ที่มา | มติชนสุดสัปดาห์ ฉบับวันที่ 14 - 20 กุมภาพันธ์ 2563 |
---|---|
คอลัมน์ | หลังลับแลมีอรุณรุ่ง |
ผู้เขียน | ธงทอง จันทรางศุ |
เผยแพร่ |
ผมเชื่อว่าทุกท่านคงคุ้นเคยกับสำนวนไทยที่ว่า “ได้คืบจะเอาศอก” มาแล้วนะครับ?
วันนี้คนที่มีอาการดังที่ว่าไม่ใช่ใครอื่นเลยหากแต่เป็นตัวผมนี้เอง
เมื่อสักเดือนหนึ่งมาแล้วผมเสนอความเห็นในที่นี้ว่าน่าจะมีการพิจารณารื้อถอนอาคารศาลาว่าการกรุงเทพมหานครที่อยู่ใกล้กันกับเสาชิงช้า เพื่อปรับบริเวณลานคนเมืองตรงนั้นให้เป็นสวนสาธารณะขนาดใหญ่และเปิดมุมมองให้ได้แลเห็นพระวิหารหลวงและพระอุโบสถของวัดสุทัศน์เทพวราราม อยู่ในตำแหน่งซ้อนหน้าหลังกัน จนเกิดเป็นภาพอาคารตรีมุขขนาดมหึมา เป็นศรีสง่าแก่พระนคร
ปรากฏว่าผลตอบรับสำหรับข้อเสนอหรือความฝันของผมเป็นไปด้วยดี บางคนก็ยุส่งให้ผมไปสมัครเป็นผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครด้วยซ้ำ เพื่อผลักดันความฝันให้กลายเป็นความจริง
คนที่ยุส่งแบบนี้ผมเข้าใจว่าเป็นพวกปรารถนาดีแต่ประสงค์ร้ายกับผมมากกว่า ฮา!
ผมแก่แล้วปล่อยผมไปตามยถากรรมเถิดนะครับ
ข้อเสนอเรื่องนั้นผมถือว่าผมได้ “คืบ” มาแล้ว วันนี้จะขอเสนอเรื่อง “ศอก” บ้างครับ
ถ้าท่านเคยผ่านไปมาบริเวณหน้าวัดโพธิ์หรือวัดพระเชตุพนฯ ต้องนึกออกนะครับว่าตรงนั้นมีอาคารเก่าแก่หลังหนึ่งที่คนรุ่นผมเรียกว่ากรม ร.ด. ซึ่งเป็นคำย่อมาจากคำเต็มว่ากรมการรักษาดินแดน
แต่ปัจจุบันนี้ดูเหมือนจะเปลี่ยนชื่อไปเป็นหน่วยบัญชาการรักษาดินแดนเสียแล้ว
อาคารหลังนี้สร้างมาตั้งแต่รัชสมัยของพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ผมได้เคยเห็นรูปภาพพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลนั้นเสด็จพระราชดำเนินมาทรงเปิดอาคารหลังนี้ด้วย
ตึกหลังนี้จึงต้องถือว่าเป็นอาคารประวัติศาสตร์หรืออาคารอนุรักษ์หลังหนึ่งในพื้นที่เกาะรัตนโกสินทร์
ใจผมเห็นว่าการใช้อาคารที่มีคุณค่าทางประวัติศาสตร์เช่นนี้เป็นที่ทำการของหน่วยราชการเช่นในปัจจุบัน ดูจะไม่คุ้มค่าและไม่น่าจะสมประโยชน์ แม้ผู้ที่ทำงานอยู่ในอาคารนี้เอง ก็น่าจะรู้สึกอัดใจอยู่ไม่ใช่น้อยเพราะไม่สามารถจะทำอะไรได้ตามใจนึก ต้องระแวดระวังมิติทางประวัติศาสตร์อยู่เสมอ
ในขณะที่ผมเห็นว่าได้มีศูนย์ฝึกนักศึกษารักษาดินแดนอยู่ที่ถนนวิภาวดีรังสิตมานานปีแล้ว ภายในบริเวณศูนย์ฝึกดังกล่าวยังพอมีพื้นที่ที่จะปรับปรุงหรือก่อสร้างเป็นอาคารที่ทำงานของหน่วยบัญชาการรักษาดินแดนแห่งใหม่ได้ ถ้าเราคิดจะขยับขยายโยกย้ายกันจริงๆ
