E-DUANG : จากยุค จอมพลถนอม กิตติขจร มายังยุค ประยุทธ์ พลังประชารัฐ

คำว่า “พลังบริสุทธิ์” เริ่มหวนกลับมายึดครอง “พื้นที่” ทางการเมืองอีกครั้งหนึ่ง

ทำให้หวนนึกถึงสถานการณ์เมื่อเดือนตุลาคม ๒๕๑๖

นึกถึงภาพของ เสกสรรค์ ประเสริฐกุล นึกถึงภาพของ เสาวณีย์ ลิมมานนท์

นั่นคือ ภาพแห่ง”พลังบริสุทธิ์”

ไม่ได้สังกัดพรรคการเมืองใด หากแต่ลุกขึ้นมาและต่อสู้เพราะทนไม่ได้ที่ ๑ มีการจับกุมกลุ่มคนที่เรียกกันต่อมาเป็น ๑๓ กบฎ และ ๑ สิ่งที่ทั้ง ๑๓ คนเรียกร้องคือ “รัฐธรรมนูญ”

พวกเขามิได้ต้องการ “อำนาจรัฐ” พวกเขามิได้ต้องการเปลี่ยนรูป การปกครองประเทศ

นั่นคือสภาพของ”พลังบริสุทธิ์”เมื่อเดือนตุลาคม ๒๕๑๖

 

มาถึงการลุกขึ้นมาของปรากกการณ์ FLASH MOB อันเริ่มที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และแผ่กระจายราวกับไฟลามทุ่งไปยังมหาวิทยาลัยอื่นๆ หรือแม้กระทั่งตามโรงเรียน

พวกเขาลุกขึ้นมาเพราะคำสั่งยุบพรรคอนาคตใหม่อันถือได้ว่า เป็นพรรคของคนรุ่นใหม่

พรรคอันจุดประกายแห่งความรักที่จะได้เห็นการเมืองใหม่

พรรคอันได้รับการสนับสนุนจากประชาชนมากกว่า ๖.๒ ล้านคนในขอบเขตทั่วประเทศ

การเคลื่อนไหวซึ่งต่อเนื่องกระทั่งมีการรวมตัวจากหลายจุดพร้อมกันในมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ สะท้อนให้เห็นถึงความไม่พอใจที่ถูกกดทับอย่างต่อเนื่องมาเป็นเวลานาน

นานจากรัฐประหารเมื่อเดือนกันยายน ๒๕๔๙ กระทั่งรัฐประหาร เมื่อเดือนพฤษภาคม ๒๕๕๗

จึงปะทุกลายเป็น FLASH MOB ว่าจำเป็นต้องเปลี่ยนแปลง

 

ผู้กุมอำนาจทางการเมืองจากยุคจอมพลถนอม กิตติขจร เมื่อเดือนตุลาคม ๒๕๑๖ มายังยุค พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ในเดือนกุมภา พันธ์ ๒๕๖๓ แทบไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง

คือ ไม่มองเห็นจุดแห่งการดำรงอยู่ในอำนาจของตนว่าเป็นเช่นไร

ขณะเดียวกัน คือ มองไม่เห็น “พลังบริสุทธิ์” ของนักเรียน นิสิต นักศึกษา ว่ามีคนอยู่เบื้องหลัง

ไม่ยอมรับว่านักเรียน นิสิต นักศึกษา ได้”ตื่น”ขึ้นมาแล้ว และได้ออกมาเปล่งเสียงด้วยความมั่นใจเป็นอย่างสูง

มั่นใจในความจำเป็นที่จะต้องมี”การเปลี่ยนแปลง”