วิเคราะห์ : ไทยถึงเวลาหรือยังกับ “รถไฟฟ้า”

ทวีศักดิ์ บุตรตัน

ถึงเวลาที่รัฐบาลต้องเร่งเครื่องเดินหน้าในโครงการรถยนต์ไฟฟ้าให้เต็มสูบเพราะสถานการณ์หลายๆ ด้านทั้งในประเทศและทิศทางของโลกบีบบังคับ

เวลานี้หลายๆ ประเทศประกาศให้รถยนต์ไฟฟ้าเป็นส่วนหนึ่งของกฎหมายอากาศสะอาดเพื่อให้เมืองมีอากาศสะอาดๆ ให้ผู้คนได้สูดลมหายใจอย่างเต็มปอด ทั้งนี้ เพราะรถยนต์ที่ใช้เครื่องยนต์สันดาปด้วยน้ำมันเบนซินหรือดีเซลเป็นสาเหตุหลักทำให้เกิดมลพิษทางอากาศ

องค์การอนามัยโลกบอกว่า ทุกปีชาวโลกเสียชีวิตเพราะอากาศเป็นพิษ 4.2 ล้านคน

เมืองไหนที่ผู้คนสูดดมอากาศเป็นพิษจากควันรถยนต์ ฝุ่นที่มาจากโรงงานอุตสาหกรรม โครงการก่อสร้าง หรือการเผาไร่ทุกๆ วัน สุขภาพอนามัยของผู้คนเหล่านั้นทรุดโทรมลงอย่างเห็นได้ชัด

โรคมะเร็งปอด โรคทางเดินหายใจ โรคหัวใจจะเข้ามาเยือน สะสมคร่าชีวิตผู้คนอย่างช้าๆ

องค์การอนามัยโลกประเมินว่า วันนี้ชาวโลก 91 เปอร์เซ็นต์อยู่ในพื้นที่ที่มีอากาศเป็นพิษซึ่งเป็นผลมาจากการขยายตัวของเมือง

ควันพิษลอยสู่ชั้นบรรยากาศโลก ไม่เพียงทำให้คนเจ็บป่วยเท่านั้น หากยังทำให้สภาวะภูมิอากาศโลกเปลี่ยนแปลง ทำให้อุณหภูมิบนผิวโลกร้อนขึ้น น้ำแข็งบริเวณขั้วโลกละลาย น้ำทะเลเพิ่มสูง ลมฟ้าอากาศแปรปรวน ร้อนจัด แล้งยาว ฝนตกหนักและหนาวเย็นมากขึ้น

อากาศเป็นพิษจึงเป็นเรื่องที่ชาวโลกต้องหาทางเร่งคุมให้อยู่โดยเร็วที่สุด

 

เมื่อไม่นานมานี้ นายซาดิค ข่าน นายกเทศมนตรีกรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ ประกาศให้ชาวโลกได้รับรู้ว่า ลอนดอนวางแผนให้เป็นเมืองแรกของโลกที่มีปริมาณควันพิษต่ำสุด

เป้าหมายหลักของ “ข่าน” ต้องการให้ชาวลอนดอนเดินทางไปไหนมาไหนด้วยพาหนะที่ปล่อยควันพิษออกมาน้อยๆ หรือไม่มีควันพิษออกมาเลย เช่น ใช้รถยนต์ไฟฟ้า รถจักรยาน หรือทำทางเดินให้กว้างๆ เดิน-วิ่งได้สะดวกสบาย

“ข่าน” เขียนชี้แจงในแผนปฏิบัติการการใช้รถยนต์ไฟฟ้าไว้ว่า ปัจจุบันอากาศในกรุงลอนดอนสกปรกเหลือเกิน และยังมีมลพิษปนเปื้อนให้ชาวลอนดอนเสียชีวิตก่อนวัยอันควรปีละหลายพันคน

ถ้าหากไม่มีแผนมาปกป้อง ในอนาคตลูกหลานของชาวลอนดอนจะเจอมลพิษทางอากาศ สุขภาพจิต สุขภาพกายจะย่ำแย่มากขึ้น

 

แผนปฏิบัติการของ “ข่าน” นั้น เน้นการควบคุมมาตรฐานการปล่อยอากาศเสีย ลดปริมาณการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ เปลี่ยนระบบการขนส่งคมนาคม เน้นการใช้รถไฟฟ้า ทั้งรถบัสโดยสาร รถยนต์ส่วนบุคคล เลิกใช้รถยนต์เครื่องเบนซินและดีเซล

ตามแผนในปี 2573 รถยนต์รุ่นใหม่ที่วิ่งในกรุงลอนดอนจะปลอดจากควันพิษ และรถเก่าๆ จะถูกบีบให้หันมาใช้รถยนต์ไฟฟ้า

ถึงเวลานั้น ทั่วกรุงลอนดอนจะมีจุดชาร์จแบตเตอรี่สำหรับรถยนต์ไฟฟ้าแทนปั๊มน้ำมัน

นายกเทศมนตรีกรุงลอนดอนบอกว่า การเปลี่ยนแปลงนั้นไม่ใช่เรื่องง่าย แต่เป็นเรื่องต้องทำ

