ที่มา | มติชนสุดสัปดาห์ ฉบับวันที่ 21 กุมภาพันธ์ - 26 มีนาคม 2563 |
---|---|
คอลัมน์ | อาณาจักรใจ |
เผยแพร่ |
ฉันจะเขียนถึงเธอด้วยบทกวี
น้ำหมึกนี้มาจากเลือดเนื้อที่เหลืออยู่
ไม่แน่ใจหรอกว่าเธอจะอยากรับรู้
แต่เพราะเธอคือผู้ที่ฉันเพิ่งค้นพบ
จริงนะ ชีวิตช่างเป็นของยากเหลือเกิน
เหมือนถนนที่ต้องเดินไม่รู้จบ
บางวัน เมื่อตะวันชิงพลบ
ฉันจึงเฝ้าทวนทบซ้ำซ้ำอยู่ในใจ
เรามีชีวิตกันเพื่ออะไรหรือ
แย่งยื้อเงินทองจนหมองไหม้
ป่ายปีนย่ำเหยียบเอาเปรียบกันไป
ตกขลักอยู่ในแอ่งเน่าเหม็น
เราเกิดมาทำไม
แม้แต่ต้องการตายยังยากเย็น
เจ็บปวดร้อนหนาวร้าวเร้น
แทบเป็นซากขยะหนอนแมลง
ฉันอยากจะเขียนเรื่องที่สวยงาม
แต่ก็เกินความสามารถจะเติมแต่ง
วันนี้ที่อกใจไหม้แล้ง
เพียงแค่อยากแสดงให้เธอฟัง ฯ
ฉันพับกระดาษใส่ในซอง เจียดเงินไปซื้อสมุดมาหนึ่งเล่ม ปากกาหนึ่งด้าม กับซองจดหมายอีกหลายซอง ยอมตัดใจ เพราะคิดว่ามันคงมีเพียงวิธีนี้ ที่จะได้พูดทุกอย่างจากใจ
แต่หารู้ไม่ว่า กระดาษเท่าไหร่ก็ไม่พอ
ฉันไม่รู้หรอกนะเนื้อนวล
ว่าเราควรทำอย่างไรให้ตัวเองยังมีความหวัง
ชีวิตแสนทุเรศทุรัง
หลายครั้งเธอก็ย่อมรู้
การลืมตาขึ้นในแต่ละวัน
เพื่อตระหนักว่าเรานั้นยังคงอยู่
ท่ามน้ำเลือดน้ำหนองที่พรั่งพรู
โสตประสาทรับรู้แต่แสบร้อน
เราจะผ่านมันไปอย่างไรกัน
ตรงไหนนั่นให้เราพอเข้าซ่อน
เหมือนถูกบั้งถูกบาดราดเกลือซ้อน
และควักซ้ำย้ำย้อนสอนสำนึก
ว่าเราเป็นแมลงแฝงพงหญ้า
จงตระหนักในค่า, อย่ารู้สึก
จงจดจำในมีดที่กรีดลึก
จงตกผลึกเรื่องคนเราไม่เท่ากัน ฯ
คนอื่นๆ หลับใหลกันไปหมดแล้ว แต่มีเพียงฉันที่ยังตื่นอยู่ เอามือซ้ายกดจิกลงไปในเนื้อกระดาษ มือขวาลากปลายปากกา ค่อยๆ กระถดมือลงมาทีละน้อย
ค่อยๆ ปลดปล่อยตัวหนังสือจากในหัวออกมา
ในความสลัวรางพร่างพร่า ฉันเขียนบทกวีด้วยวิธีเหล่านั้น
…จงจดจำในมีดที่กรีดลึก
จงตกผลึกเรื่องคนเราไม่เท่ากัน
เราควรจะรู้สึกอย่างไรเล่า
จะมีไหมสักเช้าแม้แสนสั้น
ให้ได้เงยหน้าจ้องมองตะวัน
รับเอารังสีสรรพ์สู่อกไสว
หากประกายสีทองเป็นของเราบ้าง
เหยาะหยดแสงแตกต่างส่องทางใหม่
ละลายสีดำมืดจนจืดไป
ล่องสีขาวมาให้สักเล็กน้อย
ถ้าเรามีสีทองของอาทิตย์
มาแตะแต้มชีวิตสักนิดหน่อย
มีเส้นทางไปต่อให้รอคอย
สามารถสอยดาวเดือนเหมือนใครใคร
หากประกายสีทองเป็นของเรา
พาลุกตื่นสักเช้า…เป็นเช้าใหม่
ละลายสีดำมืดจนจืดไป
คงหัวใจต่ำต้อยเจ็บน้อยลง ฯ
ฉันเอาแต่เขียน เขียน เขียน และก็เขียน แต่ถึงกระนั้น ก็เหมือนการเขียนจะไม่มีวันจบสิ้นเพียงพอ บทกวีที่กระท่อนกระแท่นไปด้วยสัมผัสบิดเบี้ยว ถ้อยคำลดเลี้ยวโยกโย้ ขวากหนามผลุบโผล่แทรกปนหยดน้ำตา ต่อให้กลืนลงในอกครั้งแล้วครั้งเล่า รูโพรงข้างในก็ไม่อาจว่างเปล่าสักที
บทกวีคือหนอน ชอนไชออกมาจากในทรวงฉัน
บทกวีคือเศษขี้เถ้าของแสงตะวัน ซึ่งตายดับมาชั่วกัปกัลป์สำหรับคนอย่างเรา
เพื่อนที่รักของฉัน
นี่ก็อาจเป็นฝันอันสูงส่ง
สักวัน…ปลายเชือกจะเกลือกลง
พาเราสู่อัสดงนิรันดร์กาล
ฉันจะนอนเคียงข้างร่างของเธอ
มือแนบมือเสมอยามพ้นผ่าน
ปลดปล่อยร่างจากรังแด้ดักดาน
ไปสู่ลานโล่งกว้างอย่างหมายปอง
ฉันจะกลายเป็นควันหมอกสีขาว
เธอจะกลายเป็นดาวสกาวผ่อง
เราจะพุ่งขึ้นฟ้าถ้าใครมอง
จะเห็นเพียงเงาล่องละลิ่วไป ฯ
ฉันพับกระดาษสมุดที่ฉีกออกมา บรรจงใส่ลงในซองจดหมาย ในยามสาย ก่อนจะลุกขึ้นเก็บที่นอน ฉันจะเอาไปสอดไว้ใต้หมอนของนวล
หากนวลพลิกตัวมาพบจดหมาย ถ้าเธอได้อ่านมัน
เธอจะได้รู้ว่าฉัน…
ฉันคือคนเขียนบทกวีเหล่านี้
บทกวีเหล่านี้จากอกฉัน
ให้เธออ่านอีกวัน…เมื่อวันใหม่
รู้นะว่าจากนี้…จากนี้ไป
เราจะเดินทางไกลเพื่อเริ่มนับ…
เก้าแปดเจ็ดหกห้า…
เราจะรอเวลาพริ้มตาหลับ…