แนวที่ 2 รหัสลับ พินอคคิโอ / ฉบับประจำวันที่ 21-27 กุมภาพันธ์ 2563

การแถลงปิดคดี “นอกศาลรัฐธรรมนูญ”
ของนายปิยบุตร แสงกนกกุล ส.ส.บัญชีรายชื่อ และเลขาธิการพรรคอนาคตใหม่
เมื่อ 18 กุมภาพันธ์
ถือเป็นโค้งสุดท้าย
ก่อนศาลรัฐธรรมนูญอ่านคำวินิจฉัยคดีกรณีเงินกู้พรรคอนาคตใหม่ ในวันที่ 21 กุมภาพันธ์
ด้วยคำสรุปที่ว่า
“วันที่ 21 กุมภาพันธ์ หากยุบพรรคจริง จะเป็นครั้งแรกที่ยุบพรรคฝ่ายค้านและยุบก่อนอภิปรายไม่ไว้วางใจ 3 วัน”
“ถ้าเกิดการยุบพรรคขึ้น จะไม่ใช่แค่การยุบพรรคเท่านั้น แต่เป็นการยุบความหวังของคนรุ่นใหม่ เพราะเป็นการทุบเข้าไปที่หัวใจของคนจำนวนมากที่หวังว่าประเทศไทยจะไปสู่จุดที่ดีกว่าเดิม และยังเป็นการปิดกั้นการแสดงความคิดเห็นที่ต้องการให้ประเทศไทยหลุดจากวงจรรัฐประหาร ลดความเหลื่อมล้ำ และขัดขวางพัฒนาการประชาธิปไตยที่กำลังเดินไปตามครรลอง”
“อย่าเอานิติสงครามมาเป็นเครื่องมือ เพราะไม่เป็นคุณต่อการพัฒนาประเทศไทย ตรงกันข้ามจะตอกลิ่มให้ความแตกแยกร้าวลงไปเรื่อยๆ”
“ผมฝากถามไปยัง กกต.และผู้บริหาร กกต.ในฐานะผู้ร้องยุบพรรคอนาคตใหม่ว่าตื่นเช้ามาในแต่ละวันส่องกระจกแล้วถามตัวเองดังๆ ว่าคุณต้องการยุบพรรคเพราะเป็นพรรคอนาคตใหม่ใช่หรือไม่”
“และไม่ต้องการให้นายธนาธรและนายปิยบุตรมีบทบาทในทางการเมืองใช่หรือไม่”

คําถามดังกล่าว จะมีคำตอบจากศาลรัฐธรรมนูญ อย่างไรในวันที่ 21 กุมภาพันธ์นี้ก็จะทราบกัน
จะยกคำร้อง ปล่อยให้ อนาคตใหม่เดินหน้าการเมืองต่อไป
หรือจะเป็นอย่างที่ คนส่วนใหญ่ดูจะเชื่อไปในทิศทางเดียวกัน
คือน่าจะมีผลที่ไม่เป็นคุณกับพรรคอนาคตใหม่นัก
อาจถูกยุบพรรคและตัดสิทธิกรรมการบริหารพรรค
หรืออย่างน้อย ไม่ยุบพรรคแต่ก็จะฟัน กรรมการบริหารพรรค
ซึ่งถ้าเป็นเช่นนั้น กรรมการบริหารพรรค 15 คน
ต้องถูกตัดสิทธิการเมืองและคนที่เป็น ส.ส. อยู่ด้วย 11 คนจะต้องพ้นหน้าที่

หากคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญออกมาในทางลบเช่นนั้น
กรณียุบพรรคส.ส.ที่เหลืออยู่
คงต้องหาสังกัดใหม่ภายใน 60 วัน เพื่อไม่ให้ขาดสมาชิกภาพ (รัฐธรรมนูญ มาตรา 101)
โดยระหว่างนี้อาจมี “เหตุแทรกซ้อน” จากการเข้ามาช้อนซื้อ “งูเห่า” ในอนาคตใหม่ เพื่อไปแก้ภาวะ “รัฐบาลเสียงปริ่มน้ำ”
แกนนำพรรคจึงต้องเตรียมจัดการให้เกิดการ “เกาะกลุ่ม-รวมตัว” กันไว้ให้ได้มากที่สุด
โดยอาจจะต้องรีบเปิดตัวพรรคสำรอง เพื่อรวมตัวไม่ให้ ส.ส.แตกพรรคไปไหน
ขณะเดียวกันก็ต้องรีบฟอร์มคณะกรรมการบริหารพรรคใหม่ เพื่อขับเคลื่อนพรรคต่อไป
อีกปัญหาเฉพาะหน้าหนึ่ง ที่พรรคอนาคตใหม่ต้องเผชิญและรีบปรับทัพก็คือ ศึกอภิปรายไม่ไว้วางใจ ที่จะมีขึ้นในวันที่ 24 กุมภาพันธ์
ที่จะต้องเฟ้นหาขุนศึกไปอภิปรายแทนกรรมการบริหารพรรค ที่ถูกเพิกถอนสิทธิการเมืองและต้องพ้นจาก ส.ส. 11 คน อย่างเร่งด่วน
เพื่อให้ “ทัพซักฟอก” ขับเคลื่อนตาม “แผน” ที่วางไว้
ตามการเปิดเผยของนายธนาธรก่อนหน้านี้
ที่ระบุว่า ได้เตรียมการอภิปรายมาตั้งแต่เดือนตุลาคม 2562
โดยใช้รหัสลับเพื่อเรียกโครงการนี้ว่า โปรเจ็กต์พินอคคิโอ มีตนเองเป็นหัวหน้าทีมมีการวาง ส.ส.ที่จะอภิปรายจำนวน 16 คน
โดยทำงานร่วมกับทีมกฎหมายของพรรค และทำงานร่วมกับทีมนโยบายอีก 50 กว่าคน เป็นเวลา 4 เดือนเต็ม
พรรคอนาคตใหม่ได้โควต้าจากพรรคร่วมฝ่ายค้าน 11 ชั่วโมง เฉลี่ยคนละ 40 นาที โดย 1 คนของพรรคอนาคตใหม่ จะอภิปรายในภาพรวม และอีก 15 คนจะอภิปรายในรายประเด็นไม่ซ้ำกัน
แต่ถ้าพรรคอนาคตใหม่ถูกยุบ คงต้องมีการปรับทัพใหม่กันพอสมควร

มีรายงานว่า มีการคาดหมายถึงการวางตัว ส.ส.แถว 2 ที่จะมารับหน้าที่หลักในศึกซักฟอกคราวนี้อย่างน้อย 3 คน โดยดูจากแววที่ฉายออกมาตลอดการทำงานที่ผ่านมา ทั้งการอภิปรายในการทำงาน การลงพื้นที่เก็บข้อมูล รวมทั้งประวัติบุคคลระดับครีม
ประกอบด้วย
1) นายทิม พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ
2) นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ
3) น.ส.ศิริกัญญา ตันสกุล ส.ส.บัญชีรายชื่อ และผู้อำนวยการฝ่ายนโยบาย พรรคอนาคตใหม่
ต้องรอดูว่า ดาวรุ่งเหล่านี้จะประสานกับทีมงานพรรคอนาคตใหม่ ลุยศึกอภิปรายไม่ไว้วางใจได้ดีเพียงใด
และจะสามารถแปรวิกฤตเป็นโอกาส
พลิกจากการถูกคาดหมายว่าจะถูกยุบพรรค มาเป็นพลังขับดัน
เพื่อพิสูจน์ว่า แม้จะถูกกระทำ แต่สามารถพลิกเป็นฝ่ายรุกกลับได้ดีเพียงใด
——————–