“ข่าน” ระดมผู้เชี่ยวชาญและองค์กรต่างๆ มาช่วยกันคิดทำอย่างไรให้แท็กซี่ในลอนดอนซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของเมือง เปลี่ยนไปใช้เครื่องยนต์ขับเคลื่อนด้วยระบบไฟฟ้า

ผลปรากฏว่า มีแท็กซี่ 1,700 คันหันมาเดินตามแผน นอกจากนี้ ยังออกแผนสนับสนุนกลุ่มธุรกิจขนาดเล็ก ขนาดกลาง และคนที่รายได้น้อย เปลี่ยนรถคันใหม่เป็นรถไฟฟ้า

ผู้บริหารกรุงลอนดอนยังสนับสนุนการคิดค้นวิจัยเครื่องชาร์จแบตเตอรี่ ที่สามารถชาร์จไฟฟ้าให้กับรถยนต์ได้เร็วขึ้นกว่าที่มีอยู่ในปัจจุบัน แต่มีราคาถูกลง และเร่งติดตั้งเครื่องชาร์ตตามจุดต่างๆ เพื่อรองรับปริมาณการใช้รถไฟฟ้าที่เพิ่มขึ้นทุกๆ ปี

 

ส่วนที่นครซานดิเอโก รัฐแคลิฟอร์เนีย สหรัฐอเมริกา ริเริ่มโครงการสนับสนุนให้ชาวเมืองมีรถไฟฟ้าใช้ในหลากหลายวิธี ตั้งแต่การให้คำแนะนำรถไฟฟ้ารุ่นที่ถูกใจ ราคาเหมาะสม และเหตุผลความจำเป็นในการใช้รถยนต์ไฟฟ้า

นครซานดิเอโกมีรถไฟฟ้ายี่ห้อต่างๆ จำหน่าย 45 รุ่น ราคาแตกต่างกัน เว็บไซต์ของนครซานดิเอโกรวบรวมข้อมูลพร้อมเปิดให้คนคลิกเข้าไปดูว่า ต้องการรถไฟฟ้ารุ่นไหน ราคาเท่าไหร่

ที่สเปน ทางรัฐบาลสนับสนุนโครงการรถยนต์ไฟฟ้าอย่างแข็งขัน บริษัทรถยนต์ดังๆ แห่ขายรถไฟฟ้าในหลายๆ รุ่น เนื่องจากเห็นว่ารัฐบาลสเปนวางระบบโครงสร้างพื้นฐานสำหรับการใช้รถไฟฟ้าอย่างเต็มรูปแบบ เช่น ติดตั้งแท่นชาร์จแบตเตอรี่ทั่วประเทศ ออกกฎหมายอากาศสะอาดกำหนดให้ปั๊มน้ำมันติดตั้งแท่นชาร์จด้วย และวางเป้าหมายว่า ในปี 2593 สังคมสเปนจะไร้คาร์บอนไดออกไซด์

เมืองต่างๆ ของสเปนได้รับการสนับสนุนเงินทุนเพื่อเปลี่ยนรถบัสโดยสารเป็นรถไฟฟ้า และมีนโยบายลดหย่อนภาษีการซื้อรถไฟฟ้า

 

หันมาดูบ้านเรา ก็มีแผนรถยนต์ไฟฟ้าเหมือนกัน คุณสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ให้สัมภาษณ์ว่า กระทรวงพลังงานวางเป้าหมายจะส่งเสริมการใช้รถยนต์ไฟฟ้าให้มากขึ้นภายในปี 2579 เมืองไทยจะมีรถยนต์ไฟฟ้า 1,200,000 คัน ทั้งรถไฟฟ้าประเภทไฮบริดและใช้แบตเตอรี่ไฟฟ้าร้อยเปอร์เซ็นต์

ในแผนสนับสนุนโรงงานต้นแบบผลิตแบตเตอรี่ไอออนและลิเธียมซัลเฟอร์สำหรับใช้ในรถยนต์ เรือ และรถตุ๊กตุ๊กไฟฟ้า

พูดถึงรถตุ๊กตุ๊กไฟฟ้า เห็นข่าวบริษัทเออร์เบิน โมบิลิตี้ ใช้รถตุ๊กตุ๊กไฟฟ้ามาเชื่อมต่อกับแอพพลิเคชั่น “MuvMi” หรือมูฟมี เพื่อบริการผู้โดยสารที่ขึ้นรถไฟฟ้าบีทีเอส

ผู้โดยสารเพียงคลิกในมือถือผ่านแอพพ์เพื่อเรียกรถตุ๊กตุ๊กไฟฟ้าไปส่งหรือรับตามแนวเส้นทางที่บริษัทกำหนดไว้

รถตุ๊กตุ๊กดังกล่าวให้บริการรับผู้โดยสารได้หลายคนในเส้นทางเดียวกัน เท่ากับเป็นคาร์พูล ช่วยลดการแออัดคับคั่งบนท้องถนน ลดควันพิษ เป็นการตอบโจทย์คนเมืองใหญ่

การผลิตรถยนต์ไฟฟ้าและธุรกิจเกี่ยวเนื่องอย่างนี้ รัฐบาลควรสนับสนุนให้จริงจัง เพราะจะเป็นอีกทางออกในการแก้ปัญหามลพิษทางอากาศ