับถูกยามอมเมา ในโลกนี้มีสุราชนิดนี้อยู่ด้วยหรือ หนำซ้ำข้าเพิ่งดื่มเข้าไป รัชทายาทก็พาซือหม่าเหลยเข้ามากอดรัดพัวพัน หรือนี่เป็นเหตุบังเอิญ”

คำอธิบายจากเย่วกุ้ยเฟยยาวเหยียด

“สุรานั้นคือสุราหอมเจ็ดลี้ซึ่งฝ่าบาทประทานให้ แม้ร้อนแรงไปบ้างแต่มีเพียงจวิ้นจู่ที่กล่าวว่าหลังดื่มเข้าไปคล้ายถูกมอมเมาด้วยยา ฝ่าบาททรงให้คนตรวจค้นตำหนักหม่อมฉันได้เลยเพคะ รับรองว่าไม่มีสุราชนิดอื่น

และตอนนั้นเกรงว่าจวิ้นจู่คงเมามายแล้ว คนที่เข้ามามีเพียงรัชทายาทชัดๆ มีซือหม่าเหลยอะไรที่ไหนกัน เรื่องนี้สามารถเรียกตัวบ่าวไพร่ในตำหนักเจาเหรินทุกคนมาซักถามได้ ดูว่ามีบุคคลที่ 2 พบเห็นซือหม่าเหลยเข้ามาหรือไม่”

เท่ากับเป็นการอิงจักรพรรดิ เท่ากับเป็นการตัดออกไปให้พ้นความรับผิดชอบ

“คนในตำหนักเจาเหรินแม้เป็นผู้รับใช้หม่อมฉันก็จริง แต่ก็เป็นข้าทาสบริวารใต้พระบารมีเช่นกัน ผู้ใดกล้าโป้ปดหลอกลวงพระองค์”

เย่วกุ้ยเฟยคารมคมคาย แต่ละประโยคยากโต้แย้ง น้ำเสียงก็หยาดเยิ้ม

“หม่อมฉันไม่เข้าใจว่า อยู่ดีๆ จวิ้นจู่กุเรื่องเหล่านี้ขึ้นมาทำไม ก็เหมือนกับที่หม่อมฉันไม่เข้าใจว่าหวงโฮ่วไฉนเชื่อคำจวิ้นจู่แต่ไม่เชื่อวาจาหม่อมฉันทั้งที่ไม่มีพยานหลักฐาน”

 

มาถึงตอนนี้ “ไห่เยี่ยน” สะท้อนพระอารมณ์และความรู้สึกของจักรพรรดิเหลียงออกมาว่า เดิมเป็นหนีหวงจวิ้นจู่กล่าวโทษเย่วกุ้ยเฟย เป็นไปไม่ได้ที่จักรพรรดิจะเข้าใจว่าจวิ้นจู่หาเรื่องอัปยศ โดยเอาศักดิ์ศรีสตรีของตัวเองปรักปรำเย่วกุ้ยเฟย

แต่เมื่อพระองค์ดำเนินการเพื่อปกป้องหนีหวง

เรื่องราวจู่ๆ กลายเป็น 2 ตำหนักชิงดีชิงเด่น ทำให้พระองค์ซึ่งมีพระอุปนิสัยหวาดระแวงเป็นทุนเดิมอยู่แล้วมิอาจไม่พิจารณาถี่ถ้วน

นี่คือปฏิภาณอันแกล้วกล้าของเย่วกุ้ยเฟย นี่คือจุดอ่อนที่พระนางทะลวงเข้าไปขยาย