ศัลยา ประชาชาติ : “โควิด-19” แผลงฤทธิ์ ถล่มตลาดหุ้นไทย “ติดดอย” ทั้งตลาด นักลงทุนหนีซบ “ทองคำ”

สถานการณ์แพร่ระบาดของไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ (โควิด-19) กลายเป็นปัจจัยเสี่ยงสำคัญที่กำลังเขย่าขวัญตลาดหุ้นทั่วโลก

แม้ว่าอัตราการติดเชื้อและเสียชีวิตในประเทศจีนมีการเพิ่มขึ้นในอัตราที่ลดลง แต่พบว่าการแพร่ระบาดนอกประเทศจีนนั้นเพิ่มมากขึ้น ทั้งในเกาหลีใต้ที่มีการยกระดับเตือนภัย “ขั้นสูงสุด” รวมถึงการแพร่ระบาดนอกเอเชียที่มากขึ้น ทั้งอิหร่าน คูเวต และอิตาลีที่กลายเป็นศูนย์การแพร่เชื้อของทวีปยุโรป

ทำให้สัปดาห์สุดท้ายของเดือนกุมภาพันธ์นี้ ตลาดหุ้นไทยและตลาดหุ้นทั่วโลกเกิดภาวะตื่นตระหนก นักลงทุนเทขายสินทรัพย์เสี่ยงอย่างรุนแรง และโยกไปถือสินทรัพย์ปลอดภัยอย่าง “ทองคำ” มากขึ้น

โดยดัชนีตลาดหุ้นไทยร่วงหนักเมื่อวันที่ 24 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา จากการปรับลดลงไป -59.53 จุด ปิดตลาดที่ 1,435.56 จุด เป็นการปิดตลาดต่ำสุดในรอบ 3 ปีกว่า และเมื่อ 26 กุมภาพันธ์ ตลาดหุ้นไทยก็ดิ่งหนักอีกครั้ง โดยในการซื้อช่วงเช้าตลาดปิดลบเกือบ 50 จุด ดัชนีหลุด 1,400 จุด ลงไปอยู่ที่ 1,397.04 จุด

ขณะที่สถานการณ์ราคาทองคำโลกก็พุ่งสูงสุดในรอบ 7 ปีเมื่อวันที่ 24 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ระดับ 1,688 ดอลลาร์/ออนซ์ และราคาทองคำ (แท่ง) ในประเทศที่ราคา 25,300 บาท/บาททองคำ

 

“อภิชาติ ผู้บรรเจิดกุล” ผู้อำนวยการสายงานวิเคราะห์เชิงกลยุทธ์ บล.ทิสโก้ อธิบายภาพที่เกิดขึ้นว่า ตอนนี้นักลงทุนอยู่ในโหมดเลี่ยงลงทุนสินทรัพย์เสี่ยง โยกเงินเข้าสู่สินทรัพย์ปลอดภัย อย่างทองคำและพันธบัตร เนื่องจากกังวลสถานการณ์แพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 นอกประเทศจีน ที่ดูเหมือนเพิ่งจะเริ่มต้น ทำให้กลัวว่าจะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจโลกให้ชะลอตัวมากกว่าที่เป็นอยู่ จึงมีโอกาสที่ราคาหุ้นจะปรับตัวลงต่อ ซึ่งคาดคะเนได้ยากว่าเหตุการณ์จะสิ้นสุดเมื่อใด

“คงต้องรอให้มีสัญญาณผู้ติดเชื้อมีอัตราที่ลดลง จึงจะทำให้ตลาดหุ้นรีบาวด์ได้ ทำให้แนวโน้มการลงทุนระยะข้างหน้าจะผันผวนในทิศทางขาลง และจากที่ตลาดหุ้นไทยหลุด 1,480 จุดไปตั้งแต่วันที่ 24 กุมภาพันธ์ ก็ถือว่าหุ้นไทยเข้าสู่ภาวะ “ตลาดหมี” (Bear Market) ไปแล้ว”

“อภิชาติ” กล่าวอีกว่า ขณะที่หุ้นร่วง แต่ราคาทองคำเร่งตัวขึ้นสวนทาง เนื่องจากนักลงทุนอยู่ในโหมดระมัดระวัง และการกระจายลงทุนบางส่วนไปยังทองคำ ดังนั้น มีโอกาสที่จะทำจุดสูงสุด (พีก) ได้ต่อเนื่อง เนื่องจากทองคำเป็นสินทรัพย์ที่น่าสนใจในช่วงภาวะตลาดหุ้นผันผวนและมีโอกาสปรับตัวขึ้นสู่ระดับ 1,700 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ภายใน 1-2 เดือนข้างหน้านี้

 

