จรัญ มะลูลีม : การประชุมสุดยอด KL 2019 “หนทางต่อไปของพี่น้องมุสลิม”

จรัญ มะลูลีม

การต่อสู้ของพวกเขาก็ไม่ได้สลับซับซ้อนอะไร

นั่นคือขอให้มีชีวิตอยู่ได้เท่านั้น แล้วเราจะทำอะไรได้บ้างเล่าสำหรับผู้ลี้ภัยและไร้ถิ่นผู้ที่มีความต้องการความช่วยเหลือจากพวกเรา?

เราจะใช้ความก้าวหน้าซึ่งเราดำเนินการอยู่อย่างไรให้อยู่ในขอบเขตของการพัฒนาอย่างยั่งยืนและอธิปไตยของชาติ ในการช่วยเหลือผู้ที่ขาดแคลนอย่างหนักภายใต้เขตแดนของพวกเราเองเพื่อที่จะมอบบ้านใหม่กับผู้ไร้บ้านและเป็นปากเสียงให้กับคนที่ขาดปากเสียง?

เนื่องจากในเวลานี้ ความจริงที่ยากลำบากก็คือพี่น้องจากชาติอิสลามต่างๆ ยังคงแค่ทำอะไรได้อย่างไม่เพียงพอใช่หรือไม่?

 

9.สิ่งนี้มิได้เป็นการกล่าวว่าประเทศที่มีชาวมุสลิมเป็นชนกลุ่มใหญ่ไม่ได้มีส่วนช่วยทำให้วิกฤตดีขึ้น

ความจริงแล้ว ในเวลานี้ตุรกีเป็นผู้ดูแลผู้ลี้ภัยมุสลิมมากว่า 3.7 ล้านคนมากกว่าประเทศใดๆ เลบานอนดูแลผู้ลี้ภัย 1.5 ล้านคน

ด้านจำนวนประชากร 5.9 ล้านคน ซึ่งเป็นจำนวนผู้ลี้ภัยที่สูงที่สุดเป็นรายหัว

จอร์แดน ปากีสถานและอิหร่านก็เช่นกัน เป็นประเทศที่ให้การดูแลผู้ลี้ภัยจำนวนมาก

 

10.โลกมุสลิมอาจทำได้มากกว่านี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อโลกมุสลิมพัฒนาและเจริญเติบโตอยู่ในความมั่งคั่งและอำนาจ ชาติที่มีมุสลิมเป็นคนส่วนใหญ่ในเวลานี้จะมีความมั่งคั่ง

ดังนั้น พวกเราจำนวนมากจะทำงานหนักขึ้นเพื่อยกระดับการรับรู้ในการมีส่วนต่อการสานเสวนาในระดับโลก และให้การสนับสนุนด้านการเงินและวัตถุเพื่อการช่วยเหลือด้านมนุษยธรรม และความพยายามต่อผู้มีความต้องการอย่างที่สุด

เรามีความรับผิดชอบสำคัญต่อพี่น้องชาวมุสลิมชาย-หญิงที่ไร้ชาติ และเราจะต้องทำให้ดีที่สุดด้วยการยื่นมือเข้ามาและมอบบ้านและความหวังให้แก่พวกเขา

เช่นเดียวกับพวกอันศอร (Ansar) ที่ให้การดูแลชาวมุฮาญิรูน (Muhajirun) ในสมัยของศาสดามุฮัมมัด (ศ็อลลอลลอฮุ อะลัยฮิ วะซัลลัม)

 

11.มีประเด็นซึ่งข้าพเจ้ามีความปรารถนาที่จะพูดถึงอดีต โดยเฉพาะอย่างยิ่งที่เกี่ยวกับวิกฤตซีเรีย สิ่งที่เราได้เห็นในวิกฤตนั้นก็คือ ชาวซีเรียพยายามจะหาที่พักพิงอย่างหนักในประเทศที่ไม่ใช่ประเทศมุสลิม พวกเขาจึงเลือกยุโรปแทนที่จะเลือกประเทศมุสลิม

เมื่อย้อนกลับไปในปี 2015 ข้าพเจ้าจำได้อย่างเต็มตาว่าผู้ลี้ภัยชาวซีเรียคนหนึ่งได้ออกมาวิพากษ์อย่างฉะฉานว่า “เราจะบอกลูกหลานของเราว่าผู้ลี้ภัยชาวซีเรียได้ละทิ้งประเทศของตัวเองเพื่อที่จะไปยุโรปเมื่อนครมักกะฮ์และดินแดนของชาวมุสลิมได้ปิดลงแล้วสำหรับพวกเขา”

