ผีน้อย ถึง ปีศาจ / ฉบับประจำวันที่ 6-12 มีนาคม 2563

คําว่า “ผีน้อย”
และคำว่า “ปีศาจ”
กลายเป็นปัญหาให้รัฐบาลต้องปวดหัวและหาทางแก้ไขที่ยุ่งยากมากขึ้น
ผีน้อย อย่างที่ทราบกันดี เป็นคำเรียกคนไทยที่เข้าไปทำงานในเกาหลีใต้อย่างผิดกฎหมาย
เหล่าผีน้อยนี้ คงไม่แตกต่างจาก ‘ครอบครัวคิม’
ในภาพยนตร์ดัง ‘Parasite ชนชั้นปรสิต’ หนังเกาหลีใต้ ที่สร้างประวัติศาสตร์กวาดรางวัลใหญ่ออสการ์มาครองหลายรางวัล
สิ่งที่ทำให้หนังเรื่องนี้โด่งดัง คือประเด็นที่อยู่ในหนัง นั่นคือ ‘ความเหลื่อมล้ำระหว่างชนชั้น’ ที่นับวันก็ยิ่งขยายช่องว่างและยากที่แก้ไข
ครอบครัวคิมพวกเขาต้องดิ้นรนเพื่อความอยู่รอด ในทุกวิถีทาง ที่นำไปสู่การปะทะกันเองทั้งระหว่างชนชั้นล่าง ไปจนถึงชนชั้นสูง
แต่ที่สุด พวกเขาก็ได้พบความจริงว่า ยังไม่สามารถหลุดพ้นจากวงจรแห่งความเหลื่อมล้ำได้
ด้วยเพราะปัญหาที่แท้จริงมันฝังในระบบอยุติธรรมต่างๆ อยู่
และยังมีคนที่ทนทุกข์กับระบบนี้ต่อไปอีกเรื่อยๆ

ชะตากรรมตัวละครในหนัง ก็คงไม่แตกต่างจาก “ผีน้อย”
ผีน้อยที่ดิ้นรนทำหากินอย่างผิดกฎหมาย โดยซุกซ่อนอยู่ตามซอกมุม ห้องใต้ถุนต่างๆ ของแดนกิมจิ
เมื่อเกาหลีใต้เป็นอีกประเทศที่เผชิญปัญหาไวรัสโควิด-19 แพร่ระบาดอย่างรวดเร็ว
ทำให้คนป่วย เศรษฐกิจทรุด การจ้างงานชะงัก พลอยให้คนไทยในเกาหลีใต้ รวมถึง “ผีน้อย” ต่างแตกตื่น อยากเดินทางกลับบ้าน
แต่ด้วยผีน้อยเข้าเมืองแบบไม่ถูกกฎหมาย
จึงไม่มีสิทธิที่จะเรียกร้องอะไรมาก
นอกจากอาศัยช่องที่เกาหลีใต้เปิดนิรโทษกรรม ให้ผีน้อยเข้าไปรายงานตัวและเดินทางกลับประเทศ ภายในวันที่ 31 มีนาคมที่จะถึงนี้ โดยจะไม่ถูกดำเนินคดีตามกฎหมายและจะไม่ถูกขึ้นแบล็กลิสต์
ทำให้ผีน้อยที่ว่ากันว่ามีระหว่าง 5,000-10,000 คน ต้องการกลับบ้าน
จึงเข้ารายงานตัวกับตรวจคนเข้าเมืองเกาหลีใต้ ก่อนจะทยอยเดินทางกลับมาตุภูมิ
ท่ามกลางความคาดหวังว่า จะได้รับการดูแลจากรัฐบาลไทยบ้าง

แต่ทุกอย่างก็ไม่ได้ราบรื่น
ด้วยมีคนไทยอีกไม่น้อยแสดงความไม่เห็นด้วยที่รัฐบาลไทยซึ่งแบกปัญหาหนักอยู่แล้ว จะเข้าไปช่วยเหลือผีน้อย เพราะพวกเขาสมัครใจเข้าไปทำงานที่ไม่ถูกกฎหมายเอง
ดังนั้น จึงต้องรับผิดชอบการกระทำของตนนั้น
และยังแสดงความเป็นห่วงเป็นใยว่าผีน้อยเหล่านี้จะหอบหิ้วเอาโรคระบาดกลับมาด้วยหรือไม่
เกิดการถกเถียง พร้อมมีข้อเสนอมากมาย
ถึงขนาดคำว่า “ผีน้อย” ขึ้นแฮชแท็กอันดับ 1 ของโลกทวิตเตอร์วันนี้
แต่ก็มีคนไทยอีกจำนวนหนึ่งแสดงความเห็นใจผีน้อย ที่ต้องดิ้นรนไปทำมาหากิน ทั้งที่รู้ว่าผิดกฎหมาย แต่ก็เสี่ยงไปทำ เพื่อหาเงินมาเลี้ยงตัวและครอบครัว
เงินจำนวนไม่น้อยถูกส่งกลับประเทศ เป็นผลดีกับเศรษฐกิจที่ไม่ค่อยมีคนพูดถึง
ดังนั้น เมื่อเขาตกทุกข์ได้ยาก
ผีน้อยก็ควรได้รับการช่วยเหลือ
อย่างน้อยที่สุด ก็เป็นคนไทยด้วยกัน