แล้วถ้าหน่วยบัญชาการรักษาดินแดนย้ายไปทำงานในที่อื่นแล้ว ตรงนี้จะทำอะไรดีครับ
มนุษย์เช่นผมจะคิดอะไรได้นอกจากเสนอว่าขอให้ปรับปรุงอาคารตรงหน้าวัดพระเชตุพนฯ แห่งนี้เป็นพิพิธภัณฑ์แห่งใหม่สำหรับพระนคร
จะจัดเป็นพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติอีกแห่งหนึ่ง เพิ่มเติมจากพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติพระนครที่อยู่ใกล้กันกับมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ก็เหมาะสมดีงาม
เพราะพิพิธภัณฑ์ที่ตรงนั้น แออัดคับแคบเต็มทน
ข้าวของที่ยังเก็บรักษาอยู่ในคลังของกรมศิลปากรมีอีกอเนกอนันต์
มีของดีแล้วไม่ได้โชว์นี่มันอึดอัดนะครับ
ผมจะยังไม่พูดอะไรลึกซึ้งไปจนถึงเรื่องว่าควรแสดงเรื่องอะไรบ้าง หรือแม้แต่อาจจะคิดเป็นประเด็นใหม่ได้อีกหลายเรื่อง ข้อนั้นยังพูดกันได้อีกยาว
แต่ขอให้เราขึ้นต้นด้วยความคิดที่ตรงกันเสียก่อนเถิดว่า ขอให้อาคารแห่งนั้นซึ่งมีบริเวณด้านหลังเชื่อมต่อไปจนกระทั่งถึงอาคารของกรมที่ดินเดิมและอาคารหลังเล็กหลังน้อยซึ่งล้วนแต่เป็นของทางราชการและแทบจะหมดอายุการใช้งานแล้วทั้งสิ้น
ได้มีชีวิตใหม่ในฐานะที่เป็นแหล่งศึกษาเรียนรู้ทางวัฒนธรรม
และขณะเดียวกันก็เป็นแหล่งท่องเที่ยวสำคัญแหล่งใหม่ของเมืองไทย
อย่าลืมนะครับว่าห่างจากตรงนั้นไปเพียงไม่กี่ก้าว สถานีรถไฟใต้ดินที่เราภูมิใจนักหนาว่าเป็นสถานีรถไฟใต้ดินที่สวยที่สุดชื่อสถานีสนามไชย ก็เปิดให้บริการมาหลายเดือนแล้ว
รอบรายบริเวณทั้งซ้ายขวาหน้าหลัง ล้วนมีบรรยากาศของการศึกษาเรียนรู้ทางวัฒนธรรมที่คึกคักทั้งสิ้น
จะนึกถึงแหล่งท่องเที่ยวหรืออาหารการกินอื่น เช่น ท่าเตียน ก็อยู่ห่างกันเพียงระยะทางเดินไม่ถึง 10 นาที
แน่นอนครับว่า ถ้าเราทำอย่างนี้ได้จริง เราอาจจะต้องลงทุนด้วยเงินหลายพันล้าน แต่ผมเชื่อว่าเป็นการลงทุนที่ไม่สูญเปล่าแน่นอน
ยังไม่ต้องคิดถึงกำรี้กำไรที่เป็นเม็ดเงินหรอกครับ คิดแต่เพียงว่าเรามีแหล่งศึกษาความรู้ที่เอื้อประโยชน์ให้กับคนไทยและลูกหลานของเราได้ภาคภูมิใจในความเป็นบ้านเป็นเมืองได้สร้างคนที่มีสุนทรียภาพอยู่ในหัวใจให้มีปริมาณเพิ่มขึ้น เพียงนี้ก็คิดคำนวณไม่ได้แล้วว่ามีมูลค่าสักปานใด
ถ้าจะคิดในเรื่องเงินทองบ้างก็ไม่ผิดบาปอะไร
อย่างไรเสียของอย่างนี้ผมเชื่อว่าคุ้มกับการลงทุนครับ
จริงอยู่ว่าเวลานี้เราอาจมีปัญหาเรื่องนักท่องเที่ยวลดจำนวนลงไปอย่างมีนัยยะสำคัญเนื่องจากโรคภัยไข้เจ็บที่เป็นข่าวอยู่ในเวลานี้