ข้าพเจ้ารู้สึกอึ้งจากคำพูดของคนอีกคนหนึ่งที่เปรียบเทียบผู้นำเยอรมนี Angela Merkel กับเนกุส (Negus) กษัตริย์คริสเตียนแห่งอบิสสิเนีย (Abysinian) ซึ่งเป็นผู้มีชื่อเสียงในการให้ที่อยู่แก่ผู้ลี้ภัยชาวมุสลิมในช่วงศักราชแห่งการอพยพ (ฮิจญ์เราะฮ์) ของท่านศาสดามุฮัมมัด (ศ็อลลอลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม)

 

12.ข้าพเจ้าหวังว่าโลกจะไม่ลืมความน่ากลัวของภาพที่ทำให้หัวใจสลายของอลัน คูร์ดี (Alan Kurdi) เด็กน้อยอายุสามขวบชาวซีเรีย ซึ่งจมน้ำหลังจากเขาและครอบครัวของเขาพยายามข้ามทะเลเมดิเตอร์เรเนียนในฐานะผู้ลี้ภัยในยุโรป

บางครั้งพวกเขากล่าวกันว่ารูปภาพพูดออกมานับเป็นพันๆ คำ

แต่ข้าพเจ้าคิดว่าภาพของคูร์ดีไม่หลงเหลือให้เป็นคำพูดใดๆ ออกมา

นี่เป็นโศกนาฏกรรมจากหัวใจที่แตกสลาย

แน่ละ มีอีกหลายๆ อย่างที่เราไม่ได้เห็นด้วยโดยคำพูดหรือได้ยินคำพูดนั้น

สำหรับมุสลิมในทุกหนทุกแห่ง สารที่มีความยั่งยืนควรจะเป็นดังนี้ นั่นคือชาวมุสลิมจะให้อะไรกับคนไร้ชาติที่ต้องเสี่ยงกับการเดินทางที่เต็มไปด้วยอันตรายไปยังยุโรป

เพื่อที่จะได้รู้สึกปลอดภัยและสะดวกสบายและควรจะรักษาที่หลบภัยสำหรับพวกเขาที่ชิดใกล้กับบ้าน

 

13.ดังนั้น คำถามที่สำคัญก็คือ เราจะให้ความหวังกับพวกเขาอย่างไร

แน่ละ หนึ่งในเหตุผลสำหรับผู้ลี้ภัยก็คือชาวมุสลิมซึ่งแสวงหาที่อยู่อาศัยในยุโรปนั้น พวกเขาเชื่อว่ายุโรปจะให้โอกาสอันยิ่งใหญ่แก่พวกเขา

หรือไม่ก็ให้พวกเขาเข้าสู่การศึกษาที่ดีกว่า อันเป็นรากฐานสู่ความมั่นคงทางการเงินและที่สำคัญคืออิสรภาพ เกียรติยศซึ่งพวกเขาถูกดึงเอาไปจากประเทศบ้านเกิดของพวกเขาเอง

ในความคิดนี้จุดมุ่งหมายในเรื่องการพัฒนาในการประชุมสุดยอดนี้จึงมีศักยภาพอย่างที่สุดที่จะทำให้ชีวิตของผู้ลี้ภัยมุสลิมทั่วโลกพัฒนาขึ้น มีความมั่นคงมากขึ้น และพัฒนามากขึ้นในเรื่องของเทคโนโลยี การศึกษาและโอกาสในการทำงาน

พวกเขากลายเป็นแหล่งที่ดีที่สุดที่จะได้รับความหวัง ปลอดภัย และมีชีวิตที่งอกงาม

14.เพื่อให้ความเป็นไปได้เหล่านี้เป็นความจริง เราต้องให้ความสนใจเกี่ยวกับอะไรก็ตามที่อยู่เหนือเขตแดนของพวกเรา แม้ว่าเราได้ดำเนินการขับเคลื่อนวาระการพัฒนาแห่งชาติอยู่ การเข้าไปแก้ไขความยากลำบากของชาวมุสลิมผู้ไร้รัฐนั้นต้องทำเป็นสิ่งแรก

โดยเราจะต้องเข้าไปเกี่ยวข้องในเรื่องนี้ให้มากขึ้นในการสนทนา นี่เป็นประเด็นที่สำคัญยิ่งเพื่อให้ทุกคนมีความกระจ่างชัดว่าด้วยเวทีผู้ลี้ภัยโลก (Global Refugee) ซึ่งจะมีขึ้นที่กรุงเจนีวาเพื่อให้การรับรู้มากขึ้นรอบโลกในเวลานี้มากกว่าที่เคยเป็นอยู่

