ที่มา | มติชนสุดสัปดาห์ ฉบับวันที่ 28 กุมภาพันธ์ - 5 มีนาคม 2563 |
---|---|
คอลัมน์ | ก่อสร้างและที่ดิน |
เผยแพร่ |
ณ เวลานี้ในเรื่องเศรษฐกิจธุรกิจ เรื่องปากท้องทำมาหากิน ประชาชนคนทั่วไปที่ทำมาหากินในภาคเอกชน ไม่มีรายได้จากเงินภาษีอากร คงไม่มีใครเถียงแล้วละว่า มันวิกฤตแล้ว
ขนาดพ่อค้าแม่ค้ารายใหญ่ในบางทำเลบางอาชีพ อย่างเช่นที่ห้างมาบุญครองซึ่งเดิมเป็นแหล่งเงินแหล่งทองของการค้ารายย่อย ต้องเดินขบวนเรียกร้องขอลดค่าเช่ากันแล้ว
มีคำพูดที่มักพูดกันอยู่เสมอว่า ในวิกฤตมีโอกาส แต่เวลาเกิดวิกฤตกันขึ้นมาจริงๆ มักจะมึนตึ้บคิดไม่ออก หาทางไปไม่เจอ หรือไม่ก็หนีสุดขอบฟ้า เที่ยวนี้ลองมาตั้งสติมองหาโอกาสก่อนที่วิกฤตจะโหมกระหน่ำเต็มที่
วิกฤตกำลังซื้อจากจีนที่เคยซื้ออสังหาฯ ไทยหลายปีหลังๆ ปีละประมาณ 50,000 ล้านบาท แต่ในขณะนี้เรียกได้ว่าหายหมดเหลือเป็นศูนย์ เพราะจีนเจอวิกฤตโรคโควิด-19 ถูกกักบริเวณ งดการเดินทาง และไม่มีกะจิตกะใจจะซื้อ
ไม่แต่เท่านั้น คนจีนที่จองซื้อและผ่อนดาวน์ห้องชุดไป 1-2 ปีไปก่อนหน้านี้ก็ขาดการผ่อนดาวน์ และคาดว่าจะทิ้งดาวน์ไม่โอนกรรมสิทธิ์อีกมาก เพราะค่าเงินบาทแข็ง ทั้งเขาเองก็มีความเสี่ยงรายได้ลดลง ปริมาณการทิ้งดาวน์จากตลาดจีนเชื่อว่ามีจำนวนหลายหมื่นล้านบาทอย่างไม่ต้องสงสัย
แล้วเช่นนี้โอกาสอยู่ตรงไหน
มีโอกาสแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกับนักธุรกิจจีนที่พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ในไทย และที่เป็นเอเย่นต์ขายอสังหาฯ ไทยให้กับคนจีน มีความเห็นในทำนองเดียวกันว่า
เมื่อการระบาดไข้หวัดโควิด-19 ยุติลง พวกเขาเชื่อว่ากำลังซื้อจากจีนที่จะมาซื้ออสังหาฯ ไทยจะมีมากกว่าเดิม เพราะคนจีนเกิดความกลัวโรคระบาดแบบนี้อาจเกิดขึ้นในจีนได้อีก และจะตระหนักว่า จำเป็นต้องมีที่อยู่อาศัยในต่างประเทศสำรองไว้ ซึ่งประเทศไทยเป็นทางเลือกอันดับต้นๆ
ตั้งแต่ไข้หวัดโควิด-19 เริ่มระบาดเป็นต้นมา ลูกค้าบางรายที่อยู่ระหว่างการติดต่อซื้อขายและมีความพร้อมก็ตัดสินใจซื้อได้ไวขึ้น ดังนั้น ช่วงระหว่างนี้จึงเตรียมการรองรับกำลังซื้อคนจีนที่เชื่อว่าจะทะลักเข้ามาหลังจากไข้หวัดสงบ
นี่ก็คงเป็นโอกาสที่คนกลุ่มนี้เชื่อ
อีกมุมหนึ่ง เป็นโอกาสของธุรกิจที่มีเงินสดเงินเย็นจำนวนมาก บริษัทอสังหาฯ ในตลาดหลักทรัพย์ในเครือราชันน้ำเมาให้ข่าวอย่างเป็นทางการเลยว่า พร้อมซื้อโครงการคอนโดมิเนียมที่ก่อสร้างแล้วเสร็จ มียอดขายบางส่วน แต่มีปัญหาสภาพคล่อง โดยระบุระดับราคาเฉลี่ยต่อยูนิตที่สนใจไว้ด้วย
เพราะนี่เป็นโอกาสที่บริษัทดังกล่าว ซึ่งปกติทำโครงการแนวราบ ทาวน์เฮาส์ บ้านเดี่ยว จะเข้าสู่ตลาดคอนโดมิเนียมได้อย่างรวดเร็ว พร้อมโอนแบบไม่ต้องเสียเวลานับหนึ่งเป็น 1-2 ปี และได้ยอดรับรู้รายได้จำนวนมากๆ ทันที
คาดว่า ที่ไม่เป็นข่าว วิกฤตและโอกาสแบบนี้กำลังเกิดขึ้นอีกมากมาย
สําหรับนักลงทุนรายย่อย อาจมีคนบางกลุ่มกำลังดิ้นรน เพราะ “ติดดอย” ห้องชุดที่ลงทุนซื้อไว้จำนวนหนึ่งยังขายต่อไม่ได้ ขณะที่อีกบางคนที่มีเงินเย็นไม่มีภาระก็มีโอกาสพิจารณาห้องชุดที่ทางโครงการอสังหาฯ ที่ห้องชุดเหลือขายเสนอส่วนลดให้ ตั้งแต่ส่วนลด 30-40% ไปจน 50% แบบไม่น่าเชื่อ
ยิ่งตลาดทุนตลาดเงินที่บิดเบี้ยว ปริมาณเงินในตลาดมีมากแต่สถาบันการเงินไม่กล้าปล่อยกู้
ทำให้กลุ่มธุรกิจใหญ่บางกลุ่มสามารถมีต้นทุนทางการเงินที่จ่ายดอกเบี้ยแค่ 2-3% ขณะที่ธุรกิจส่วนใหญ่ต้องจ่ายแพง 6-7% หรือสูงกว่านั้น หรือกลุ่มธุรกิจรายย่อยจำนวนมากหาแหล่งเงินกู้ไม่ได้เลย ทำให้เกิดวิกฤตกับธุรกิจบางกลุ่มและเกิดโอกาสกับธุรกิจบางกลุ่มได้
พยายามรับมือสู้กับวิกฤตให้ได้ มีความหวังและมองหาโอกาสให้เจอ
อย่าคิดอะไรเยอะ อย่าหวังการบริหารจัดการเศรษฐกิจภาพรวมจากใคร
ด้วยตัวเอง ช่วยตัวเอง เท่านั้น