ต่างประเทศ : ผู้ป่วยหมายเลข 31 ป้ามหาภัยแห่ง “แทกู”

เมืองแทกู เมืองใหญ่อันดับ 4 ของเกาหลีใต้ ที่มีประชากรอยู่ถึง 2.5 ล้านราย ได้กลายเป็นเมืองร้างในทันทีในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา หลังจากมีรายงานพบผู้ติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ 2019 หรือโควิด-19 เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว

รวมทั้งมีรายงานผู้เสียชีวิตเพิ่มขึ้น จนทำให้เกาหลีใต้กลายเป็นประเทศที่มีผู้ติดเชื้อมากที่สุดนอกประเทศจีน โดยไม่นับผู้ติดเชื้อบนเรือสำราญไดมอนด์ ปริ๊นเซส ที่จอดเทียบท่าอยู่ที่โยโกฮามา ประเทศญี่ปุ่น

แต่เรื่องราวการระบาดของเมืองแทกู ได้กลายเป็นบทเรียนที่หลายคนให้ความสนใจถึงต้นเหตุของการระบาดอย่างหนัก ที่เป็นที่รู้กันว่า เริ่มต้นมาจากสตรีวัย 61 ปีนางหนึ่ง ที่ถูกระบุว่าเป็น “ผู้ป่วยรายที่ 31” ของเกาหลีใต้

สตรีรายนี้ถูกขนานนามว่าเป็น “ป้ามหาภัย” จุดเริ่มต้นจากการที่ป้ามีอาการไข้ขึ้นตั้งแต่เมื่อวันที่ 10 กุมภาพันธ์ และยังเข้าโบสถ์ของลัทธิชินชอนจิ ในเมืองแทกู อีกถึง 4 ครั้ง

ก่อนที่จะมีการยืนยันว่าเป็นผู้ติดเชื้อโควิด-19 รายที่ 31 ของเกาหลีใต้

 

ชินชอนจิ เป็นลัทธิหนึ่งที่มีความหมายว่า “สวรรค์ใหม่และโลกใหม่” ก่อตั้งขึ้นเมื่อปี ค.ศ.1984 โดยนายอี มัน ฮี ที่สาวกลัทธิเชื่อว่าเป็นผู้ที่มีชีวิตเป็นอมตะ มีสาวกอยู่ถึงราว 5 แสนคนทั่วโลก ซึ่งช่วงเวลาที่ร่วมพิธีกรรมในโบสถ์ สาวกจะสัมผัสร่างกายกันและกันด้วยการโอบไหล่และนั่งอยู่บนพื้นด้วยกันชนิดใกล้ชิดกันมาก ซึ่งยิ่งทำให้มีความเสี่ยงต่อการติดเชื้อไวรัส

นอกจากนี้ สาวกลัทธินี้ยังมีความเชื่อด้วยว่า โรคภัยไข้เจ็บนั้นสามารถรักษาให้หายได้ด้วยความศรัทธา

ด้วยวิธีการในการประกอบพิธีของลัทธิ ทำให้ตอนนี้ยอดผู้ติดเชื้อจากการเข้าโบสถ์ร่วมกับป้ารายนี้ เพิ่มขึ้นเป็นนับร้อยราย

เพราะลำพังเพียงแค่ผู้คนที่เข้าโบสถ์ร่วมประกอบพิธีกับป้ารายนี้ ก็คาดว่าจะมีนับพันคนแล้ว

หากแต่ก่อนที่จะมีการยืนยันว่าป้ามหาภัยรายนี้ติดเชื้อ ป้าก็ยังได้เดินทางไปอีกหลายสถานที่ ทั้งโรงแรม 1 แห่ง โรงพยาบาล 1 แห่ง ซึ่งสำนักข่าวยอนฮัปรายงานว่า โรงพยาบาลที่ป้ามหาภัยรายนี้เข้าตรวจ ถึงกับต้องปิดตัวลงชั่วคราว แล้วทำการตรวจสอบเจ้าหน้าที่ของโรงพยาบาลและผู้ป่วยทั้งหมดว่าติดเชื้อโควิด-19 ด้วยหรือไม่

นอกจากนี้ ป้ารายนี้ยังไปตามห้างสรรพสินค้าอีกหลายแห่ง รวมทั้งห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่งในกรุงโซล เมืองหลวงของเกาหลีใต้ โดยห้างสรรพสินค้าเหล่านี้ต่างพากันปิดบริการชั่วคราวเพื่อป้องกันการแพร่เชื้อ

ก่อนหน้านี้ ผู้ป่วยรายที่ 31 ของเกาหลีใต้ เคยประสบอุบัติเหตุเมื่อวันที่ 6 กุมภาพันธ์ และทางคลินิกได้ขอตรวจหาเชื้อไวรัสโควิด-19 แต่ถูกป้ารายนี้ปฏิเสธ แม้ว่าเธอจะมีไข้ขึ้น

โดยเหตุผลของการปฏิเสธการตรวจหาเชื้อโควิด-19 ของป้าคือ ไม่เคยเดินทางไปต่างประเทศในช่วงนี้ และไม่เคยมีประวัติสัมผัสกับผู้ป่วยโควิด-19 แต่อย่างใด

