ผ่าคดี “พ.ต.ท.บรรยิน” จากหุ้น “เสี่ยชูวงษ์” ถึงอุ้มฆ่าพี่ผู้พิพากษา ทีม “บิ๊กแป๊ะ” จับยกแก๊ง

นาทีบุกจับพ.ต.ท.บรรยินอุกอาจอุ้มฆ่าพี่ผู้พิพากษาขู่ยกฟ้องคดีหุ้นเสี่ยชูวงษ์ไม่รอด-จนมุมยกแก๊ง

เป็นอีกคดีประวัติศาสตร์ที่คุกคามวงการผู้พิพากษา

เมื่อมีกลุ่มคนร้ายบุกอุ้มพี่ชายผู้พิพากษาศาลอาญาไปเป็นตัวประกัน เพื่อข่มขู่ให้ยกฟ้องในคดีชั้นศาล

แถมแต่งกายเป็นตำรวจ ลงมือถึงหน้าที่ทำการศาล ก่อนที่เรื่องจะบานปลายกลายเป็นเหตุฆาตกรรม ตามไปด้วยการซ่อนเร้นทำลายศพ

ดีที่เจ้าหน้าที่ตำรวจในยุคของพล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. ได้รับแจ้งอย่างรวดเร็ว สามารถติดตามข้อมูลทั้งจากกล้องวงจรปิด และพยานแวดล้อมต่างๆ

ปิดคดีบุกจับกุมได้ยกแก๊ง ซึ่งคนร้ายก็ไม่ใช่ใครที่ไหน

แต่เป็นถึงอดีต รมช.พาณิชย์ อดีตนายตำรวจคนดัง อย่างพ.ต.ท.บรรยิน ตั้งภากรณ์ ที่หวังให้ศาลยกฟ้องในคดีโอนหุ้น 300 ล้านของเสี่ยชูวงษ์ แซ่ตั๊ง ให้กับพริตตี้สาว

แสดงให้เห็นถึงเจตนาที่ซับซ้อนซ่อนเงื่อน ซึ่งบทสรุปจะเป็นอย่างไรคงต้องรอคำสั่งศาล

ที่แน่ๆ เพิ่มจากคดีโอนหุ้น พ่วงด้วยคดีอุ้มฆ่า

■ บุกรวบ‘บรรยิน’ตัวการอุ้มฆ่า
เช้ามืดวันที่ 23 ก.พ. ตำรวจชุดหนุมาน กองปราบฯ นับร้อยนาย ลงพื้นที่ จ.นครสวรรค์ บุกจับกุม พ.ต.ท.บรรยิน ตั้งภากรณ์ อายุ 56 ปี อดีต รมช.พาณิชย์ และอดีตส.ส.นครสวรรค์ หลายสมัย นายมานัส ทับนิล และนายณรงค์ศักดิ์ ป้อมจันทร์ พร้อมคุมตัว ทั้งสามมายังกองปราบปรามที่กรุงเทพฯ หลังมีหลักฐานเชื่อมโยงว่าทั้งสามร่วมกันลงมืออุ้มฆ่านายวีรชัย ศกุนตะประเสริฐ อายุ 67 ปี พี่ชายน.ส.พนิดา ศกุนตประเสริฐ ผู้พิพากษาอาวุโส ประจำศาลอาญากรุงเทพใต้

หลังจากสอบปากคำได้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์ ก็บุกจับกุมนายชาติชาย เมณฑ์กูล นายประชาวิทย์ หรือตูน ศรีทองสุข และด.ต.ธงชัย หรือส.จ.อ๊อด วจีสัจจะ ผู้ร่วมขบวนการอีก 3 คน ได้ที่ จ.นครสวรรค์ ในช่วงเย็นวันเดียวกัน แล้วนำตัวมาสอบสวนที่กองปราบปราม