แต่สักวันหนึ่งปัญหาก็ต้องคลี่คลายลงไปประเทศไทยของเรามีนักท่องเที่ยวเดินทางเข้ามาปีละร่วมสามสิบล้านคน มีรายได้จากการท่องเที่ยวมหาศาล
การบริหารจัดการให้มีแหล่งท่องเที่ยวใหม่เกิดขึ้นเพื่อตอบสนองความต้องการของนักท่องเที่ยวที่มีรสนิยมหลากหลายแตกต่างกัน จึงเป็นเรื่องที่เราต้องคิดและต้องลงทุน
ประเทศสิงคโปร์เป็นเกาะเล็กนิดเดียว เขามีพิพิธภัณฑ์ที่มีคุณภาพ และสะสมข้าวของที่น่าดูน่าสนใจไว้จากประเทศอาเซียนไปรวมไว้เพื่อจัดแสดงสำหรับให้ความรู้กับคนในประเทศของเขา และยังเป็นแรงดึงดูดให้อีกหลายคนที่มาจากประเทศอื่นเดินทางไปสิงคโปร์เพื่อไปดูพิพิธภัณฑ์เหล่านั้นจัดแสดงนิทรรศการถาวร และนิทรรศการพิเศษที่หยิบยืมมาจากพิพิธภัณฑ์สำคัญทั่วโลก
เมื่อพูดถึงพิพิธภัณฑ์แล้วขอความกรุณา เราช่วยกันลบภาพความทรงจำดั้งเดิม ว่าพิพิธภัณฑ์คือโรงโกดังสำหรับเก็บของเก่าออกไปจากความคิดของเราเสียก่อน
พิพิธภัณฑ์ยุคนี้มีสีสัน แปลกตาไปกว่าแต่ก่อนเป็นอันมากครับ
นอกจากจะมีการจัดแสดงศิลปะโบราณวัตถุอย่างสวยงาม เล่นแสงเล่นสีให้ตื่นตาตื่นใจแล้ว
พิพิธภัณฑ์ในหลายประเทศยังมีร้านอาหารหลายระดับ หลายสไตล์ให้เลือก
มีร้านขายของที่ระลึกซึ่งชวนให้เราควักสตางค์ออกจากกระเป๋าเป็นอย่างยิ่ง
แต่ละวัน แต่ละสัปดาห์ก็มีกิจกรรมพิเศษ เป็นดนตรีบ้าง เป็นการบรรยายทางวิชาการบ้าง ล่อใจให้มีคนมาร่วมกิจกรรม
บางทีก็มีภาพยนตร์ดีๆ มาฉายให้ดู
บางแห่งไปไกลถึงขนาดให้เช่าจัดงานเลี้ยงหรืองานปาร์ตี้แบบส่วนตัวหรือส่วนบริษัทด้วย
น่าสนใจไหมล่ะครับ
ต้นทุนเรื่องทำเลที่ตั้งและอาคารเดิมที่สามารถนำมาปรับปรุงเพื่อใช้งานได้เรามีอยู่พร้อมมูลแล้ว ขาดอยู่แต่เพียงการตัดสินใจระดับนโยบาย และการบริหารจัดการที่มีคุณภาพ ซึ่งถ้าจะตัดสินใจทำกันจริงๆ แล้วก็ไม่มีอะไรเกินความสามารถของเราไปได้
หนที่แล้วเรื่องรื้อศาลาว่าการกรุงเทพมหานคร ผมได้ฝากความไปถึงท่านผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครผ่านช่องทางนี้ไปแล้ว
คราวนี้เรื่องแปลงโฉมอาคารกรม ร.ด.เดิม มาเป็นแหล่งเรียนรู้ทางวัฒนธรรม ผมจะฝากความถึงใครดีครับ
เห็นจะต้องกำเริบฝากไปถึงรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรมหรือนายกรัฐมนตรีโน่นเลยทีเดียว
ใครรู้จักทั้งสองท่านก็ฝากไปสะกิดท่านหน่อยนะครับ
ผู้น้อยอย่างผมมิบังอาจ
แค่เพียงได้สร้างวิมานกลางอากาศในที่นี้ก็มีความสุขแล้วครับ