ที่มา | มติชนสุดสัปดาห์ ฉบับวันที่ 21 - 27 กุมภาพันธ์ 2563 |
---|---|
คอลัมน์ | ยานยนต์ |
ผู้เขียน | สันติ จิรพรพนิต |
เผยแพร่ |
ยานยนต์ สุดสัปดาห์/สันติ จิรพรพนิต [email protected]
ยลโฉม ‘มินิ คูเปอร์ เอสอี’
สวยเฉี่ยว-พลังไฟฟ้า 100%
ตอบรับกระแสรักษ์โลกด้วยยานยนต์ไฟฟ้า ที่ร้อนแรงขึ้นเรื่อยๆ
ไม่เว้นแม้แต่รถวัยรุ่นจ๋าอย่าง “มินิ” ที่กระโดดร่วมวงส่งรถไฟฟ้า 100% เข้ามาชิมลางในเมืองไทยเป็นรุ่นแรก
กับ “มินิ คูเปอร์ เอสอี”
เผยโฉมในไทยเป็นประเทศแรกในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก
ด้วยความเป็นรถไฟฟ้ารุ่นแรกที่ทำตลาด จึงนำเข้ามาจำนวนจำกัด
รูปลักษณ์ภายนอกแบบ 3 ประตู ทรงยอดนิยมของมินิ คูเปอร์ แต่มีเอกลักษณ์ต่างจากรุ่นเครื่องยนต์ ด้วยแถบเส้นสีเหลืองบริเวณกระจังหน้า กระจกมองข้าง และฝาครอบที่ชาร์จไฟฟ้าอยู่เหนือล้อหลังด้านขวา ซึ่งเป็นตำแหน่งเดียวกับฝาถังน้ำมันของมินิ 3 ประตู
บนฝาแสดงสัญลักษณ์ MINI Electric เพื่อสร้างความแตกต่างระหว่างการใช้เชื้อเพลิงน้ำมันและการใช้พลังงานไฟฟ้า
ไฟหน้าทรงกลมแบบ LED พร้อมไฟเดย์ไทม์ ต่ำลงมาเป็นไฟตัดหมอกขนาดเล็ก และกำลังไฟสูง
ใต้ท้องรถที่มีแผ่นปิดเกือบรอบคันและกระโปรงท้ายรถในรูปลักษณ์สะดุดตา ช่วยลดแรงต้านของอากาศ ยิ่งเมื่อไม่มีท่อไอเสีย อากาศจึงสามารถไหลผ่านใต้ท้องรถไปยังท้ายรถได้ดียิ่งขึ้น ช่วยเสริมประสิทธิภาพด้านอากาศพลศาสตร์ด้วย
ล้ออัลลอยลายแปลกตาแบบ “MINI Electric Corona” ขนาด 17 นิ้ว พร้อมยางรันแฟลต เป็นเอกลักษณ์เฉพาะรุ่นมินิ คูเปอร์ เอสอี เท่านั้น
ภายในเบาะผ้าสีดำ Carbon Black ลาย Double Stripe หัวเกียร์ดีไซน์เฉพาะสำหรับรุ่นมินิ คูเปอร์ เอสอี
พวงมาลัยทรงกลมขนาดกำลังเหมาะ พร้อมระบบมัลติฟังก์ชั่น
แผงหน้าปัดมาในดีไซน์เฉพาะรุ่นเช่นเดียวกัน จอแสดงผลสีดิจิตอลขนาด 5.5 นิ้ว ดีไซน์ Black Panel ด้านหลังพวงมาลัย โดยอัตราความเร็วในการขับขี่จะแสดงผลทั้งในแบบตัวเลขและแถบทรงกลมอยู่บริเวณกลางจอ
ส่วนด้านข้างเป็นการแสดงข้อมูลแบบดิจิตอล บอกระดับพลังงานของแบตเตอรี่แรงดันสูง โหมดการขับขี่ สถานะของระบบช่วยเหลือผู้ขับขี่ และสัญญาณแสดงสถานะการทำงานของระบบต่างๆ
หน้าจอระบบสัมผัสขนาด 6.5 นิ้วบริเวณแผงคอนโซล ออกแบบไว้ตรงกลางของวงกลมขนาดใหญ่ เอกลักษณ์ของมินิในยุคหลังๆ รองรับการแสดงผลจากบริการ MINI Connected ที่ออกแบบมาเพื่อรองรับการขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้าโดยเฉพาะ
เช่น จอ eDrive ที่แสดงข้อมูลเกี่ยวกับการใช้พลังงานและระยะทางที่วิ่งได้ รวมถึงทางเลือกต่างๆ ในการเพิ่มระยะทางในการขับขี่
ระบบปรับอากาศอัตโนมัติแบบ 2 โซน แยกการระบายอากาศและการควบคุมอุณหภูมิระหว่างผู้ขับและผู้โดยสารด้านหน้า
รองรับการสั่งงานระยะไกลจากแอพพลิเคชั่น MINI Connected ในการตั้งเวลาออกเดินทางเพื่อเปิดระบบปรับอากาศล่วงหน้าได้ตามต้องการ
ปุ่มควบคุมระบบต่างๆ อยู่บริเวณคอนโซลเกียร์ เพื่อให้ผู้ขับขี่ใช้งานง่าย รวมถึงเบรกมือไฟฟ้าขนาดเล็ก ดูทันสมัย
มาถึงหัวใจสำคัญคือขุมพลังมอเตอร์ไฟฟ้าประสิทธิภาพสูงรุ่นใหม่ล่าสุดที่บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป พัฒนาขึ้น พละกำลังสูงสุด 135 กิโลวัตต์ / 184 แรงม้า และด้วยมอเตอร์ไฟฟ้า แรงบิดสูงสุด 270 นิวตันเมตร