ตั้งข้อหาร่วมกันข่มขืนใจเจ้าพนักงานให้ปฏิบัติการอันมิชอบด้วยหน้าที่โดยใช้กำลังประทุษร้ายหรือขู่เข็ญว่าจะใช้กำลังประทุษร้าย โดยร่วมกระทำความผิดด้วยกันตั้งแต่สามคนขึ้นไป เป็นซ่องโจรโดยเป็นการสมคบเพื่อกระทำความผิดที่มีระวางโทษประหารชีวิต จำคุกตลอดชีวิตหรือจำคุกอย่างสูงตั้งแต่สิบปีขึ้นไป พยายามข่มขืนใจผู้อื่นให้กระทำการใด โดยทำให้กลัวว่าจะเกิดอันตรายต่อชีวิต ร่างกาย เสรีภาพของผู้อื่น โดยร่วมกระทำความผิดด้วยกันตั้งแต่ห้าคนขึ้นไป และเพื่อให้ได้มาซึ่งค่าไถ่โดยร่วมกันหน่วงเหนี่ยวหรือกักขังบุคคลใด

พร้อมยึดรถยนต์โตโยต้า สปอร์ตไรเดอร์ สีดำ สวมป้ายทะเบียนปลอม ซึ่งเป็นรถที่ใช้อุ้มตัวผู้เสียหาย รถกระบะไฮลักซ์ วีโก้สีบรอนซ์ทอง ทะเบียน บย 8386 นครสวรรค์ รถยนต์ ฟอร์ด รุ่นเอเวอเรสต์ สีดำ ทะเบียน กร 39 นครสวรรค์ และรถยนต์ยี่ห้อมินิคูเปอร์ รุ่นเอส สีครีม ทะเบียน 2 กฐ 524 กรุงเทพมหานคร

โดยมีหลักฐานพบว่าทั้ง 6 คนร่วมกันก่อเหตุลักพาตัว และฆาตกรรมนายวีรชัย เหตุเกิดเมื่อช่วงเย็นวันที่ 4 ก.พ. 2563 เนื่องจากพ.ต.ท.บรรยินตกเป็นจำเลยในคดีที่พนักงานอัยการยื่นฟ้องในความผิดฐานปลอมแปลงเอกสาร ใบโอนหุ้น และมีการโอนหุ้นของนายชูวงษ์ แซ่ตั๊ง ให้กับพรรคพวกของพ.ต.ท.บรรยินโดยทุจริต และเกี่ยวพันกับการฆาตกรรมอำพรางนายชูวงษ์ เมื่อปี 2558

ขณะที่ศาลอาญากรุงเทพใต้มอบหมายให้น.ส.พนิดาเป็น ผู้พิพากษาเจ้าของสำนวน ซึ่งได้มีการสืบพยานเสร็จสิ้น นัดหมายฟังคำพิพากษาในคดีดังกล่าวในวันที่ 20 มี.ค. 2563

พ.ต.ท.บรรยินจึงนำกลุ่มคนมาก่อเหตุ เพื่อข่มขู่ให้พิพากษายกฟ้อง พร้อมคืนเงินหุ้นทั้งหมดให้กับพ.ต.ท.บรรยินและพวก

ถือเป็นครั้งแรกที่ใช้วิธีอุ้มฆ่า ข่มขู่ผู้พิพากษา

■ ข่มขู่ผู้พิพากษาให้ยกฟ้อง
สำหรับพฤติการณ์ของคดี เริ่มตั้งแต่พ.ต.ท.บรรยินสั่งการให้นายมานัส และนายณรงค์ศักดิ์ ขับรถฟอร์ด เอเวอเรสต์ จากนครสวรรค์มายังกทม. ตั้งแต่วันที่ 7 ม.ค. เพื่อสะกดรอยติดตามน.ส.พนิดาโดยเปลี่ยนไปใช้รถจักรยานยนต์ และรถยนต์มินิคูเปอร์ จนทราบกิจวัตรของน.ส.พนิดา และนายวีรชัย ว่าทุกวันนายวีรชัยจะนั่งแท็กซี่จากบ้านพักย่านวรจักร มาส่งน.ส.พนิดา ที่ศาลอาญากรุงเทพใต้ และจะมารับกลับในช่วงเย็น