นี่จึงเป็นปัญหาอีกปัญหาที่รัฐบาลต้องแบก
แบก เช่นเดียวกับคำว่า ปีศาจ ที่เป็นอีกปัญหาหนึ่งที่โผล่ขึ้นมาเขย่ารัฐบาล
โดยผู้ที่ปลุกปีศาจขึ้นก็คือ นายปิยบุตร แสงกนกกุล อดีตเลขาธิการพรรคอนาคตใหม่ ที่ยกวลีอมตะ ‘สาย สีมา’ ในนวนิยาย “ปีศาจ” ของเสนีย์ เสาวพงศ์ มาเป็นส่วนหนึ่งในการแถลงข่าวหลังศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัยตัดสินยุบพรรคอนาคตใหม่ ในคดีเงินกู้ 191 ล้านบาท
“นี่ไม่ใช่จุดจบ แต่นี่คือจุดเริ่มต้น
เพราะพวกเราเป็นปีศาจที่กาลเวลาได้สร้างขึ้นมา
เพื่อหลอกหลอนคนที่อยู่ในโลกเก่า ความคิดเก่า
ทำให้เกิดละเมอ หวาดกลัว และไม่มีอะไรที่จะเป็นเครื่องปลอบใจท่านเหล่านี้ได้
เท่ากับไม่มีอะไรหยุดยั้งความรุดหน้าของกาลเวลา
ที่จะสร้างปีศาจเหล่านี้ให้มากขึ้นทุกที”
ปีศาจ ที่นายปิยบุตรหมายถึงนั้น แน่นอนมิได้หมายถึงผี หรือวิญญาณจริงๆ
หากแต่หมายถึง ตัวแทนของคนรุ่นใหม่ ที่จะโผล่ขึ้นมาเขย่า “อำนาจเก่า” อย่างไม่อาจห้ามปรามได้
ปรากฏการณ์ที่นักเรียน นิสิต นักศึกษา หลายสิบแห่งทั้งในส่วนกลางและภูมิภาค ออกมาทำกิจกรรม “แฟลชม็อบ” อย่างต่อเนื่อง
ก็เปรียบได้ดังปีศาจที่โผล่ขึ้นมาหลอกหลอนระบบ และผู้กุมอำนาจในปัจจุบัน ให้ก้าวพ้นไปจากความหลายมาตรฐาน ความไม่เท่าเทียม ความไม่เป็นธรรม และการเลือกปฏิบัติ
ซึ่งทำให้รัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา สั่นคลอนอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน
แม้จะมีการพยายามบอกว่า นี่เป็นการจัดตั้ง หลอกลวง โดยมีเป้าหมายเพื่อประโยชน์ทางการเมืองของการเมืองฝ่ายตรงข้าม และพวกที่มีแนวคิดอันตรายชังชาติ
แต่ดูเหมือนว่า จะไม่สามารถหยุดยั้งแฟลชม็อบในรั้วการศึกษาได้
ยังไม่อาจคาดได้ว่า ปรากฏการณ์เหล่านี้จะพัฒนาไปถึงไหน อย่างไร
จะฝ่อกลางทาง หรือลุกลามเป็นการเคลื่อนไหวใหญ่ ที่มุ่งไปสู่การเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่
ยังไม่อาจมีใครประเมินได้
เพียงแต่ ณ นาทีนี้ คงไม่มีใครมองข้ามปรากฏการณ์ปีศาจ ที่กาลเวลาสร้างขึ้นมาได้

แม้มีความพยายามที่จะผูกมัดเอา “ผีน้อย” กับ “ปีศาจ” เข้าเป็นเนื้อเดียวกัน
นั่นคือ พยายามทำให้ทั้งสองเรื่องเป็น “วิกฤต” เป็นเหตุ “ฉุกเฉิน” ที่จำเป็นต้องมีกฎหมายเหล็กควบคุม
โดยคนในรัฐบาล มีการโยนหิน ที่จะใช้ พ.ร.บ.ควบคุมโรคระบาด ควบคุมมิให้มีการทำกิจกรรมในรูปแบบการชุมนุมคนจำนวนมาก
ด้วยการอ้างเหตุผลเพื่อป้องกันไม่ให้มีการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด
แน่นอน ย่อมหมายรวมถึง การชุมนุมของเหล่านิสิตนักศึกษาด้วย
แต่ดูเหมือนจะไม่ได้ผล
การแสดงออกของคนรุ่นใหม่ ยังคงดำเนินต่อไปอย่างต่อเนื่อง
และปีศาจตนนั้น ยังไม่อาจควบคุมได้โดยง่ายและเป็นปัญหาที่หนักอก ไม่ต่างจากผีน้อยเท่าใดนัก!!
—————————-