ขณะที่ “ณัฐวุฒิ วงศ์เยาวรักษ์” ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย บล.โกลเบล็ก (GBS) กล่าวว่า การปรับตัวเพิ่มขึ้นของราคาทองคำในขณะนี้เกิดจากความกังวลต่อสถานการณ์ไวรัสโควิด-19 ที่ได้แพร่ระบาดรอบ 2 ในประเทศญี่ปุ่น เกาหลีใต้ อิตาลี และอิหร่าน ส่งผลให้นักลงทุนกังวลว่าเศรษฐกิจโลกอาจชะลอตัวซึ่งถือเป็นจังหวะทำกำไรทองคำในระยะสั้นได้

ขณะเดียวกันทางโกลเบล็กได้แนะนำการจัดพอร์ตการลงทุนโดยให้นักลงทุนถือครองเงินสด 50% ทองคำ 30% และลดพอร์ตหุ้นเหลือ 20%

และจากที่นักลงทุนเพิ่มพอร์ตลงทุน “ทองคำ” ทำให้ต้นสัปดาห์ที่ผ่านมาราคาทองคำแท่งปรับขึ้นสูงสุดที่ 25,300 บาท/บาททองคำ

อย่างไรก็ตาม นายจิตติ ตั้งสิทธิ์ภักดี นายกสมาคมค้าทองคำ เปิดเผยว่า การเคลื่อนไหวของราคาทองคำในระยะข้างหน้าทำนายได้ค่อนข้างลำบาก เนื่องจากปัจจุบันราคาทองคำเคลื่อนไหวตอบรับกับปัจจัยไวรัสโควิด-19 เป็นหลัก หากสถานการณ์เลวร้ายลงอาจส่งผลให้ราคาทองคำมีโอกาสปรับขึ้นต่อไป

“โอกาสที่จะพุ่งขึ้นถึง 30,000 บาท คงไม่มี เพราะถ้าไปถึงขนาดนั้นแสดงว่าเศรษฐกิจต้องพังทั้งหมดแล้ว โดยในช่วง 8 ปีที่แล้วราคาทองคำเคยปรับขึ้นถึง 1,900 ดอลลาร์/ออนซ์ และ 27,100 บาท/บาททองคำ ซึ่งเกิดขึ้นในช่วงที่มีวิกฤตแฮมเบอร์เกอร์ แต่ตอนนี้เราอยู่ในช่วงที่โรคระบาด มีความเสี่ยงจะกระทบให้เศรษฐกิจและธุรกิจชะงัก เชื่อว่าสถานการณ์ไม่ได้เหมือนกับใน 8 ปีที่แล้ว”

 

นอกจากนี้ นพ.กฤชรัตน์ หิรัณยศิริ ประธานกรรมการ บริษัท เอ็มทีเอส โกลด์ จำกัด (แม่ทองสุก) ตอกย้ำว่า นักลงทุนแห่ขายหุ้นซึ่งเป็นสินทรัพย์เสี่ยงออกมาและนำเงินเข้าลงทุนสินทรัพย์ปลอดภัยแทน ได้แก่ เงินดอลลาร์ และทองคำ นอกจากนี้ ราคาทองคำในประเทศยังได้อานิสงส์จากเงินบาทที่อ่อนค่าลง ส่งผลให้ราคาทองคำพุ่งสูงมากขึ้น

“ด้วยภาวะเศรษฐกิจจีนและประเทศคู่ค้าที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 รวมถึงการที่นักลงทุนเข้าซื้อทองคำในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัย ส่งผลให้ราคาทองคำในช่วง 3 สัปดาห์ที่ผ่านมาปรับขึ้นต่อเนื่อง โดยในระยะสั้น 2-3 วันนี้ มองว่ามีโอกาสที่ราคาทองคำโลกจะปรับขึ้นทดสอบ 1,700 ดอลลาร์/ออนซ์ ขณะที่ราคาทองในประเทศเชื่อว่าจะเคลื่อนไหวผ่านแนวต้านที่ 25,500 บาท/บาททองคำไปได้”

ฟาก “พวรรณ์ นววัฒนทรัพย์” ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท วายแอลจี บูลเลี่ยน อินเตอร์เนชั่นแนล (YLG) ประเมินว่าราคาทองคำในประเทศมีโอกาสปรับขึ้นทดสอบ 26,000-27,000 บาท/บาททองคำ ภายใต้เงื่อนไขที่ไวรัสโควิด-19 ยังระบาดต่อเนื่อง ตลาดหุ้นยังผันผวนสูงและเศรษฐกิจทั่วโลกได้รับผลกระทบหนักขึ้น

ทั้งหมดนี้เป็นฤทธิ์เดชของไวรัสมหากาฬ “โควิด-19” ที่นอกจากจะกระทบเศรษฐกิจเรียลเซ็กเตอร์แล้ว ยังทุบตลาดทุนทำให้นักลงทุนเจ็บตัวกันถ้วนหน้า ขึ้นอยู่กับว่าจะยอมติดดอย หรือตัดขายขาดทุน

ขณะที่ปัจจัยลบจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 จะจบลงเมื่อใดและจบแบบไหนยังไม่มีใครสามารถพยากรณ์ได้