จากนั้นทั้งสามเตรียมรถโตโยต้า สปอร์ตไรเดอร์ มาใช้ก่อเหตุ โดยเปลี่ยน เป็นป้ายทะเบียนปลอม ขณะที่นายณรงค์ศักดิ์เป็นผู้ซื้อน้ำมันเบนซิน 95 เตรียมแผ่นสังกะสี ยางรถยนต์ 4 เส้น มาเตรียมไว้ที่เขาใบไหม้ ต.ตาคลี อ.ตาคลี จ.นครสวรรค์

จากนั้นในวันที่ 4 ก.พ. พ.ต.ท.บรรยินขับรถสปอร์ตไรเดอร์มาจอดที่ฝั่งตรงข้ามศาลแพ่งกรุงเทพใต้ ขณะที่นายมานัสขับรถ ฟอร์ดเอเวอเรสต์ มุ่งหน้าไปรอที่ อ.ตาคลี จ.นครสวรรค์

จนกระทั่งเวลา 17.30 น. นายวีรชัยลงจากแท็กซี่ พ.ต.ท. บรรยิน นายณรงศักดิ์ นายประชาวิทย์ และนายชาติชาย โดยมีส่วนหนึ่งแต่งกายเป็นตำรวจ บังคับขืนใจนายวีรชัยให้ขึ้นรถสปอร์ตไรเดอร์ ขึ้นทางด่วนที่ด่านสุรวงศ์ มุ่งหน้าทางด่วนบางซื่อ 1 แล้วขับมุ่งหน้าไปทาง อ.บางบัวทอง และ จ.สุพรรณบุรี

ระหว่างนั้นน.ส.พนิดาโทรศัพท์หานายวีรชัย แต่พ.ต.ท. บรรยินออกอุบายว่านายวีรชัยเกิดอุบัติเหตุ แต่เมื่อน.ส.พนิดาตรวจสอบตามโรงพยาบาลต่างๆ ไม่พบเหตุ จึงแจ้งความเจ้าหน้าที่ตำรวจ จากนั้นน.ส.พนิดา โทรศัพท์หานายวีรชัยอีกครั้ง คราวนี้พ.ต.ท. บรรยินรับสายแล้วพูดข่มขู่น.ส.พนิดา ให้พิพากษายกฟ้อง พร้อม คืนเงิน

อย่างไรก็ตามระหว่างนั้นทีมอุ้มได้ชกต่อยทำร้ายนายวีรชัย เป็นเหตุให้นายวีรชัยเสียชีวิตระหว่างการเดินทางช่วง อ.บางบัวทอง จึงพาไปยังที่เขาใบไหม้ ที่เตรียมน้ำมันและยางรถยนต์เอาไว้ ทั้งนี้ น่าเชื่อว่าทั้งหมดตั้งใจอยู่แล้วว่าจะสังหารนายวีรชัย จึงเตรียมอุปกรณ์สำหรับเผานั่งยางไว้เรียบร้อย

หลังจากที่ก่อเหตุเผาศพนายวีรชัย คนร้ายได้ร่วมกันนำเถ้ากระดูกที่เผาไม่หมดใส่ถุงปุ๋ย 3 ถุงนำไปโยนทิ้งน้ำที่แม่น้ำเจ้าพระยา ใกล้กับสะพานตะเคียนเลื่อน อ.เมือง จ.นครสวรรค์ ส่วนทรัพย์สิน โทรศัพท์มือถือของนายวีรชัย คนร้ายนำไปโยนทิ้งที่แม่น้ำปิง หน้าวัดไทรใต้ เขตเทศบาลนครสวรรค์

โดยพล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. ที่ประสานงานร่วมกับศาลอาญามาโดยตลอด ลงมาตรวจสอบรายละเอียดทั้งหมดด้วยตัวเอง

ในที่สุดก็ได้หลักฐานชี้ชัด เมื่อพบจุดเผา และแหวนของผู้ตาย ที่เขาใบไหม้ โทรศัพท์ในแม่น้ำปิง หน้าวัดไทรม้า และเศษกระดูกที่สะพานตะเคียนเลื่อน ส่งพิสูจน์พร้อมเก็บเป็นหลักฐานทั้งหมด