เป็นเวลาที่จะเข้ามาร่วมกันที่จะผูกพันกันอย่างกระตือรือร้น และใช้มาตรการที่จำเป็นที่จะแก้ไขวิกฤตมนุษยธรรมที่โลกเผชิญอยู่

 

15.ในฐานะมุสลิม ด้วยความหวังอย่างที่สุดว่าเราสามารถนำทางด้วยการช่วยเหลือพี่น้องชาย-หญิงของเราที่ยังอยู่ข้างหลังได้

การประชุมสุดยอดอย่างนี้จะนำความเชื่อมโยงให้เกิดขึ้นระหว่างชาติอิสลามต่างๆ ทั่วโลก

ซึ่งจะเป็นตัวกลางให้ประเทศมุสลิมทั้งมวลกระทำการอย่างเอาจริงเอาจังเพื่อจัดการกับปัญหา

โดยแท้จริงแล้วข้าพเจ้าเชื่อว่าการเปลี่ยนแปลงอย่างสำคัญจะเกิดขึ้นได้

หากว่าชะตากรรมของคนไร้ชาติ จะเป็นบทเริ่มต้นของการประชุมสุดยอดนี้ซึ่งจะดำเนินต่อไป

 

16.ด้วยสปิริตของการทำงานร่วมกันทั่วโลกและความรับผิดชอบร่วมกัน

ข้าพเจ้ามีความยินดีที่จะประกาศถึงการรวมตัวกันครั้งต่อไป

ซึ่งจะเป็นการประชุมสุดยอด KL ที่จะเรียกว่าการสานเสวนาเปอร์ดานา (Perdana Dialogue) ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป

ข้าพเจ้าเชื่อว่าจะเป็นการประชุมที่มีความสำคัญอย่างมาก ด้วยความมั่นใจในความมุ่งมั่นของการประชุมสุดยอดไปสู่พลังของความร่วมมือและการสนทนา

ในขณะที่ในเวลาเดียวกันจะมีการย้ำถึงความรับผิดชอบที่ประสบกับพวกเราทุกคน

เพื่อให้เกิดความมั่นใจในผลลัพธ์ของการพูดคุยกันนี้ที่จะถูกนำมาใช้โดยทันที

 

17.ด้วยสายสัมพันธ์นี้ ข้าพเจ้าถือโอกาสให้การยอมรับแถลงการณ์ของประธานที่ประชุมสุดยอด KL 2019

คำประกาศนี้ได้บันทึกและยืนยันความมุ่งหมายหลายประการที่สมควรได้รับการยกย่องและความสำเร็จของการประชุม

ซึ่งมีบทสรุปด้วย “ข้อเรียกร้องที่จะให้ได้มาซึ่งวัตถุประสงค์ในการฟื้นฟูอารยธรรมอิสลามสำหรับคนในรุ่นปัจจุบันและในอนาคตของอุมมะฮ์ (Mahathir Mohammad, “Chair”s statement on KL Summit 2019” (21 December 2019))

ขอให้เรานำความมุ่งมั่นร่วมกันที่มาจากคำพูดได้เปลี่ยนมาเป็นการกระทำอย่างเอาจริงเอาจังที่สุด

ขอพวกเราอย่าได้ลืมข้อผูกมัดนี้ที่จะทำการงานที่ดีที่เราได้เริ่มทำกันมา

 

18.ในท้ายที่สุด ข้าพเจ้าขอย้อนรำลึกถึงถ้อยคำที่มีชื่อเสียงของนักฟิสิกส์แห่งศตวรรษที่ 20 อัลเบิร์ต ไอน์สไตน์ (Albert Einstein) ซึ่งตัวของเขาเองเป็นผู้ลี้ภัยชาวยิวที่ถูกบังคับให้หนีออกมาจากนาซีแห่งเยอรมนีในทศวรรษ 1930

โดยครั้งหนึ่งไอน์สไตน์ได้กล่าวว่า โลกจะไม่ได้ถูกทำลายโดยคนชั่วร้าย แต่โดยผู้ที่มองมันอยู่โดยไม่ได้ทำอะไรเลย

(ถ้อยคำที่เป็นบรรณาการของ Einstien ที่มีต่อ Poblo Casals (30 มีนาคม ปี 1953) ใน Josep M correndor Conversation with Casals (New York : E. P.Dutton 1957) แปลจาก Conversations over Paplo Casals : souvenirs openions of un musician (1955))

 

ท่านนายกรัฐมนตรีผู้ทรงเกียรติ สุภาพสตรีและสุภาพบุรุษ

19. ในที่นี้ข้าพเจ้าขอประกาศปิดการประชุมสุดยอด KL ณ บัดนี้

ด้วยความเคารพ