ความเร็วจาก 0 ถึง 60 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ภายใน 3.9 วินาที เทียบชั้นรถสปอร์ต ทำความเร็วสูงสุดได้ 150 กิโลเมตรต่อชั่วโมง และใช้พลังงานจากแบตเตอรี่ลิเธียมไอออนในการวิ่งได้ระยะทางสูงสุดราว 217 กิโลเมตร
มอเตอร์ไฟฟ้าที่ทำงานแทบจะไร้เสียง จึงติดตั้งระบบการจำลองเสียงเพื่อเตือนคนเดินถนน ผ่านระบบลำโพงขณะขับขี่ที่ความเร็วต่ำ
ระบบส่งกำลังและวงจรอิเล็กทรอนิกส์ที่ควบคุมการจ่ายพลังงานไฟฟ้าไปยังระบบต่างๆ ติดตั้งอยู่บริเวณด้านหน้าของรถ ส่วนแบตเตอรี่แรงดันสูงที่ได้รับการพัฒนาขึ้นมาสำหรับมินิ คูเปอร์ เอสอีโดยเฉพาะ ประกอบไปด้วยเซลล์แบตเตอรี่ลิเธียมไอออนจำนวน 12 โมดูล ติดตั้งในรูปทรงตัว T บริเวณใต้ท้องรถ จุพลังงานไฟฟ้ารวม 32.6 กิโลวัตต์ชั่วโมง
รถยนต์ขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้า 100% จากมินิรุ่นแรกนี้ รองรับการตั้งค่าต่างๆ ตามสภาวะการขับขี่และรูปแบบการขับขี่ที่เฉพาะตัวของแต่ละบุคคล โดยมาพร้อมโหมดการขับขี่ 4 รูปแบบ
ประกอบด้วย Sport, MID, GREEN และ GREEN+
อีกหนึ่งเอกลักษณ์ของบีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป คือการนำพลังงานจากการเบรกกลับมาใช้ใหม่ (regenerative brake) ที่ทำให้รถชะลอความเร็วทันทีที่ผู้ขับยกเท้าออกจากคันเร่ง จึงสามารถลดความเร็วรถได้ขณะขับขี่ที่ความเร็วต่ำโดยไม่ต้องแตะเบรก
ทำให้ผู้ขับขี่สามารถควบคุมความเร็วได้โดยใช้เพียงคันเร่งแบบ one-pedal feeling
มินิ คูเปอร์ เอสอี ถือเป็นรถยนต์รุ่นแรกของบีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ที่เลือกปรับเปลี่ยนระหว่างการขับขี่แบบ one-pedal feeling หรือเลือกลดระดับการนำพลังงานจากเบรกกลับมาใช้ใหม่ เพื่อทำให้รถชะลอตัวนุ่มนวลยิ่งขึ้น
ด้านความปลอดภัยไม่ต่างจากรถเครื่องยนต์ปกติ ทุกชิ้นส่วนของระบบการขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้า ได้รับการปกป้องด้วยโครงสร้างที่ออกแบบเป็นพิเศษ และจะหยุดการทำงานทั้งหมดทันทีหากเกิดการชน
วงจรอิเล็กทรอนิกส์อยู่ภายใต้กันชนและโครงสร้างมอเตอร์ที่เสริมความแข็งแกร่งยิ่งขึ้น ส่วนแบตเตอรี่แรงดันสูงจะติดตั้งอยู่ภายในแผ่นรองฐานใต้ท้องรถที่ออกแบบมาเพื่อป้องกันชิ้นส่วนแบตเตอรี่โดยเฉพาะ
เอกลักษณ์ความเร้าใจในสไตล์โกคาร์ตที่เป็นตำนานของมินิ มาพร้อมการควบคุมที่ปราดเปรียวและแม่นยำด้วยเทคโนโลยีช่วงล่างที่ได้รับการพัฒนา และตั้งค่ามาเพื่อมินิ คูเปอร์ เอสอีโดยเฉพาะ
จุดศูนย์ถ่วงที่ต่ำกว่าของมินิ คูเปอร์ เอส อย่างน้อย 30 มิลลิเมตร เพิ่มประสิทธิภาพการกระจายน้ำหนักและการเข้าโค้ง
มาพร้อมระบบควบคุมเสถียรภาพการขับขี่ (DSC) ที่เสริมความสนุกสนานและเร้าใจยิ่งขึ้น โดยไม่สูญเสียประสิทธิภาพในการยึดเกาะถนน
มินิ คูเปอร์ เอสอี สามารถชาร์จจากระบบโครงข่ายไฟฟ้าได้หลายรูปแบบ ทั้งจากปลั๊กไฟในบ้านโดยตรง (อุปกรณ์มาตรฐานของตัวรถ) จากเครื่องชาร์จ MINI ELECTRIC Wallbox และจากสถานีชาร์จสาธารณะ
รองรับหัวชาร์จทั้ง AC และ DC แบบ Type 2 และหัวชาร์จ CCS Combo 2
แบตเตอรี่รองรับกำลังไฟได้สูงสุด 11 กิโลวัตต์ ชาร์จความจุ 80% ภายใน 2 ชั่วโมงครึ่ง และชาร์จเต็ม 100% ภายใน 3 ชั่วโมงครึ่ง
หากชาร์จจากสถานีที่เป็นหัวชาร์จแบบเร็ว หรือ DC fast-charging สามารถรองรับพลังงานในการชาร์จได้สูงสุด 50 กิโลวัตต์ ชาร์จได้ถึง 80% ภายในเวลา 36 นาที
“มินิ คูเปอร์ เอสอี” เปิดราคาได้น่าสนใจ 2,290,000 ล้านบาท