กระทั่งอาการของป้าแย่ลงเรื่อยๆ และตรวจพบว่าติดเชื้อโควิด-19 ในที่สุด เมื่อวันที่ 17 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา

 

การปฏิเสธการตรวจหาเชื้อโควิด-19 ของป้ามหาภัยรายนี้ ทำให้ทางศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคของเกาหลี (เคซีดีซี) กำลังพิจารณาทบทวนนโยบายว่า หากมีผู้ที่ปฏิเสธไม่ยอมให้ตรวจ จะต้องมีบทลงโทษอย่างไร และควรให้มีเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าไปเกี่ยวข้องกับการปฏิเสธดังกล่าวด้วย

ตอนนี้สถานการณ์ย่ำแย่ในเมืองแทกู ที่พบผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นทุกวัน และส่วนใหญ่ก็จะเกี่ยวโยงไปถึง “ป้ามหาภัย” รายนี้ทั้งสิ้น

จนตอนนี้รัฐบาลเกาหลีใต้ต้องยกระดับประกาศเตือนภัยไวรัสเป็นระดับสูงสุด “สีแดง” ซึ่งถือเป็นครั้งแรกที่มีการประกาศระดับเตือนภัยสูงสุดนับตั้งแต่ปี ค.ศ.2009 เป็นต้นมา โดยการประกาศเตือนภัยสูงสุด จะเป็นการให้อำนาจแก่ทางการในการปิดโรงเรียน จำกัดเที่ยวบินเข้าและออกจากประเทศ

นอกจากนี้ ทางการเกาหลีใต้ยังแนะนำให้พลเรือนทั้งหมดที่มีอาการเกี่ยวกับระบบทางเดินหายใจ หรือมีไข้ อยู่ห่างจากสถานที่ทำงานและโรงเรียน และควรกักตัวเองไว้เพื่อรอดูอาการ เพื่อป้องกันการแพร่เชื้อไปสู่ผู้อื่น

อย่างไรก็ตาม แม้จะมีคำแนะนำดังกล่าวออกมา แต่ก็ไม่แน่ชัดได้ว่าจะมีผู้ปฏิบัติตามหรือไม่ โดยนายแพทย์คิม วู ดู จากคณะควบคุมโรคติดต่อของโรงพยาบาลกูโร มหาวิทยาลัยเกาหลี ในกรุงโซลบอกไว้ และว่า การปิดเมืองเพื่อควบคุมการแพร่ระบาดแบบที่จีนทำ ก็อาจจะทำไม่ได้ในเกาหลีใต้ ประเทศที่เป็นประชาธิปไตยเสรี และทุกคนมีเสรีภาพในการไปไหนมาไหน การปิดเมืองตอนนี้ก็อาจจะสายเกินไป เพราะเมืองแทกูเองก็เป็นศูนย์กลางการคมนาคมของประเทศ ที่ใครต่อใครหลายคนต่างก็ต้องเดินทางผ่าน

“การตอบสนองของรัฐบาลและสาธารณสุข มักจะช้าเกินไป” นายแพทย์คิมกล่าว

 

ในขณะที่ประเทศจีนได้สั่งแบนผู้ที่เดินทางมาจากมณฑลหูเป่ย ศูนย์กลางการแพร่ระบาดของโควิด-19 ในประเทศจีน แต่เกาหลีใต้ไม่ทำตาม แม้ว่าจะมีผู้คนครึ่งล้านยื่นเรื่องต่อประธานาธิบดีให้แบนผู้ที่เดินทางมาจากจีน แต่เกาหลีใต้ก็ไม่ทำตามคำร้องขอ คาดว่าจะเป็นเหตุผลในเรื่องเศรษฐกิจและการทูต

อย่างไรก็ตาม แม้จำนวนผู้ติดเชื้อโควิด-19 จะเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วในเกาหลีใต้ แต่นายแพทย์คิมเชื่อว่าสถานการณ์ตอนนี้จะไม่ทำให้เกิดความตื่นกลัวหรือสิ้นหวัง เนื่องจากเกาหลีใต้มีระบบสุขภาพที่ดี รวมไปถึงระบบการติดตามการระบาดต่างๆ ที่เข้มแข็ง

นอกจากนี้ หนึ่งในเหตุผลที่ทำให้พบผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว เป็นเพราะความสามารถในการทดสอบผู้คนจำนวนมากอย่างรวดเร็ว ซึ่งนายแพทย์คิมยังบอกด้วยว่า บางประเทศที่ยืนยันว่าไม่มีผู้ติดเชื้อโควิด-19 เลย อาจจะเป็นเพราะไม่มีความสามารถในการตรวจเชื้อนี้ก็ได้

กลับมาที่ “ป้ามหาภัย” ที่ตอนนี้ไม่มีข่าวคราวออกมาเลยว่าตอนนี้อาการเป็นอย่างไร รู้แต่ว่า สิ่งที่ป้าทำไว้ กลายเป็นเรื่องที่ชาวเกาหลีใต้และโลกต้องจดจำไปอีกนาน