“คุณนิสิตนักศึกษา” ทั้งหลาย!! / ฉบับประจำวันที่ 28 ก.พ. – 5 มี.ค. 2563

การปรากฏขึ้นของปรากฏการณ์ “จุดเทียน” ของนิสิต นักศึกษา มหาวิทยาลัยต่างๆ สร้างความรู้สึกทั้งตื่นเต้นดีใจและตระหนก ตกประหม่า
ตระหนก ตกประหม่า เพราะว่าน้ำเสียงที่เกิดขึ้นพุ่งเป้าไปยังประชาธิปไตย ความเป็นธรรม
ตระหนก ตกประหม่า เพราะว่าการแพร่กระจายของการเคลื่อนไหวดำเนินไปในลักษณะอันเป็น “ไวรัล” ในทางการเมือง
จากมหาวิทยาลัยหนึ่ง ไปยังอีกมหาวิทยาลัยหนึ่ง
ตื่นเต้น ดีใจ เพราะว่าสิ่งที่เรียกว่า “พลังนักศึกษา” ได้ขาดหายไปนับแต่หลังสถานการณ์สังหารโหดกลางเมืองเมื่อเดือนตุลาคม 2519 เป็นต้นมา
นี่จึงเป็นครั้งแรกที่ “ดอกไม้เริ่มบาน บริสุทธิ์และกล้าหาญ” อย่างยิ่ง
เมื่อนำเอาความรู้สึกตื่นเต้น ดีใจ ประสานเข้ากับความรู้สึกตระหนก ตกประหม่า ก็นำไปสู่ความกังวลว่าอาจเกิดสถานการณ์บดขยี้และทำลาย
เหมือนที่เกิดขึ้นกับพรรคอนาคตใหม่

ที่มิอาจปฏิเสธได้เลยก็คือ ปฏิกิริยาอันแสดงความไม่พอใจของนิสิต-นักศึกษาครั้งนี้มีจุดเริ่มจากรู้สึกว่าการยุบพรรคอนาคตใหม่ดำเนินไปอย่างเป็นการกลั่นแกล้ง ไม่เป็นธรรม
โดยเฉพาะเมื่อเปรียบเทียบกับพรรคการเมืองอย่างพรรคพลังประชารัฐ
ขณะเดียวกัน ในหมู่ของนิสิต-นักศึกษาก็มีจำนวนไม่น้อยเป็น “นิวโหวตเตอร์” และด้านหลักเลือกพรรคอนาคตใหม่ด้วยความหวังว่าจะไปสร้างภูมิทัศน์ใหม่ในทางการเมืองให้เกิดขึ้น
เมื่อประสบกับการถูกบดขยี้และทำลายจึงเกิดความเจ็บปวด
ความรู้สึกร่วมของพวกเขาประการหนึ่งก็คือ มีความเห็นว่าสภาพการณ์ทางการเมืองเช่นนี้กระทบต่ออนาคตในทางการเมือง กระทบต่ออนาคตของพวกเขาโดยตรง
อนาคตของพรรคอนาคตใหม่จึงกลายเป็นเรื่องเดียวกับอนาคตของคนรุ่นใหม่
ตรงนี้เองที่ทำให้พวกเขาไม่อาจทนเห็นสภาพการณ์เช่นนี้และต้องพากันออกมาแสดงความคิดเห็นโดยผ่านกระบวนการแฟลชม็อบ แห่งแล้วแห่งเล่า
ยังไม่มีใครให้คำตอบได้ว่าอนาคตอันใกล้ แฟลชม็อบจะมีพัฒนาการอย่างไร

กูเป็นนิสิตนักศึกษา
วาสนาสูงส่งสโมสร
ย่ำค่ำนี่จะย่ำไปงานบอลล์
เสพเสน่ห์เกสรสุมาลี
การที่สุจิตต์ วงษ์เทศ ใช้สรรพนาม “กู” กับนิสิตนักศึกษาในยุคสายลมแสงแดด ย่อมเหมาะสมกับกาลสมัย
แต่เมื่อเวลาผันแปรมาถึงปี 2563
การใช้กู กับนิสิตนักศึกษา อาจจะไม่เหมาะสมสักเท่าไหร่
โดยเฉพาะบทบาทของนิสิตนักศึกษาบางส่วน
ที่มีปฏิกิริยาต่อต้านคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ กรณีการยุบพรรคอนาคตใหม่ ที่ไปกู้เงินนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรค 191 ล้านบาท
ถือเป็นปฏิกิริยาที่ก้าวหน้า และแพร่ขยายไปเป็นไฟลามทุ่ง
มิเหมาะสมที่จะเป็นมึงหรือกู
แต่สมควรจะเป็นคุณ (แม้จะกลายเป็นคำไม่สุภาพเสียแล้วเมื่อนำไปเรียกขานใครบางคนในสภา) ด้วยคุณนิสิตนักศึกษากำลังพิสูจน์ว่า การเคลื่อนไหวจะลุกลามไปไกลขนาดไหน
จะนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงที่นอกเหนือจากการแสดงความไม่พอใจการยุบพรรคอนาคตใหม่หรือไม่
นี่คือสิ่งที่เราควรติดตาม
“คุณนิสิตนักศึกษา” ทั้งหลาย!!
—————–