ขณะเดียวกันก็ส่งฝากขังทั้ง 6 คน และเริ่มขบวนการไต่สวนทันที

หนีความผิดที่ก่อไว้ไม่รอด

■ ย้อนคดีเสี่ยชูวงษ์-โอนหุ้น 300 ล.
สำหรับพ.ต.ท.บรรยินตกเป็นข่าวอื้อฉาว เมื่อเข้ามามีส่วนพัวพันกับการเสียชีวิตของนายชูวงษ์ แซ่ตั๊ง กรรมการผู้จัดการบริษัท แสตนดาร์ด เพอร์ฟอร์แมนซ์ จำกัด เสี่ยรับเหมาพันล้าน โดยเมื่อวันที่ 26 มิ.ย. 2558 นายบรรยินขับรถเลกซัส ทะเบียน 1889 กทม. ของนายชูวงษ์ โดยมีนายชูวงษ์นั่งมาด้วย พุ่งชนต้นไม้ ที่ฝั่งตรงข้ามซอย 61 ถนนเฉลิมพระเกียรติ ร.9 แขวงและเขตสวนหลวง กทม.

โดยนายชูวงษ์เสียชีวิตในที่เกิดเหตุ ตรงเบาะข้างคนขับในสภาพหัวมุดเข้าไปในคอนโซล แต่พ.ต.ท.บรรยิน ไม่ได้รับบาดเจ็บแต่อย่างใด

เมื่อสอบสวนเบื้องต้นคิดว่าเป็นอุบัติเหตุ แต่เมื่อญาติผู้ตายยื่นเรื่องให้เจ้าหน้าที่ตำรวจสอบสวนเพราะเชื่อว่าเป็นฆาตกรรมอำพราง เพราะผลชันสูตรของนิติเวชพบว่ามีอาการสมองบวม ซี่โครงหักหลายซี่ ไม่ใช่คอหักตายเหมือนที่โรงพยาบาลระบุ

อีกทั้งมีประเด็นว่าก่อนตายมีการโอนหุ้นแบบผิดปกติให้กับ น.ส. กัญฐณา ศิวาธนพล พริตตี้สาว และ น.ส.ศรีธรา พรหมา แม่ของน.ส.อุรชา วชิรกุลฑล อายุ 26 ปี มูลค่ารวมกว่า 300 ล้านบาท

ขณะที่พ.ต.ท.บรรยินระบุว่า วันเกิดเหตุไปตีกอล์ฟร่วมกับเพื่อนที่เรียนวิทยาลัยตลาดทุน ขากลับนายชูวงษ์ เมามาก เลยขับรถมาส่ง ยืนยันว่าเป็นอุบัติเหตุ ส่วนที่โอนหุ้นให้น.ส.กัญฐณา ก็เพราะมีลูกด้วยกัน จึงโอนหุ้นให้ด้วยเสน่หา ส่วนน.ส.อุรชา ก็เพราะเป็นแฟนสาวอีกคน

ต่อมาครอบครัวนายชูวงษ์ยื่นฟ้องคดีฆาตกรรมซึ่งอยู่ในการพิจารณาของศาลพระโขนง ขณะที่มีหลักฐานชัดเจนเมื่อไล่กล้องวงจรปิด พบว่ามีช่วงเวลาที่หายไปตั้งแต่ออกจากสนามกอล์ฟไปจนถึงที่เกิดเหตุประมาณ 1 ชั่วโมง

เป็นช่วงเวลาก่อเหตุฆาตกรรม

ขณะที่คดีโอนหุ้นอยู่ในความรับผิดชอบของศาลอาญากรุงเทพใต้ ซึ่งนัดอ่านคำพิพากษาในวันที่ 20 มี.ค.

สุดท้ายเพิ่มอีกคดีอุ้มฆ่า วิบากกรรมครั้งนี้จะจบอย่างไร อีกไม่นานคงได้รู้กัน